![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f3/Ba_b747-400_g-bnle_arp.jpg/640px-Ba_b747-400_g-bnle_arp.jpg&w=640&q=50)
โบอิง 747-400
From Wikipedia, the free encyclopedia
โบอิง 747-400 เป็นเครื่องบินรุ่นรองล่าสุดของ โบอิง 747 ถูกแทนที่โดยโบอิง 747-8 ที่ปรับปรุงแล้ว ผลิตโดยฝ่ายผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง และเคยเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดจนกระทั่งการให้บริการของแอร์บัส เอ 380
ข้อมูลเบื้องต้น บทบาท, ชาติกำเนิด ...
![]() โบอิง 747-400 ของบริติชแอร์เวย์ | |
บทบาท | อากาศยานลำตัวกว้าง |
---|---|
ชาติกำเนิด | สหรัฐ |
บริษัทผู้ผลิต | เครื่องบินพาณิชย์โบอิง |
บินครั้งแรก | 29 เมษายน ค.ศ. 1988 |
เริ่มใช้ | 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 โดยนอร์ทเวสต์แอร์ไลน์ |
สถานะ | ออกจากการผลิต, ในประจำการ |
ผู้ใช้งานหลัก | ลุฟต์ฮันซา |
ช่วงการผลิต | รุ่นผู้โดยสาร: ค.ศ. 1988-2005 รุ่นขนส่งสินค้า: ค.ศ. 1993-2009 รุ่น Combi: ค.ศ. 1989-2002 |
จำนวนที่ผลิต | 694 ลำ |
มูลค่า | 747-400/-400ER: 234–266.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ค.ศ. 2007) 747-400F/-400ERF: 238–268ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ค.ศ. 2007) |
พัฒนามาจาก | โบอิง 747-300 |
แบบอื่น | โบอิง YAL-1 โบอิง ดรีมลิฟเตอร์ |
พัฒนาต่อเป็น | โบอิง 747-8 |
ปิด
โบอิงเปิดตัว 747-400 อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1985 โดยเครื่องบินลำแรกสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1988 และเริ่มทดสอบการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1988 จนกระทั่งในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1989 จึงได้มีการส่งมอบ 747-400 ลำแรกให้กับนอร์ทเวสต์แอร์ไลน์[1] ทั้งนี้การผลิตเครื่องบินรุ่น 747-400 สิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 2007 พร้อมกับการยกเลิกคำสั่งซื้อของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ (ซึ่งเปลี่ยนเป็นโบอิง777-300อีอาร์แทน) เครื่องลำสุดท้ายส่งมอบให้กับไชนาแอร์ไลน์ เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2005