คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ก๊กมินตั๋ง

พรรคการเมืองไต้หวัน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ก๊กมินตั๋ง
Remove ads

พรรคชาตินิยมจีน (จีนตัวย่อ: Chûng-fà Mìn-koet Koet-mìn-tóng; จีนตัวเต็ม: 中國國民黨; พินอิน: Zhōngguó Guómíndǎng; อังกฤษ: Chinese Nationalist Party) หรือมักเรียกว่า ก๊กมินตั๋ง ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ กั๋วหมินต่าง ตามสำเนียงกลาง (Kuomintang; ย่อว่า KMT) เป็นพรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยมของสาธารณรัฐจีนซึ่งยังคงดำรงอยู่ในไต้หวัน ปัจจุบันพรรคก๊กมินตั๋งเป็นพรรคการเมืองในสภานิติบัญญัติของไต้หวัน

ข้อมูลเบื้องต้น พรรคก๊กมินตั๋งแห่งประเทศจีน 中國國民黨, ประธาน ...
ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อภาษาจีน, อักษรจีนตัวเต็ม ...

พรรคก๊กมินตั๋งโดยเริ่มแรกนั้นเป็น "พันธมิตรปฏิวัติประชาธิปไตยจีน" หรือ (ถงเหมิงฮุ่ย) เป็นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยหลักในการโค่นล้มราชวงศ์ชิงเริ่มมีบทบาทในการลุกฮือที่อู่ชางในปี ค.ศ. 1911 และประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐจีนบนแผ่นดินใหญ่

พรรคก๊กมินตั๋งได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยซ่ง เจี่ยวเหรินและ ดร.ซุน ยัตเซ็น หลังจากการปฏิวัติซินไฮ่ ในปี ค.ศ. 1911 ดร.ซุนได้ชนะผลการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐจีนคนแรก แต่ต่อมาเขาก็ยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่ยฺเหวียน ชื่อไข่ทำให้ประเทศจีนแตกแยกเป็นขุนศึกประจำแคว้นต่าง ๆ หรือที่เรียกว่าสมัยขุนศึก ต่อมาพรรคก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของเจียง ไคเชกได้ประกาศเจตนารมณ์รวมแผ่นดินจีนอีกครั้ง ทางพรรคได้จัดตั้งกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนซึ่งประสบความสำเร็จในการกรีธาทัพขึ้นไปทางเหนือเพื่อปราบเหล่าขุนศึกและรวมประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดในปี ค.ศ. 1928 ยุติความโกลาหลของยุคขุนศึก

เมื่อรวบรวมแผ่นดินจีนสำเร็จพรรคก๊กมินตั๋งได้กลายมาเป็นพรรคการเมืองหลักที่ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1949 เมื่อพรรคก๊กมินตั๋งได้พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองจีนให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นพรรคคู่แข่ง ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งได้ลี้ภัยหนีไปเกาะไต้หวันและตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐจีนขึ้นใหม่ปกครองในฐานะรัฐเผด็จการพรรคเดียว ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ยึดแผ่นดินใหญ่ได้ตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น ส่วนสาธารณรัฐจีนที่ไต้หวันภายใต้พรรคก๊กมินตั๋งยังคงมีที่นั่งในองค์การสหประชาชาติในฐานะรัฐบาลตัวแทนของประเทศจีนที่ถูกต้อง (พร้อมด้วยการสนับสนุนจากตะวันตก) จนถึงปี ค.ศ. 1971

ไต้หวันได้ตัดสินใจยุติสถานะเป็นรัฐภายใต้พรรคการเมืองเดียวในปี ค.ศ. 1986 และเริ่มการปฏิรูปประชาธิปไตยทางการเมืองที่เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ได้มีการคลายอิทธิพลอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋ง อย่างไรก็ตามพรรคก๊กมินตั๋งยังคงเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองหลักของไต้หวันโดยมี หม่า อิงจิ่ว ได้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 2008 และได้ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี ค.ศ. 2012 โดยเป็นสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋งคนที่เจ็ดที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ในการเลือกตั้งทั่วไปและการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี ค.ศ. 2016 พรรคก๊กมินตั๋งได้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งให้กับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ซึ่งทำให้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้รับการควบคุมทั้งสภานิติบัญญัติหยวนและ ไช่ อิงเหวิน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

การก่อตั้งพรรคและดร.ซุนยัตเซ็น

Thumb
กองทัพฝ่ายปฏิวัติถงเหมิงฮุ่ยบุกเข้าเมืองหนานจิงในช่วงการปฏิวัติซินไฮ่ ปี ค.ศ. 1911
Thumb
ดร.ซุน ยัตเซ็น ผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง ได้รับความเคารพถือและยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งชาติ" หรือ "บิดาแห่งสาธารณรัฐจีน"

ในเริ่มแรกนั้นพรรคก๊กมินตั๋งได้สืบทอดอุดมการณ์และรากฐานขององค์กรต่อจากภาระกิจของดร.ซุนยัตเซ็น นักปฏิวัติประชาธิปไตยจีน ผู้ก่อตั้งสมาคมซิงจงฮุ่ยซึ่งเป็นสมาคมเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูจีนและต่อต้านราชวงศ์ชิงขึ้นที่กรุงโฮโนลูลูเมืองหลวงของเกาะฮาวายในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894[9] สมาคมซิงจงฮุ่ยได้ทำการรวบรวมอาสาสมัครและลุกฮือต่อต้านราชวงศ์ชิงครั้งแรกที่กวางโจวแต่ประสบความล้มเหลว ในปี ค.ศ. 1905 ดร.ซุนได้เข้าร่วมกับสมาคมเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบศักดินา-ราชาธิปไตยของราชสำนักชิงกลุ่มอื่นๆที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และตั้งเป็นสมาคมถงเหมิงฮุ่ย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1905 เป็นสมาคมที่มุ่งมั่นที่จะโค่นล้มราชวงศ์ชิงโดยเฉพาะและต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสาธารณรัฐ

สมาคมถงเหมิงฮุ่ยได้วางแผนและสนับสนุนการปฏิวัติซินไฮ่ ในปี ค.ศ. 1911 และการก่อตั้งสาธารณรัฐจีนเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินใหญ่จีน เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 อย่างไรก็ตามดร.ซุนไม่ได้มีอำนาจทางทหารอย่างเต็มที่และเขาได้ยกตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐให้แก่ยฺเหวียน ชื่อไข่ โดยการยื่นข้อเสนอกับการบังคับให้จักรพรรดิผู่อี๋ (จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง) สละราชสมบัติเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์

พรรคก๊กมินตั๋งรบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อชิงอำนาจปกครองประเทศ ก่อนจะพ่ายแพ้และถอยหนีไปไต้หวันในปี พ.ศ. 2492 และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นที่นั่น ก๊กมินตั๋งบริหารประเทศโดยเป็นรัฐบาลพรรคเดียวจนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างปลายทศวรรษปี พ.ศ. 2513 ถึง พ.ศ. 2533 ก็ค่อย ๆ เสื่อมอำนาจลง ในสมัยแรก ๆ ที่พรรคก๊กมินตั๋งเข้าปกครองไต้หวัน และชื่อก๊กมินตั๋งใช้เรียกราวกับมีความหมายเหมือนกันหมายถึงจีนชาตินิยม ปีพ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) พรรคจีนคณะชาติที่ไต้หวันถึงถูกถอดออกจากการเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ เปิดทางให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเป็นสมาชิกแทน ทำให้ประเทศต่าง ๆ พากันตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน หันมารับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนแทน (รวมถึงประเทศไทย) ส่งผลให้ไต้หวันถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก ซึ่งทางพรรคได้บทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวัน เช่น การสร้างประเทศด้วยระบอบตลาดเสรีแบบทุนนิยม หันมาเน้นอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก ทำให้เศรษฐกิจของไต้หวันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นหนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย อาจจะกล่าวได้ว่าทางพรรคได้มีบทบาทในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจ แต่การเมืองของไต้หวันก็ถูกมองว่ากึ่งเผด็จการเนื่องจาก ปกครองโดยพรรคการเมืองเดียว พ.ศ. 2549 ก๊กมินตั๋งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีที่นั่งในสภามากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพรรคการเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินประเมินอยู่ราว 2,600-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทรัพย์สินของพรรคค่อย ๆ ขายออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543[10]

Remove ads

นโยบาย

Thumb
กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋งช่วงรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน ปี ค.ศ. 2004

ภายหลังจากที่พรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันในปี 2543 พรรคมีนโยบายที่จะผูกมิตรกับทางแผ่นดินใหญ่ และในปี พ.ศ. 2551 พรรคก๊กมินตั๋งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง นายหม่า อิงจิ่วได้ดำเนินนโยบายร่วมมือทางเศรษฐกิจกับรัฐบาลปักกิ่ง เปิดเที่ยวบินตรงระหว่าง 2 จีน ประนีประนอมและสนับสนุนการค้ากับแผ่นดินใหญ่ จากนโยบายดังกล่าวทำให้ถูกพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่านำอธิปไตยของไต้หวันไปผูกไว้กับแผ่นดินใหญ่[11] และก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 นายหม่า อิงจิ่วได้บินไปพบกับนายสี จิ้นผิงที่สิงคโปร์[12]เพื่อชูนโยบายสนับสนุนความร่วมมือกับแผ่นดินใหญ่ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจากจีนยอมมาพบกับผู้นำไต้หวันเพื่อพูดคุยถึงประเด็น 2 จีนเป็นครั้งแรก ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็เลือกที่จะนิยามจีนในรูปแบบของตนเอง โดยนายหม่า ปฏิเสธว่าไม่ได้เล่นเกมการเมืองเพื่อคะแนนเสียงแต่อย่างใด [13]

Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads