คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2559

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2559
Remove ads

การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2559 จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ตามมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)[1] เวลา 08:00–16:00 น.[2] เพื่อให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ "ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ...." ทั้งฉบับ และการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ[2] การออกเสียงประชามติครั้งนี้ รัฐบาลได้แต่งตั้ง พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติ

ข้อมูลเบื้องต้น ผลลัพธ์, คะแนน ...

ร่างรัฐธรรมนูญนี้ทำให้เกิดประชาธิปไตยครึ่งใบและถูกมองว่าเป็นการเพิ่มความกระชับในการปกครองของฝ่ายทหารในประเทศไทย[3] กระนั้น มีผู้เห็นด้วยถึงร้อยละ 61 โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิถึงร้อยละ 59 ข้อเสนอที่สองสำหรับนายกรัฐมนตรีคนถัดไปที่จะได้รับการเลือกตั้งร่วมกันจากสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้รับการอนุมัติเช่นกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารสั่งห้ามกลุ่มที่ต่อต้านรัฐธรรมนูญรณรงค์ต่อต้านอย่างเป็นทางการ ในขณะที่รัฐบาลทหารรณรงค์อย่างแข็งขันเพื่อให้มีการนำรัฐธรรมนูญมาใช้

Remove ads

การรณรงค์

สรุป
มุมมอง

กกต.

กกต. ได้เริ่มต้นการณรงค์ในงาน "Kickoff 7 สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง" เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 โดยใช้คำขวัญในการรณรงค์ว่า "7 สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง" โดยมีหนุมาน เป็นตัวนำโชค และมีการเปิดตัวเพลงรณรงค์ชื่อเดียวกันกับคำขวัญ ซึ่งขับร้องโดยศิลปินลูกทุ่งชื่อดัง และใช้สำเนียงภาษาท้องถิ่น 4 ภาค[4] ซึ่งเพลงดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโลกสังคมออนไลน์รวมถึงจากนักวิชาการว่ามีเนื้อหาบางช่วงบางตอนดูถูกคนบางภูมิภาคว่าถูกชักจูงได้ง่าย แต่เชิดชูคนอีกภูมิภาคหนึ่งว่าเป็นผู้ที่ภักดีต่อประชาธิปไตย[5] แต่ภายหลังทางฝ่าย กกต. ก็มีการแก้ไขเนื้อร้องเพลงดังกล่าวและเผยแพร่ในภายหลัง[6]

นปช.

แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รณรงค์ออกเสียงคู่ขนานไปกับ กกต. เริ่มในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ด้วยการเปิดตัว "ศูนย์ปราบโกงประชามติ"[7] ใช้คำขวัญว่า "ไม่ล้ม ไม่โกง ไม่อายพม่า"[8] และจัดทำเพลงรณรงค์ประชามติ 7 เพลง ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวี รวมถึงเผยแพร่ผ่านทางยูทูบของพีซทีวีเอง ซึ่งขับร้องโดยแกนนำและศิลปินแนวร่วมของ นปช. หนึง่ในนั้นคือเพลง "แหล่ประชามติ" ซึ่งขับร้องโดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ[9]

ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ปราบโกงฯ ต้องยุติลงในวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐขัดขวาง แต่ยังคงดำเนินการบนเฟซบุ๊ก[10]

ประชาชนทั่วไป

มีการจับกุมและคุมขังผู้อภิปรายหรือรณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 203 คน[11] อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการประชุมที่มีอภิปรายในด้านเนื้อหา สามารถทำได้ และสามารถ เผยแพร่สาระประชามติ ตามสื่อสารมวลชนปกติได้

Remove ads

การลงคะแนนและเขตออกเสียง

การออกเสียงประชามติมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 08:00 ถึง 16:00 น.[2] โดยแบ่งเขตออกเสียงตามเขตจังหวัด และมีการกำหนดหน่วยออกเสียงในแต่ละเขตออกเสียงเพื่อความสะดวกในการออกเสียงของผู้มีสิทธิออกเสียง[12]

ผลการออกเสียงประชามติ

ผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559[13]

ข้อมูลเพิ่มเติม การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ...., ทางเลือก ...
แถบผลคะแนนจากการออกเสียงประชามติในประเด็นร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เห็นชอบ :
61.35 (16,820,402)
ไม่เห็นชอบ :
38.65 (10,598,037)
แถบผลคะแนนจากการออกเสียงประชามติในประเด็นเพิ่มเติมว่าด้วยบทเฉพาะกาลในร่างรัฐธรรมนูญ
เห็นชอบ :
58.07 (15,132,050)
ไม่เห็นชอบ :
41.93 (10,926,648)

ผลคะแนนตามภูมิภาค

สรุป
มุมมอง

ผลคะแนนอย่างเป็นทางการ[14]

ภาคเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม จังหวัด, จำนวนผู้ไปใช้ สิทธิออกเสียง ...

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม จังหวัด, จำนวนผู้ไปใช้ สิทธิออกเสียง ...

ภาคกลาง

ข้อมูลเพิ่มเติม จังหวัด (และกรุงเทพมหานคร), จำนวนผู้ไปใช้ สิทธิออกเสียง ...

ภาคใต้

ข้อมูลเพิ่มเติม จังหวัด, จำนวนผู้ไปใช้ สิทธิออกเสียง ...
Remove ads

ผลที่ตามมา

สรุป
มุมมอง

เป้าหมายถัดไปของการคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคือการเขียนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้านการปกครองในระบอบการเมืองใหม่ หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ฝ่ายทหารยังคงมีอำนาจต่อหลังจัดพิธีการสืบราชสันตติวงศ์ ร่างรัฐธรรมนูญไทยจะมีการเปลี่ยนแปลง 6 อย่างตามคำขอของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขยายพระราชอำนาจของพระองค์ ก่อนที่จะให้การรับรองในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560[16]

มีการคาดหวังให้พรรคการเมืองยุบพรรคและปฏิรูปตนเอง ซึ่งอาจลงเอยด้วยการเป็นพรรคเล็กกว่าเดิม เนื่องจากระบบการลงคะแนนแบบใหม่ทำให้พรรคขนาดใหญ่ชนะเสียงข้างมากโดยรวมได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมมากขึ้น[3]

ต่อมามีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2562 โดยพรรคพลังประชารัฐ พรรคที่สนับสนุนคณะผู้ยึดอำนาจการปกครอง จัดตั้งรัฐบาลผสม ต่อมา ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาลทหาร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ โดยเหตุที่สามารถเสนอชื่อได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเป็นนายกรัฐมนตรีได้[17]

รัฐบาลใหม่จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของวุฒิสภาที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง (แต่งตั้ง) เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญ การฟ้องให้ขับออกจากตำแหน่งของนักการเมืองทำได้ง่ายขึ้น และรัฐบาลในอนาคตจะต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของฝ่ายทหาร[3]

ฝ่ายทหารจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองไทยเป็นเวลาหลายปี[3]

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads