คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

นักการศึกษาและนักเขียนชาวไทย (พ.ศ. 2446-2538) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
Remove ads

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล (24 ตุลาคม พ.ศ. 2446 – 5 ตุลาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักเขียน นักวิชาการและนักการเมืองชาวไทย บุคคลสำคัญของโลก, ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์, บูรพศิลปิน สาขาวรรณศิลป์, ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยวิชาการศึกษา และประธานเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่[1]

ข้อมูลเบื้องต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายกรัฐมนตรี ...
Remove ads

ประวัติ

หม่อมหลวงปิ่นเกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2446 ณ บ้านถนนอัษฎางค์ จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนที่ 6 ใน 13 คน ของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) และท่านผู้หญิงเสงี่ยม มาลากุล ณ อยุธยา (นามสกุลเดิม วสันตสิงห์) ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่

  • หม่อมหลวงปก มาลากุล
  • หม่อมหลวงป้อง มาลากุล
  • หม่อมหลวงเปนศรี มาลากุล
  • หม่อมหลวงปนศักดิ์ มาลากุล
  • หม่อมหลวงปอง เทวกุล (สมรสกับหม่อมเจ้าสุรวุฒิประวัติ เทวกุล)
  • หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
  • หม่อมหลวงเปี่ยมสิน มาลากุล
  • หม่อมหลวงปานตา วสันตสิงห์ (สมรสกับนายเมืองเริง วสันตสิงห์)
Remove ads

ปฐมวัยและการศึกษา

สรุป
มุมมอง

พ.ศ. 2450 เมื่อหม่อมหลวงปิ่นมีอายุได้ 4 ขวบ ท่านได้เริ่มเรียนหนังสือที่บ้านกับครูแฉล้ม (แฉล้ม คุปตารักษ์) ต่อมาได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และต่อมาใน พ.ศ. 2457 หม่อมหลวงปิ่นก็เข้าศึกษาที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ใน พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนักเรียนมหาดเล็กในพระบรมมหาราชวัง ไม่ได้เรียนที่โรงเรียนอีก แต่ปลายปีนั้นก็ยังคงมาสอบไล่และสามารถสอบผ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทำให้เลื่อนไปเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ก็ไม่ได้มาเรียนหรือมาสอบอีก[2]

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ได้รับทุนของกระทรวงธรรมการ จึงออกไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ โดยไปเข้าเรียนที่วิทยาลัยบูรพศึกษาและอาฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน (SOAS) และได้รับประกาศนียบัตรวิชาภาษาและวรรณคดีบาลีและสันสกฤต แล้วได้ย้ายไปศึกษาต่อที่คณะบูรพคดีศึกษา (Faculty of Oriental Studies) สถาบันตะวันออกของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประสบความสำเร็จโดยได้ปริญญาตรี (B.A.) เกียรตินิยมสาขาบูรพคดีศึกษา (Oriental Studies) วิชาเอกภาษาบาลีและสันสกฤต ใน พ.ศ. 2471[2] ต่อมาใน พ.ศ. 2474 ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทจนสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (M.A.) ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ท่านสังกัดวิทยาลัยบเร๊สโนส (Brasenose College) และใน พ.ศ. 2498 ท่านก็ได้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (รุ่นแรก)[2]

Remove ads

รับราชการ

สรุป
มุมมอง

ใน พ.ศ. 2455 ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กที่พระที่นั่งอัมพรสถาน ต่อมาได้เป็นอาจารย์ประจำกองแบบเรียนกรมวิชาการ อาจารย์พิเศษคณะอักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ. 2474 ต่อมาใน พ.ศ. 2475 เป็นอาจารย์โท อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้เป็นหัวหน้าแผนกฝึกหัดครูมัธยม คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและรักษาการในตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนมัธยมหอวังใน พ.ศ. 2477 อีกด้วย หม่อมหลวงปิ่นได้เป็นอาจารย์เอก อันดับ 1

ต่อมาใน พ.ศ. 2480 ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในประเทศไทย ท่านดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการท่านแรก 5 ปีต่อมาใน พ.ศ. 2485 ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษาอีกตำแหน่งหนึ่งอีกด้วย ใน พ.ศ. 2487 ท่านได้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและทำงานในหน้าที่เลขาธิการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ใน พ.ศ. 2489 ท่านดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และใน พ.ศ. 2495 — พ.ศ. 2496 ท่านได้เป็นรักษาการอธิบดีกรมวิชาการ หลังจากนั้นใน พ.ศ. 2497 ได้เป็นรักษาการอธิบดีกรมการฝึกหัดครู รักษาการอธิการวิทยาลัยวิชาการศึกษา ศาสตราจารย์พิเศษในคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในปี พ.ศ. 2492 จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูงขึ้นที่ถนนประสานมิตร ต่อมาใน พ.ศ. 2496 เลื่อนฐานะเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร และเป็น "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" ในปัจจุบัน โดยได้ดำรงตำแหน่งอธิการคนแรกระหว่าง พ.ศ. 2497-2499

ในปี พ.ศ. 2497 ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษในวิชาครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[3]

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500 ถึง 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นเวลายาวนานถึง 12 ปีเศษ[4][5][6]

ใน พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ลงมติอนุมัติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2503[7] และมอบหมายให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ในปี พ.ศ. 2529 ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์[8]

การจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2502 ได้มีการประชุมโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค ภาคการศึกษา 8 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ในการประชุมครั้งนั้นหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้บันทึกไว้ว่า "การตั้งมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ตามความเรียกร้องของประชาชน ที่ประชุมเห็นว่าน่าจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่ ...ด้วยเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง..." [9]

ต่อมาเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ลงมติอนุมัติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2503 และมอบหมายให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่พ.ศ. 2503 ถึง พ.ศ. 2506[10]

Remove ads

สถาปนามหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์

ปีพ.ศ. 2509 มหาวิทยาลัยศิลปากร มีนโยบายที่จะเปิดคณะวิชาและสาขาวิชาที่หลากหลายขึ้น แต่เนื่องจากบริเวณพื้นที่ในวังท่าพระคับแคบมาก ไม่สามารถจะขยายพื้นที่ออกไปได้ จึงได้ขยายเขตการศึกษาไปยังพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม โดยจัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ พ.ศ. 2511 คณะศึกษาศาสตร์ พ.ศ. 2513 และคณะวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2515 ตามลำดับ หลังจากนั้น จัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ พ.ศ. 2529 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทศโนโลยีอุตสาหกรรม) พ.ศ. 2535

ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรท่านแรก (ก่อนหน้านั้นมหาวิทยาลัยศิลปากรใช้ตำแหน่ง "ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย" โดยตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรจะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากรโดยตำแหน่ง ต่อมาจึงแยกหน่วยงานออกจากกันระหว่างกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยศิลปากร จึงเปลี่ยนชื่อตำแหน่งจาก "ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากร" เป็น "อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร")

โดยศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรระหว่าง พ.ศ. 2508 - พ.ศ. 2514[11][12]

Remove ads

ชีวิตสมรส

ด้านชีวิตครอบครัว หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้สมรสกับท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ไกรฤกษ์) ธิดาเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) และท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร (สกุลเดิม:บางยี่ขัน) แต่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน

Thumb
หุ่นขี้ผึ้งหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล จัดแสดงที่ ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี

บั้นปลายชีวิต

สรุป
มุมมอง

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2538 สิริอายุได้ 91 ปี 11 เดือน 11 วัน โดยได้รับพระทานโกศไม้สิบสองบรรจุศพ ตั้งศพไว้ที่ศาลาบัณรสภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงพระกรุณาเสด็จไปสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพ และได้รับพระราชทานเพลิงศพที่เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539 หลังจากท่านถึงแก่อสัญกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ โดยความร่วมมือกันของคณะผู้บริหาร คณาจารย์ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ประดิษฐานที่บริเวณข้างสำนักงานอธิการบดี ลานหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล โดยกราบบังคมทูลพระกรุณา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์และได้ถือเอาวันที่ 24 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล โดยจัดให้มีการตักบาตร และจุดธูปเทียน วางพวงมาลัยสักการะรำลึกที่บริเวณลานอนุสาวรีย์เป็นประจำทุกปี และได้จัดตั้งห้องเกียรติยศหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ที่บริเวณชั้น ๔ อาคารหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล โดยภายในจัดแสดงหนังสือที่ท่านแต่งขึ้น โต๊ะทำงาน ของสะสม เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และครุยวิทยฐานะตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ

Remove ads

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

สรุป
มุมมอง

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

ต่างประเทศ

Remove ads

ลำดับสาแหรก

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับสาแหรกของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ...

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads