คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

จังหวัดแม่ฮ่องสอน

จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จังหวัดแม่ฮ่องสอนmap
Remove ads

แม่ฮ่องสอน (ไทยถิ่นเหนือ: ᨾᩯ᩵ᩁᩬ᩵ᨦᩈᩬᩁ; ไทใหญ่: မႄႈႁွင်ႈသွၼ်) เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ

ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อภาษาไทย, อักษรไทย ...
ข้อมูลเบื้องต้น จังหวัดแม่ฮ่องสอน, การถอดเสียงอักษรโรมัน ...

แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง 97.5 องศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.5 องศาตะวันออก)

แม่ฮ่องสอนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2417 โดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าเมืองประเทศราชแห่งสยามประเทศ

Remove ads

ประวัติศาสตร์

สรุป
มุมมอง

บริเวณที่ตั้งเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบันนี้ แต่เดิมเป็นเพียงสถานที่ที่มีผู้คนมาปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ บริเวณที่ราบริมเชิงเขา เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกมาก ผู้คนที่อาศัยตามที่ราบมักจะเป็นชาวไทใหญ่ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยมักจะเป็นกะเหรี่ยง ลัวะ และมูเซอ บริเวณนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) ประมาณ 40 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2374 สมัยพระยาพุทธวงศ์ เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และต้องการช้างป่าไว้ใช้งาน จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา ซึ่งเป็นญาติพร้อมด้วยกำลังช้างต่อหมอควาญออกเดินทางไปสำรวจและไล่จับช้างป่ามาฝึกใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมาจึงยกกระบวนเดินทางรอนแรมจากเชียงใหม่ผ่านไปทางเมืองปาย ใช้เวลาหลายคืนจนบรรลุถึงป่าแห่งหนึ่ง ทางทิศใต้ริมฝั่งแม่น้ำปาย เป็นป่าดงว่างเปล่าและเป็นดินโป่งที่มีหมูป่าลงมากินโป่งชุกชุม เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า ที่แถวนี้เป็นทำเลที่ดี น้ำท่าบริบูรณ์สมควรที่จะตั้งเป็นหมู่บ้าน จึงหยุดพักอยู่ ณ ที่นี้ และเรียกผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วย ริมเขาซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ และกะเหรี่ยง (ยางแดง) มาประชุม ชี้แจงให้ทราบถึงความคิดที่จะตั้งบริเวณนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้าน และบุกเบิกที่ดินที่เป็นไร่นาที่ทำมาหากินต่อไป และเจ้าแก้วเมืองมาแต่งตั้งให้ชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความรู้ดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ชื่อว่า "พะกาหม่อง" ให้เป็น "ก๊าง" (คือตำแหน่งนายบ้านหรือผู้ใหญ่บ้าน) มีหน้าที่คอยควบคุมดูแล และให้คำแนะนำพวกลูกบ้านใน การดำเนินการต่อไป พะกาหม่องได้เป็นผู้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพวกที่อยู่ใกล้เคียง ให้ย้ายมาอยู่รวมกัน แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านโป่งหมู" โดยถือเอาว่าที่โป่งนั้น มีหมูป่าลงมากินโป่งมากนั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ เรียกว่า "บ้านปางหมู" อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร[3]

เมื่อจัดตั้งหมู่บ้านแล้ว เจ้าแก้วเมืองมาก็ยกขบวนออกเดินทางตรวจชายแดน และคล้องช้างป่าต่อไป จนถึงลำห้วยแห่งหนึ่ง มีรอยช้างป่าอยู่มากมาย ก็หยุดคล้องช้างป่าได้หลายเชือก แล้วให้ตั้งคอกสอนช้างในร่องห้วย ริมห้วยนั้นเป็นพื้นที่ราบกว้างขวางพื้นดินดีกว่าบ้านโป่งหมูและมีชาวไทใหญ่ตั้งกระท่อมอยู่เป็นอันมาก เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า เป็นทำเลที่เหมาะสมพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง จึงเรียกชาวไทใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเขยของพะกาหม่อง ชื่อ "แสนโกม" มาแนะนำชี้แจงแต่งตั้งให้เป็นก๊าง ให้เป็นหัวหน้าเกลี้ยกล่อมผู้คนให้มาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ เจ้าแก้วเมืองมาตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านแม่ฮ่องสอน" ซึ่ง ฮ่อง ในภาษาล้านนา คือ ร่อง โดยอาศัยที่ร่องน้ำนั้น เป็นคอกที่ฝึกสอนช้างป่า เมื่อเจ้าแก้วเมืองมาคล้องช้างป่าได้พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ แล้วกราบทูลให้พระเจ้ามโหตรประเทศทราบ[4]

เมื่อเจ้าแก้วเมืองมากลับนครเชียงใหม่แล้วพะกาหม่องและแสนโกมบุตรเขยก็ได้พยายามชักชวนผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ให้อพยพครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทำมาหากินจนแน่นหนาขึ้นเป็นหมู่บ้านใหญ่ และต่อมาเห็นว่าบริเวณนั้นมีไม้สักมาก พะกาหม่องและแสนโกม เห็นว่าหากตัดเอาไม้สักนั้นไปขายประเทศพม่าโดยใช้วิธีชักลากลงลำห้วย แล้วปล่อยให้ไหลลงแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) ก็คงได้เงินมาช่วยในด้านเศรษฐกิจและการบำรุงบ้านเมือง เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้วพะกาหม่องและแสนโกม จึงเดินทางเข้ามาเฝ้าพระเจ้ามโหตรประเทศฯ ที่นครเชียงใหม่ กราบทูลขออนุญาตตัดฟันชักลากไม้ไปขายแล้วจะแบ่งเงินค่าตอบแทนถวายตลอดปี พระเจ้ามโหตรประเทศฯก็ทรงอนุญาต พะกาหม่องและแสนโกม จึงทูลลากลับ และเริ่มลงมือทำไม้ขอนสักส่งไปขายที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่าได้เงินมาก็เก็บแบ่งถวายพระเจ้ามโหตรประเทศทุกปี นอกนั้นก็ใช้ประโยชน์ส่วนตัวและบำรุงบ้านเมือง[5]

ครั้นถึง พ.ศ. 2397 พระเจ้ามโหตรประเทศฯถึงแก่พิราลัย เจ้ากาวิโลรสซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหัวเมืองแก้วได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แทน ทรงนามว่า "พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์" ใน พ.ศ. 2399 พะกาหม่อง และแสนโกม ก็ยังคงทำป่าไม้และส่งเงินไปถวายทุกปี พะกาหม่องกับแสนโกมจึงมีฐานะดีขึ้น และหมู่บ้านโป่งหมูและบ้านแม่ฮ่องสอนก็เจริญขึ้นตามลำดับ ในครั้งนั้นหัวเมืองไทใหญ่ตามแถบตะวันตกฝั่งแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) เกิดการจลาจลเกิดรบราฆ่าฟัน จึงมีชาวไทใหญ่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านปางหมูหรือโป่งหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนมากขึ้น บางพวกก็ลงไปอาศัยอยู่ที่บ้านขุนยวม (หมู่บ้านไทใหญ่บนเขา) บางพวกอพยพเลยขึ้นไปทางเหนือ ไปอยู่ที่เมืองปาย กลุ่มพวกไทใหญ่ที่อพยพเข้ามานี้ มีผู้หนึ่งชื่อว่า "พะก่าเติ๊กซาน" หรือ "ชานกะเล" เป็นชาวเมืองจ๋ามกา เป็นคนขยันขันแข็งชานกะเลเข้ามาอาศัยที่บ้านปางหมู และช่วยพะกาหม่องทำไม้ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก พะกาหม่องไว้วางใจและรักใคร่มาก ถึงกับยกลูกสาวชื่อนาง ใส ให้เป็นภรรยา นางใส มีบุตรกับชานกะเลคนหนึ่งชื่อนางคำ[6]

กาลเวลาผ่านไปหมู่บ้านปางหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนก็มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่นยิ่งขึ้น และใน พ.ศ. 2409 นั่นเอง มีเหตุการณ์สำคัญที่ชักนำเอาบุคคลสำคัญของชาวไทใหญ่ให้มาอพยพอยู่ในแม่ฮ่องสอนอีกคือเจ้าฟ้าเมืองนายมีเรื่องขัดเคืองกับ เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่ จึงได้ยกทัพมาตีเมืองหมอกใหม่แตก เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่จึงพาครอบครัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่กับแสนโกมที่บ้านแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่านมีภรรยาชื่อ นาง เกี๋ยง มีบุตรชายชื่อ เจ้าขุนหลวง มีหลาน 4 คนเป็นชาย 1 หญิง 3 ชายชื่อ ขุนแจหญิงชื่อ เจ้าหอม เจ้านางนุ เจ้านางเมี้ยะ เมื่อเจ้าฟ้าโกหล่านมาอาศัยอยู่ด้วย แสนโกมได้มีหนังสือทูลให้พระเจ้ากาวิโลรสฯ ทราบพระเจ้ากาวิโลรสฯ จึงรับสั่งให้ส่งตัวเข้าเฝ้า แต่เจ้าฟ้าโกหล่านป่วย จึงส่งเจ้าขุนหลวงบุตรไปแทน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ โปรดเจ้าขุนหลวงทรงยกเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นหลานให้เป็นภรรยาอยู่กินด้วยกันที่เชียงใหม่ จนมีบุตรคนหนึ่งชื่อ เจ้าน้อยสุขเกษมและอนุญาตให้เจ้าฟ้าโกหล่านอาศัยอยู่ในเขตแดนต่อไป ต่อมานางใส ภรรยาของชานกะเลถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่านจึงทรงยกเจ้านางเมี๊ยะหลานสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของชานกะเล ชานกะเลได้ไปตั้งเมืองอยู่บนภูเขาอีกแห่งหนึ่งทางเหนือต้นแม่น้ำยวม เรียกว่า เมืองขุนยวม ต่อมาใน พ.ศ. 2417 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ทรงแต่งตั้งให้ ชานกะเลเป็น "พญาสิงหนาทราชา" เป็นพ่อเมืองคนแรก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมืองขุนยวมเป็นเมืองรอง[7]

พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเมืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถึง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองแทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า "เจ้านางเมี๊ยะ" โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2434 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตั้งพญาขันธเสมาราชานุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระบบการปกครองใหม่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า "บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก" ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งความเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 119) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "บริเวณพายัพเหนือ" จนถึง พ.ศ. 2450 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้งพญาพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า "เมืองแม่ฮ่องสอน" แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมือง ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก[8]

Remove ads

ภูมิศาสตร์

Thumb
แม่น้ำสาละวินที่บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝั่งซ้ายมือในภาพ คือ ประเทศพม่า

ที่ตั้ง

จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 924 กิโลเมตร (574 ไมล์)

อาณาเขตติดต่อ

มีอาณาเขตทางทิศเหนือและทิศตะวันตกติดต่อกับสามรัฐของประเทศพม่า ได้แก่ รัฐฉาน รัฐกะยา และรัฐกะเหรี่ยง โดยมีแนวกั้นธรรมชาติเป็นทิวเขาถนนธงชัยตะวันตก แม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำเมย ทางทิศใต้ติดต่อกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยมีแม่น้ำเงาเป็นแนวกั้น และทางทิศตะวันออกติดต่อกับอำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอสะเมิง อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด และอำเภออมก๋อย ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแนวกั้นเป็นทิวเขาถนนธงชัยกลางและตะวันออก

Remove ads

ประชากรศาสตร์

สรุป
มุมมอง

ประชากรในจังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลาย โดยมากเป็นชาวไทใหญ่ นอกนั้นเป็นชาวไทยวน กะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ ลัวะ ม้ง ฮ่อ ปะโอ และอื่น ๆ[9] โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้โดยไม่เคยปรากฏความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด

ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติดังกล่าวนี้ ประชากรในแม่ฮ่องสอนจึงมีการใช้ภาษาที่หลากหลายด้วย โดยในชาติพันธุ์ต่าง ๆก็จะพูดภาษาต่างกัน โดยแบ่งเป็นใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ตระกูลภาษา, กลุ่มภาษาแยกย่อย ...

จากการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.2 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 25.53 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.02[9] มีชุมชนมุสลิมในจังหวัด ประมาณ 1,300 คน มีมัสยิดจดทะเบียน 3 แห่ง ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย และอำเภอแม่สะเรียง[10] ส่วน รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2565 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.44 ศาสนาคริสต์ ร้อยละ 25.32 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.21 ศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ ร้อยละ 0.03[11]

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

การเมืองการปกครอง

สรุป
มุมมอง

หน่วยการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 45 ตำบล 415 หมู่บ้าน

Thumb
แผนที่อำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ข้อมูลเพิ่มเติม ที่, ชื่ออำเภอ ...

รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน

เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน

ลำดับรูปรายนามเริ่มวาระสิ้นสุดวาระ
1Thumbพญาสิงหนาทราชาพ.ศ. 2417พ.ศ. 2427
2Thumbเจ้าแม่นางเมี้ยะพ.ศ. 2427พ.ศ. 2434
3Thumbพญาพิทักษ์สยามเขตพ.ศ. 2434พ.ศ. 2450
4Thumbพญาพิศาลฮ่องสอนกิจพ.ศ. 2450พ.ศ. 2484

รายชื่อผู้ว่าราชการ

ลำดับรูปรายนามเริ่มวาระสิ้นสุดวาระ
1Thumbพระยาศรสุรราช (เปลื้อง)พ.ศ. 2455พ.ศ. 2455
2Thumbพันตำรวจตรี พระสุรการบัญชา (ยิ้ม นีละโยธิน)พ.ศ. 2455พ.ศ. 2463
3Thumbพระพิทักษ์เทพธานี (ปุ่น อาสนจินดา)พ.ศ. 2463พ.ศ. 2470
4Thumbพระประธานธุรารักษ์ (ถาบ ผลนิวาส)พ.ศ. 2470พ.ศ. 2472
5Thumbพระพายัพพิริยกิจ (เอม ทินนะลักษณ์)18 ธันวาคม พ.ศ. 2472พ.ศ. 2473
6Thumbพระพิบูลย์บริหาร (ทรัพย์ สุวรรณสมบูรณ์)1 เมษายน พ.ศ. 2473พ.ศ. 2481
7Thumbหลวงพำนักนิกรชน (อุ่น สมิตตามร)6 มิถุนายน พ.ศ. 24815 สิงหาคม พ.ศ. 2483
8Thumbขุนไกรกิตตยานุกูล (อัมพร สาครพันธ์)6 สิงหาคม พ.ศ. 24831 มิถุนายน พ.ศ. 2486
9Thumbหม่อมราชวงศ์บุง ลดาวัลย์20 พฤศจิกายน พ.ศ. 248610 มิถุนายน พ.ศ. 2487
10Thumbพรหม สูตรสุคนธ์11 มิถุนายน พ.ศ. 248729 เมษายน พ.ศ. 2488
11Thumbถนอม พิบูลย์มงคล30 เมษายน พ.ศ. 24881 ธันวาคม พ.ศ. 2490
12Thumbขุนบุรราษฎร์นราภัย (สอาด สุตบุตร)1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 24914 มกราคม พ.ศ. 2493
13Thumbมานิต ปุรณะพรรค์14 มกราคม พ.ศ. 24939 มิถุนายน พ.ศ. 2496
14Thumbทำนุก รัตนดิลก ณ ภูเก็ต10 มิถุนายน พ.ศ. 249620 ธันวาคม พ.ศ. 2497
15Thumbจำรัส ธารีสาร1 มิถุนายน พ.ศ. 249823 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500
16Thumbเครือ สุวรรณสิงห์17 กรกฎาคม พ.ศ. 250014 มิถุนายน พ.ศ. 2501
17Thumbสุจิตต์ สมบัติศิริ15 มิถุนายน พ.ศ. 250127 กันยายน พ.ศ. 2507
18Thumbสุวรรณ กฤตธรรม1 ตุลาคม พ.ศ. 250730 กันยายน พ.ศ. 2508
19Thumbเอี่ยม เกรียงศิริ1 ตุลาคม พ.ศ. 250830 เมษายน พ.ศ. 2512
20Thumbพันตำรวจเอก เปลื้อง ตันตาคม1 พฤศจิกายน พ.ศ. 251230 กันยายน พ.ศ. 2514
21Thumbพลตรี ปราการ ภูวนารถนุรักษ์1 ตุลาคม พ.ศ. 251430 สิงหาคม พ.ศ. 2515
22Thumbสุโข อินทรประชา1 ตุลาคม พ.ศ. 251530 กันยายน พ.ศ. 2518
23Thumbอรุณ ปุสเทพ1 ตุลาคม พ.ศ. 251830 กันยายน พ.ศ. 2519
24Thumbไพฑูรย์ ลิมปิทีป1 ตุลาคม พ.ศ. 251930 กันยายน พ.ศ. 2521
25Thumbจำนง ยังเทียน1 ตุลาคม พ.ศ. 252130 กันยายน พ.ศ. 2523
26Thumbอนันท์ มีชำนะ1 ตุลาคม พ.ศ. 252330 กันยายน พ.ศ. 2526
27Thumbวนิช พรพิบูลย์1 ตุลาคม พ.ศ. 252630 กันยายน พ.ศ. 2528
28Thumbคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์1 ตุลาคม พ.ศ. 252830 กันยายน พ.ศ. 2530
29Thumbประมูล สังฆมณี1 ตุลาคม พ.ศ. 253030 กันยายน พ.ศ. 2531
30Thumbประมวล รุจนเสรี1 ตุลาคม พ.ศ. 25315 สิงหาคม พ.ศ. 2533
31Thumbร้อยตรี ชาญชัย ใจใส6 สิงหาคม พ.ศ. 253330 กันยายน พ.ศ. 2535
32Thumbสหัส พินทุเสนีย์1 ตุลาคม พ.ศ. 253524 พฤษภาคม พ.ศ. 2537
33Thumbสมเจตน์ วิริยะดำรงค์25 พฤษภาคม พ.ศ. 253730 กันยายน พ.ศ. 2539
34Thumbภักดี ชมภูมิ่ง1 ตุลาคม พ.ศ. 253924 เมษายน พ.ศ. 2541
35Thumbสำเริง ปุณโยปกรณ์25 เมษายน พ.ศ. 254130 กันยายน พ.ศ. 2542
36Thumbพจน์ อู่ธนา1 ตุลาคม พ.ศ. 254230 กันยายน พ.ศ. 2545
37Thumbสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ1 ตุลาคม พ.ศ. 254530 กันยายน พ.ศ. 2548
38Thumbดิเรก ก้อนกลีบ1 ตุลาคม พ.ศ. 254830 กันยายน พ.ศ. 2550
39Thumbธงชัย วงษ์เหรียญทอง1 ตุลาคม พ.ศ. 255030 กันยายน พ.ศ. 2552
40Thumbกำธร ถาวรสถิตย์1 ตุลาคม พ.ศ. 25528 มกราคม พ.ศ. 2555
41Thumbนฤมล ปาลวัฒน์9 มกราคม พ.ศ. 255530 กันยายน พ.ศ. 2556
42Thumbสุรพล พนัสอำพล1 ตุลาคม พ.ศ. 255630 กันยายน พ.ศ. 2558
43Thumbพิพัฒน์ เอกภาพันธ์1 ตุลาคม พ.ศ. 255830 กันยายน พ.ศ. 2559
44Thumbสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์1 ตุลาคม พ.ศ. 255928 มิถุนายน พ.ศ. 2561
45Thumbสิริรัฐ ชุมอุปการ29 มิถุนายน พ.ศ. 256130 กันยายน พ.ศ. 2562
46Thumbสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์1 ตุลาคม พ.ศ. 256230 กันยายน พ.ศ. 2563
47Thumbสิธิชัย จินดาหลวง1 ตุลาคม พ.ศ. 256330 กันยายน พ.ศ. 2564
48Thumbเชษฐา โมสิกรัตน์15 ธันวาคม พ.ศ. 256418 มีนาคม พ.ศ. 2567
49Thumbชูชีพ พงษ์ไชย19 มีนาคม พ.ศ. 256725 ธันวาคม พ.ศ. 2567
50Thumbเอกวิทย์ มีเพียร26 ธันวาคม พ.ศ. 256730 กันยายน พ.ศ. 2568
51Thumbชุติพร เสชัง1 ตุลาคม พ.ศ. 2568ปัจจุบัน

รายชื่อนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...

รายชื่อสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ข้อมูลเพิ่มเติม สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เขต ...
Remove ads

การคมนาคม

ระยะห่างจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ

สถานที่ท่องเที่ยว

Thumb
วัดจองคำ บริเวณหนองจองคำ วัดศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน
ถ้ำ
  • ถ้ำเสาหิน
  • ถ้ำข้าวแตก
  • ถ้ำจั๊กต่อ หรือถ้ำพระพุทธหัตถ์, พระพุทธบาทคู่
  • ถ้ำตุ๊กตา
  • ถ้ำปลา
  • ถ้ำปะการัง
  • ถ้ำผาแดง
  • ถ้ำผีแมน
  • ถ้ำเพชร
  • ถ้ำแม่ละนา
  • ถ้ำลอด
  • ถ้ำหินไข่มุก
  • วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล
น้ำตก
น้ำพุร้อน
  • น้ำพุร้อนท่าปาย
  • บ่อน้ำร้อนผ่าบ่อง
  • บ่อน้ำร้อนเมืองแปง
ตลาด
  • ตลาดสายหยุด
วัด/พระตำหนัก
อุทยาน
อื่น ๆ
  • กองแลน
  • ดอยปุย
  • ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ
  • ทุ่งบัวตองดอยแม่เหาะ
  • บ้านท่าตาฝั่ง
  • บ้านน้ำเพียงดิน
  • บ้านในสอย
  • บ้านแม่สามแลบ
  • บ้านแม่หลุย
  • บ้านรักไทย
  • บ้านสบโขง
  • บ้านห้วยเสือเฒ่า
  • สบเมย
Remove ads

สถาบันการศึกษา

Remove ads

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads