คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ลาวดวงเดือน

เพลงพระนิพนธ์ไทยเดิมของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ลาวดวงเดือน
Remove ads

ลาวดำเนินเกวียน นิยมเรียกว่า ลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยเดิมพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสพระองค์ที่ 41 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ประเทศสยาม กับเจ้าจอมมารดามรกฎ ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2450–2452[1] ระหว่างเสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี

Thumb
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม (พ.ศ. 2425–2452) ผู้แต่งเพลงนี้
Remove ads

ความหมาย

ชื่อเพลงลาวดวงเดือน หมายถึง พระจันทร์ (The Moon[2]:152 หรือ Moonlight Serenade[3]) โดยคำว่า ลาว หมายถึง สำเนียงลาวถิ่นล้านนา และถิ่นอีสาน[1][2]:152 และยังหมายถึง ทำนอง (ทางเพลง)[4] เช่น วิธีดำเนินทำนองเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ระดับเสียง เป็นต้น

คำว่า ดวงเดือน เป็นสำนวนกวีโวหารตั้งแต่สมัยอยุธยาใช้ชมความงามโดยเปรียบเทียบตามขนบ[5] คือ ใช้พรรณาชมความงามของฝ่ายหญิงว่าเปล่งปลั่ง สดใส งดงามดั่งพระจันทร์เต็มดวง[6] สำนวนดังกล่าวพบในวรรณกรรมสำนวนไทยสมัยอยุธยา เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท สังข์ทอง เป็นต้น

สมัยรัชกาลที่ 4–6 ราชสำนักสยามเคยกำหนดให้หัวเมืองเหนือของไทยเรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง[7] และเรียกหัวเมืองแถบอีสานว่า หัวเมืองลาวกาว[8] จึงปรากฏคำว่า ลาว ในชื่อเพลงซึ่งหมายถึงสำเนียงลาวถิ่นล้านนาลาวถิ่นอีสานในสมัยนั้น แต่ไม่ได้หมายถึงประเทศลาวสมัยปัจจุบัน หรือบ่งชี้ว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศลาวแต่อย่างใด[9][2]:197

Remove ads

พระราชดำรัส

สรุป
มุมมอง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระราชทานเล่าเรื่องของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงได้ฟังเพลงลาวดวงเดือนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมขับร้องกับคณะอาสาสมัคร เมื่อวันก่อนเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐจีน ระหว่างวันที่ 5–8 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ไว้ว่า:–

คืนสุดท้าย ทรงฟังเพลงไทยที่คณะอาสาสมัคร โดยมีสิรินธรรวมอยู่ด้วยเล่นเพลงไทย โอ้ละหนอ ลาวดวงเดือน รู้สึกทรงรักเมืองไทยมาก อันนี้ลา เพราะรุ่งขึ้นท่าน [ รัชกาลที่ 9 ] ก็กลับแล้วไปเมืองจีน[10]

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, ประมวลพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทฯ, (2535).

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงโปรดฟังเพลงลาวดวงเดือนมาก หลังเสวยเสร็จราวสามทุ่มทรงมีพระราชประสงค์ทรงฟังเพลงลาวดวงเดือน ทรงมีรับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขับร้องเพลงลาวดวงเดือน ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงบรรเลงเพลงแล้วให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีทรงฟ้อนรำด้วย ความว่า:–

ชายร้องเพลงลาวดวงเดือนให้แม่ฟังหน่อย ร้องแบบที่แม่ชอบนะ แม่น้อยบรรเลงเพลงเข้า แล้วให้น้องเล็กฟ้อนด้วยนะ...[11]

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับการอนุรักษ์มรดกไทย, (2532).

แล้วสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงก็เสด็จมาประทับหน้าวงดนตรี ทรงมีรับสั่งเบา ๆ ว่า คอยบอกเนื้อร้องด้วยจำได้ไม่หมดเนื้อยาวตั้งหลายท่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขับร้องเพลงลาวดวงเดือนสองเที่ยวกลับตามแบบของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพระนิพนธ์ไว้ขนานแท้[12]

เพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดอย่างมาก[11][13] และเป็นเพลงที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีโปรดร้องมากที่สุด[14]

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ลาวดวงเดือน (ชื่อเดิม: ลาวดำเนินเกวียน) เป็นเพลงไทยเดิมสำเนียงลาวซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสพระองค์ที่ 41 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระมหากษัตริย์ประเทศสยาม กับเจ้าจอมมารดามรกฎ ทรงพระนิพนธ์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2450–2452[1] ขณะรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง กำกับการกรมช่างไหม (วาระ พ.ศ. 2447–2451) (ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อกรมช่างไหมเป็นกรมเพาะปลูกเมื่อ พ.ศ. 2451)[15] ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิบดีกรมเพาะปลูก (พ.ศ. 2451–52)[16][17] กระทรวงเกษตราธิการ นับว่าเป็นเพลงไทยที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุด[18]

สมัยรัชกาลที่ 5

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดการดนตรีไทยเป็นการส่วนพระองค์ และยังทรงเป็นนักประพันธ์เพลงอย่างดี[19]:45 ด้วยปรากฏว่าระหว่าง พ.ศ. 2450-52 ทรงพระนิพนธ์บทร้องเพลงไว้มากมายซึ่งบทร้องแต่ละเพลงของพระองค์มักเกี่ยวกับเรื่องพระจันทร์อันเนื่องด้วยพระนามเดิมว่า เพ็ญพัฒนพงศ์[19]:45 และยังทรงมีวงปี่พาทย์ส่วนพระองค์ชื่อ วงพระองค์เพ็ญ[19]:45 ล้วนมีนักดนตรีที่มีฝีไม้ลายมือเทียดเทียมวงปี่พาทย์วงอื่นในสมัยนั้น อาทิ วงสมเด็จพระบรม (รัชกาลที่ 6) วงวังบูรพา (กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) วงบางขุนพรหม (กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ) เป็นต้น[19]:45

กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดทำนองและลีลาเพลงลาวดำเนินทรายที่ประพันธ์บทร้องโดยจ่าเผ่นผยองยิ่ง (โคม หรือจ่าโคม)[20] น้องชายของพระราชมนู (ทองอยู่) ครูเสภาสมัยรัชกาลที่ 5[21] เป็นเพลงสําเนียงไทยภาคเหนือ (ล้านนา) (เรียกว่า สำเนียงลาว) ที่ไพเราะมากที่อาจารย์ทางดนตรีได้เลียนทำนองมาจากการร้อง สักวาลาวเล็ก เป็นสักวาของเก่าสมัยโบราณ[19]:45 แล้วพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ได้นำมาดัดแปลงทางดนตรีขึ้นใหม่[22][23] เพื่อใช้บรรเลงและขับร้องวงเครื่องสายปี่ชวา[20]

เมื่อเดือนมกราคม ร.ศ. 127 (ตรงกับ พ.ศ. 2452 ตามปฏิทินปัจจุบัน)[24] รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเป็นอธิบดีกรมเพาะปลูก และโปรดให้ตั้งโรงเรียนช่างไหม (โรงเรียนเกษตร วังใหม่สระปทุม) กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงสนพระทัยจึงได้ขยายโรงเรียนช่างไหมออกไปยังมณฑลหัวเมืองต่าง ๆ[25] พระองค์จึงเสด็จตรวจราชการเยี่ยมเยียนราษฎรมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ผ่านอำเภอเขื่องใน บ้านชีทวน ปรากฏใน รายงานของปลัดมณฑลจังหวัดอุบล ฯ ถึงท้าวไชยกุมาร ผู้แทนนายอําเภอแลกรมการเมืองมหาชนะไชย เรื่อง การทําไหม (เดือนมกราคมศก ร.ศ. 127-สนอง)[26]

เมื่อคราวเสด็จตรวจราชการโรงทอผ้าไหม ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ระหว่างทางจากเมืองนครราชสีมาไปเมืองอุบลราชธานีซึ่งสมัยนั้นต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะ[19]:45 และทรงประทับแรมอยู่ตามทางเป็นช่วง ๆ แล้วทรงพระนิพนธ์เพลงไทยเดิมสำเนียงลาวขึ้นใหม่เพลงหนึ่งโดยมีลีลาแบบเดียวกับเพลงลาวดำเนินทรายเพื่อให้คู่กันแล้วประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินเกวียน เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จคราวนั้น[27] เป็นเพลงอัตรา 2 ชั้น[19]:47 และใช้หน้าทับลาวตีประกอบจังหวะ[19]:45 จึงมีรับสั่งให้หลวงอำนาจณรงค์ราญ (ไพฑูรย์ เพ็ญกุล) เป็นผู้ขับร้องบทเพลงของพระองค์เป็นคนแรก[28] บทร้องเพลงลาวดำเนินทรายฉบับที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพระนิพนธ์ ดังนี้:—

โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย
ข้อยมาเว้า รักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอ ข้อยขอลาล่วง
อกพี่เป็นห่วง รักเจ้าดวงเดือนเอย
ประชุมบทเพลงไทยเดิม กรมศิลปากร (คัดเฉพาะบทแรก)[19]:45

เมื่อโปรดให้นำเพลงลาวดำเนินเกวียนออกร้อง ก็ได้รับความนิยมจากวงดนตรีไทยอย่างแพร่หลายแต่ด้วยบทร้องเพลงขึ้นต้นด้วย "โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย" และแต่ละบทมักจบท่อนด้วย "ดวงเดือน" ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงปี่พาทย์วงพระองค์เพ็ญจึงจดจำเพลงมาร้องต่อก็เรียกชื่อเพลงนี้ว่า ลาวดวงเดือน แทน แล้วพากันเรียกชื่อดังนี้ต่อ ๆ กันเรื่อยมาจนชื่อเพลงลาวดวงเดือนฝังติดหูกันไปทั่ว แม้ทรงประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินทราย ก็ไม่มีผู้ใดเรียก หากแต่ใครได้ยินเพลงก็เรียกว่าเพลงลาวดวงเดือนกันทั้งนั้นในสมัยนั้นจึงเป็นอันยุติว่าเพลงลาวดำเนินเกวียนนี้คือเพลงลาวดวงเดือน เช่นเดียวกับกรณีเพลงเขมรไทรโยคมีชื่อเดิมว่า เขมรกล่อมลูก แต่ก็ไม่มีใครเรียกตามชื่อตั้งแต่ต้นเลย[19]:45

หลังทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนได้ไม่นาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมจึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ขณะมีพระชนมายุได้ 27 ปี

ผศ.สนิท ตั้งทวี ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีไทย กล่าวว่า เพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุดสําหรับผู้ที่ไม่เคยมีความสมหวังในความรัก[29]

สมัยรัชกาลที่ 7

สมัยรัชกาลที่ 7 กรมศิลปากรนำเพลงลาวดวงเดือนมาประยุกต์ประดิษฐ์ให้มีท่ารำตามนาฏศิลป์ไทยเรียกว่า ฟ้อนลาวดวงเดือน โดยจัดแสดงครั้งแรกต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสตรีในราชสำนัก คุณพนักงานนางพระกำนัล นางสนองพระโอษฐ์แสดงในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงปรับปรุงท่าฟ้อนลาวดวงเดือนให้ดียิ่งขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เพิ่มจังหวะ และโปรดให้ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์เล่นเปียโนประกอบการแสดง[30]

สมัยรัชกาลที่ 9

Thumb
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงแซกโซโฟนส่วนพระองค์ (ซ้าย) ร่วมกับ Benny Goodman (ซ้ายลำดับที่ 2) และคณะ เมื่อ ค.ศ. 1970 ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีการบรรเลงเพลง ลาวดวงเดือน ในครั้งนั้นด้วย

เมื่อ พ.ศ. 2494 อาจารย์มนตรี ตราโมทได้นำทำนองเพลงลาวดวงเดือนมาแต่งใหม่ตั้งชื่อเพลงว่าเพลง โสมส่องแสง[19]:47 โดยขยายเป็นอัตรา 3 ชั้น แล้วตัดลงเป็นอัตราชั้นเดียว เพื่อใช้บรรเลงร่วมกับ 2 ชั้นของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมให้ครบเป็นเพลงเถาโดยยึดสำเนียงลาวตามต้นฉบับไว้ อาจารย์มนตรี ตราโมทยังแก้ไขทำนองร้องเล็กน้อย กล่าวคือ ของเดิมต้นฉบับทำนองเพลงท่อน 3 ใน 4 จังหวะต้น (หน้าทับสองไม้) ทั้งร้องและรับ กำหนดไว้ให้กลับซ้ำเป็น 2 ครั้ง เมื่อนำมาแต่งทำนองเพลงร้องเป็น 3 ชั้น ถ้าจะให้ร้องทำนองตอนนั้นซ้ำเป็น 2 ครั้งอย่างเดิมก็ดูจะยืดยาดไปจึงตัดให้ร้องแต่เพียงครั้งเดียวแล้วดำเนินทำนองตอนท้ายติดต่อไป เมื่อแก้ไขอัตรา 3 ชั้นแล้ว ทำนองร้อง 2 ชั้น และชั้นเดียวก็ต้องให้เป็นไปตามแบบเดิมกันจึงจะเข้าชุดกันเป็นเถาได้ ส่วนทำนองดนตรีที่รับคงซ้ำ 2 ครั้งอย่างเดิมตลอดเถา[19]:47

เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงแซกโซโฟนบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ร่วมกับเบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman [en]) นักเป่าแคลริเน็ตชาวอเมริกันเจ้าของฉายาราชาแห่งสวิง (King of Swing) ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2499[31] ต่อมาพลตำรวจเอก พิชัย กุลละวณิชย์รองอธิบดีกรมตำรวจ จึงชักชวนคณะออร์เคสตราของเบนนี่ กู๊ดแมนร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือน (ดนตรีแจ๊ส) กับวงดนตรีประสานมิตร ประเทศไทย โดยมีเจตนา จุลกะเป็นวาทยกร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ณ โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏตาม หนังสือกรมตำรวจ ที่ 18698/56 ลงวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1956[32]

ในการร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนทั้งสองคณะเบนนี่ กู๊ดแมนเรียกชื่อเพลงว่า เดอะบิวตี้ฟูลมูนออฟลาว (The Beautiful Moon Of Lao) โดยมีสำนักข่าวบริษัทแพร่สัญญาณแห่งชาติ (เอ็นบีซี) สหรัฐอเมริกา ร่วมบันทึกการบรรเลง[33]:217 ต่อมาได้นำเพลงดังกล่าวออกวางจำหน่ายในรูปแผ่นเสียงไวนิล เมื่อ ค.ศ. 1987 ชื่ออัลบั้มว่า Jazz And Hot Dance In Thailand 1956-1967

เมื่อ พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงแซกโซโฟนร่วมกับคณะของเบนนี่ กู๊ดแมนที่บอสตัน นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ปรากฏตามรายงานข่าวในนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1960[34] โดยมีการบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ในครั้งนั้นด้วย[33]:216

Thumb
แซกโซโฟนส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จัดแสดง ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

เมื่อ พ.ศ. 2505 กรมศิลปากรนำฟ้อนลาวดวงเดือนมาปรับปรุงเพิ่มเติมโดยมีท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ช่วยปรับปรุงท่ารำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แล้วให้อาจารย์มนตรี ตราโมทนำออกแสดง และออกนำบทร้องเพลงเพื่อใช้ต้อนรับการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[28]

สารคดีเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ศิลปินแห่งชาติ (สาขาวรรณศิลป์) อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำรัชกาลที่ 9 กล่าวถึงเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

Queen Ingrid might have been surprised to see the crown prince sing the famous traditional Thai song ‘Lao Duang Duean’ and to hear Princess Sirindhorn play a Thai fiddle and sing traditional Thai songs as well.[35]

(คำแปลไทย): สมเด็จพระราชินีอิงกริดแห่งเดนมาร์กทรงตื่นเต้นพระทัยที่จะได้ทอดพระเนตรพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ทรงขับร้องเพลงไทยเดิมอมตะชื่อว่า “ลาวดวงเดือน” และจะได้ทรงฟังพระสุรเสียงของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงซอด้วง และทรงขับร้องเพลงไทยเดิม

วสิษฐ เดชกุญชร และคณะ, In His Majesty's Footsteps: A Personal Memoir สารคดีเฉลิมพระเกียรติ "รอยพระยุคลบาท" บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร (แปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษโดยบุษกร สุริยสาร และคริสโตเฟอร์ มัวร์), (2549)

มีการนำฟ้อนลาวดวงเดือนออกแสดงต้อนรับในโอกาสการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการหลายครั้ง เช่น[28]

  • เนื่องในวโรกาสพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระสหาย ณ พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2509

มีการจัดแสดงฟ้อนลาวดวงเดือนอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน[28] และมีการใช้เพลงลาวดวงเดือนฟ้อนถวายฯ รัชกาลที่ 9 มากที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2534[36]

เมื่อ พ.ศ. 2527 คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง นำเพลงลาวดวงเดือนมาเรียบเรียง ต่อมาวงดนตรีคุรุสภา (ชื่อเดิม: สมัคยาจารย์สมาคม) จึงได้นำผลงานของท่านออกบรรเลงเป็นครั้งแรก[37]

Remove ads

มูลเหตุ และทัศนะเกี่ยวกับการนิพนธ์เพลง

สรุป
มุมมอง

ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่

เอกสารทั่วไประบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จภาคอีสานด้วยเกวียน จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น มีทำนองแบบเพลงลาว และประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการเสด็จคราวนั้น[23][27] แต่เอกสารบางฉบับก็อ้างถึงคำเล่าลือว่า พระองค์ทรงแต่งเพลงนี้ขึ้นเพราะทรงคิดถึงเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ รักแรกที่ไม่สมหวังของพระองค์[38][39]

หนังสือ ร้อยเรียงเวียงวัง ของกิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 อ้างว่า ในราว พ.ศ. 2446 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปตรวจการทำไหมในมณฑลอีสาน ทรงคิดถึงหญิงผู้เป็นรักแรก คือ เจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) ธิดาของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ (ธรรมลังกา) กับเจ้าหญิงคำย่น ซึ่งถูกรัชกาลที่ 5 พระบิดา คัดค้านการสมรสกันโดยไม่ปรากฏเหตุผล จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพราะอยู่ระหว่างเสด็จด้วยเกวียน และให้เข้าคู่กันกับเพลง "ลาวดำเนินทราย"[38] กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากการ "เล่ากัน"[38]

บทความ อาศรมมิวสิก: ปลดแอกลาวออกจากเพลง เหลือแค่ดวงเดือนทำนองเมืองเหนือ ซึ่งสุกรี เจริญสุข เขียนเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2564 ว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพบรักกับเจ้าหญิงชมชื่นแห่งเชียงใหม่ โปรดให้ข้าหลวงมณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอ แต่ไม่เป็นผล เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายเชียงใหม่ต้องการรอให้เจ้าหญิงอายุครบ 18 ปีก่อน ส่วนรัชกาลที่ 5 ก็ไม่ทรงอนุญาต และพระราชวงศ์ที่กรุงเทพฯ ก็ทัดทาน ต่อมาในราว พ.ศ. 2447–8 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จหัวเมืองอีสานด้วยเกวียน "ด้วยพลังของความคิดถึงหญิงคนรัก" จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ตั้งชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" สุกรี เจริญสุข ยังอ้างว่า "ลือกันว่า" ภายหลัง กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมตรอมพระทัยที่ไม่ได้สมหวังกับเจ้าหญิงชมชื่น จนประชวรโรคปอดสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2452 พระชันษาได้ 27 ปี ส่วนเจ้าหญิงชมชื่นเองที่ไปสมรสกับเจ้าน้อยสิงห์คำ ณ ลำพูน นั้น ก็ตรอมใจเสียชีวิตในปีถัดมา คือ พ.ศ. 2453 อายุได้ 23 ปี[39]

ข้อเท็จจริง และทัศนะ

ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ เป็นมูลเหตุในการนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนหรือไม่? อาจารย์วรชาติ มีชูบท (นามปากกา V_ Mee ในพันทิป.คอม) เคยวิเคราะห์ไว้ดังนี้

เมื่อคราวกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปที่นครเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2445 ปีมะเมียนั้น (สมัยพระองค์เรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง หรือมณฑลพายัพตามระบบแบ่งเขตการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีกระแสพระบรมราชโองการห้ามเจ้านาย และข้าราชการสยามที่ขึ้นไปประจำราชการที่เมืองนครเชียงใหม่รับเจ้านายฝ่ายหญิง หรือสตรีพื้นเมืองเหนือเป็นภรรยาโดยเด็ดขาด จึงเป็นไปไม่ได้ที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมจะกล้าขัดกระแสพระบรมราชโองการให้ข้าราชการสยามไปสู่ขอเจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) มาเป็นหม่อมในพระองค์[40]

ระหว่างที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมประทับพักแรมที่นครเชียงใหม่ ทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า:–

เมื่อเสด็จถึงนครเชียงใหม่ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2445 ได้ประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ ริมนํ้าปิง แล้วได้เสด็จตรวจที่ว่าการรัฐบาลมณฑลพายัพ ศาลต่างประเทศ โรงตำรวจ เค้าสนามหลวง โรงฆ่าสัตว์ วัด ตลาด และสถานประกอบการหัตถกรรมกับทอดพระเนตรภูมิประเทศในเมืองนครเชียงใหม่เป็นลำดับ

วันที่ 18 มีนาคม เสด็จประพาสดอยสุเทพ รุ่งขึ้นเสด็จลงจากดอยสุเทพกลับมาประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ เข้าวันที่ 20 มีนาคม ทรงม้าเสด็จไปประพาสพระบาทสี่รอยจนถึงวันที่ 26 มีนาคมจึงเสด็จกลับไปประทับแรมที่นครเชียงใหม่อีกครั้ง ครั้นได้เวลาพระฤกษ์วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2445 เวลาบ่าย 1 โมง 30 นาที เสด็จลงเรือเพื่อจะกลับกรุงเทพฯ[40]

กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม, หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เรื่อง บอกระยะทางพระองค์เพ็ญเสด็จมณฑลพายัพ (เลขที่ ร.5 ม.2.14/45) (11-29 พฤษภาคม ร.ส. 121)

หลักฐานข้างต้นระบุว่าการเสด็จกลับจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ นั้นเป็นการเสด็จโดยกระบวนเรือล่องลงมาตามลำน้ำปิง ไม่มีหลักฐานบันทึกใด ๆ ระบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงเกวียน หรือมีเกวียนร่วมในขบวนเสด็จ เนื่องจากเส้นทางไปหัวเมืองเหนือเต็มไปด้วยป่าเขา ต้องขึ้นเขาลงห้วยอยู่ตลอดเวลาไม่สะดวกที่จะใช้เกวียนเป็นพาหนะ[40]

ดังนั้น เรื่องเล่าว่าทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนระหว่างเสด็จไปเชียงใหม่นั้นไม่มีมูลความจริงเลย แต่น่าจะทรงพระนิพนธ์เมื่อคราวเสด็จไปมณฑลอีสาน (หัวเมืองลาวกาว) หลังเสด็จกลับจากเชียงใหม่มากกว่า[40]

ทั้งนี้ ชัยพัฒน์ อุดมมะนะ ทายาทรุ่นที่ 5 ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม แสดงทรรศนะเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

เรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างเสด็จในกรมกับเจ้าหญิงล้านนา จนกลายเป็นเหตุให้เสด็จในกรมต้องทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนนั้นจะจริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้เพราะในราชสกุลไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่ว่านี้แต่อย่างใด[28]

Remove ads

เนื้อร้อง

สรุป
มุมมอง

ขจร ปานะนนท์

เอกสาร บทร้องเพลงไทยเดิม ของขจร ปานะนนท์ ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2502 ระบุเนื้อร้องเพลงนี้ไว้ ดังนี้[23]

เที่ยวต้น (1) โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้เว้าเจ้าสาวคำดวง โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงเจ้าดวงเดือนเอย
(2) ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม จะหาไหนมาเทียมเจ้าดวงเดือนเอย
(3) หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย ถึงจะหอมกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย กลิ่นหอมทรามเชยเล่าเนอ
เที่ยวกลับ (1) โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้รักแสนดังดวงใจ โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย
(2) เห็นเดือนแรมเริดร้างเวหา เบิ่งดูฟ้าเล่าหนอ เห็นมืดมนจะทนทุกข์ ทุกข์ทนจะขาดใจเอย
(3) เสียงไก่ขันขาน เสียงหวานเจื้อยแจ้ว มันหวานสุดแล้ว หวานแจ้วเจื้อยเอย ถึงจะหวานเสนาะ หวานเพราะกระไรเลย บ่แม้นทรามเล่าหนอ

กรมศิลปากร

เอกสาร อธิบายเพลงโสมส่องแสง เถา ของกรมศิลปากร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2509 ให้เนื้อร้องที่ต่างออกไป ดังนี้[27]

 โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย
ข้อยมาเว้า รักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอ ข้อยขอลาล่วง
อกพี่เป็นห่วง รักเจ้าดวงเดือนเอย
 ขอลาแล้ว เจ้าแก้วโกสุม
ข้อยนี้รักเจ้าหนอ ขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียม เจ้าดวงเดือนเอย
 หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้
หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูของเรียมเอย
หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย
เนื้อหอมทรามเชย เราละเหนอ
 โอ้ละหนอ นวลตาเอย
ข้อยนี้รัก แสนดังดวงใจ
โอ้เป็นกรรม ต้องจำจากไป
อกพี่อาลัย เจ้าดวงเดือนเอย
Remove ads

ทำนอง

สรุป
มุมมอง

ลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยสำเนียงลาวมีอัตราจังหวะสองชั้น มี 3 ท่อนหน้าทับลาว มีบันไดเสียงของเพลงอยู่ในกลุ่มเสียงทางเพียงออบนที่นิยมใช้กับเพลงไทยสำเนียงลาวทั่วไป คือ กลุ่มเสียงปัญจมูล (ระดับกลาง) ที่ 4 โด เร มี x ซอล ลา x ไม่ปรากฏการเปลี่ยนกลุ่มเสียงระหว่างทำนองเพลง ส่วนลักษณะทำนองเพลงพบว่ามีลักษณะการดำเนินทำนองแบบบังคับทางนอก[28]

วาคภัฎ ศรีวรพจน์ ดุริยางคศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร แสดงทัศนะ อิทธิพล แรงบันดาลใจ และตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–

ลักษณะทำนองและเสียงของลูกตกรวมถึงกลุ่มเสียงของเพลงลาวดวงเดือนนั้นหากพิจารณาดูแล้วจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกันกับทำนองของเพลงลาวเล่นน้ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระบบเสียงของการประพันธ์เพลงไทยสำเนียงลาวโดยทั่วไปที่นิยมกันในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้เพลงลาวดวงเดือนยังมีทำนองและเสียงลูกตกของเพลงที่คล้ายกันกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในดนตรีตะวันตกอีกด้วยด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานว่าคงเพราะด้วยเสด็จในกรมทรงเป็นนักเรียนนอก จึงอาจทรงเคยฟังการบรรเลงเพลงดนตรีในวัฒนธรรมตะวันตกมาก่อนและเมื่อทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนขึ้น จึงอาจได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจบางประการจากเพลงดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการประพันธ์เพลงลาวดวงเดือน[28]

ส่วน อัจยุติ สังข์เกษม สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (Thai Youth Orchestra, TYO) อธิบายความคล้ายคลึงระหว่างเพลงลาวดวงเดือนกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ว่า:–

เพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ประพันธ์ทำนองโดยอันโตญีน ดโวชาก (Antonín Dvorak) คีตกวีชาวเช็กเมื่อคริสต์ศักราช 1894 หากพิจารณาทำนองของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A กับเพลงลาวดวงเดือนท่อน 1 แล้ว จะพบว่ามีการใช้ลักษณะของการประพันธ์เพลงที่คล้ายคลึงกันตรงที่ประพันธ์ให้โน้ตตัวแรกของเพลงและโน้ตตัวสุดท้ายของท่อนเพลงขึ้นและจบเป็นเสียงโน้ตตัวเดียวกันนอกจากนี้ถ้าหากนำเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A มาจดบันทึกเป็นโน้ตแบบไทยแล้วเปลี่ยนบันไดเสียง (Transpose) จากนั้นนำมาเทียบกับโน้ตเพลงลาวดวงเดือนแล้วจะพบว่าโน้ตเพลงลาวดวงเดือนนั้นได้ถูกขยายทำนองเพลงขึ้นเป็นอีกเท่าหนึ่งของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A อีกด้วย[28]

Remove ads

ในประเทศลาว

สรุป
มุมมอง

เพลงลาวดวงเดือนยังเป็นที่นิยมในประเทศลาว เนื่องจากโรงเรียนศิลปะแห่งชาติลาวมีการเปิดสอนเพลงลาวดวงเดือนในรายวิชาสาขาดนตรีพื้นเมืองสำหรับนักเรียนเครื่องปี่พาทย์ของลาว[41]:53,55 พบว่ามีการเปิดสอนเพลงพระราชนิพนธ์ของเจ้านายราชวงศ์ของไทยหลายเพลง เช่น เพลงลาวเสี่ยงเทียน เพลงลาวดำเนินทราย เพลงลาวคำหอม เพลงลาวกระทบไม้ เพลงลาวสมเด็จ ฯลฯ[41]:135

ส่วนต้นกำเนิดเพลงลาวดวงเดือนในประเทศลาว เอกสารเรื่อง วรรณคดีและศิลปะลาว (ลาว: ວັນນະຄະດີ ແລະ ສິລະປະລາວ) โดย สุลัง เดชวงษา อดีตผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติลาว ระบุว่า เพลงลาวดวงเดือนนั้นเกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งเป็นบทเพลงอมตะ[42] นอกจากนี้ประเทศลาวยังได้นำเพลงลาวดวงเดือนไปดัดแปลงบทร้องใหม่เป็น 2 บท คือ บทสำหรับผู้ชายร้อง และบทสำหรับผู้หญิงร้อง[43]

เนื้อเพลง (สำหรับชาย)

ໂອລານໍ ດວງເດືອນເອີຍ
ອ້າຍມາເວົ້າຮັກເຈົ້າສາວຄໍາ້ດວງ
ໂອເດີກແລ້ວນໍ ອ້າຍຂໍລາກອ່ນ
ອົກອ້າຍອາວອນ ເພາະຮັກເຈົ້າດວງເດືອນເອີຍ

ຂໍລາແລ້ວນ້ອງແກ້ວຕາຫວານ
ເອີງ ເອຍ.....ເອີງ ເອຍ..... (2x)

ອ້າຍນີ້ຮັກເຈົ້ານໍສາຍຕາຄົມ
ຈະຫາໄຜມາຊົມມາເດັດມາດົມຊົມເອີຍ (2x)

ຫອມກິ່ນເກສອນ ເກສອນດອກໄມ້
ຫອມກິນກາຍເຄີຍເຈົ້າຊູ້ຂອງຮຽມເອີຍ
ສຽງໄກ່ຂັນຄາ ສຽງຫວານແຈ້ວໆ
ແຕ່ສຽງນ້ອງແກ້ວຫວານແຈ້ວຈັບໃຈ

ເຖຶງຈະຫວານພຽງໃດ ອ້າຍຍັງບໍ່ລາຍລືມລົງ
ເນື້ອຫອມແທ້ເອີຍ ໂອນ້ອງສາວເອີຍ (2x)[43]

โอลานอ ดวงเดือนเอีย
อ้ายมาเว้าฮักเจ้าสาวค้ำดวง
โอเดีกแล้วนอ อ้ายขอลาก่อน
อกอ้ายอาวอน เพาะฮักเจ้าดวงเดือนเอีย

ขอลาแล้วน้องแก้วตาหวาน
เอีงเอย.....เอีงเอย..... (2x)

ฮ้ายนี้ฮักเจ้านอสายตาควัม
จะหาไผมาซมมาเดัดมาดมซมเอีย (2x)

หอมกี่นเกสอน เกสอนดอกไม้
หอมกีนคายเคียเจ้าซู้ของเฮียมเอีย
เสียงไก่ขันคา เสียงหวานแจ้ว ๆ
แต่เสียงน้องแก้วหวานแจ้วจับใจ

เถีงจะหวานเพียงใด อ้ายยังบ่อลายลืมลง
เนื้อหอมแท้เอีย โอน้องสาวเอีย (2x)

—Lao Heritage Foundation (ລາວດວງເດືອນ ຜູ່ຊາຍ) —ฉบับปริวรรตอักษรไทย

เนื้อเพลง (สำหรับหญิง)

ໂອລະນໍ ດວງເດືອນເອີຍ
ນອ້ງມາເວົ້າ ຮັກເຈົ້າດວງເດືອນເອີຍ
ໂອດືກແລ້ວນໍ ນອ້ງຂໍລາກອ່ນ
ອົກນອ້ງອາວອນ ເພາະຮັກເຈົ້າດວງເດືອນເອີຍ

ໂອລານໍ ດວງເດືອນເອີຍ
ນອ້ງນີ້ຮັກແສນຮັກດັງດວງໃຈ
ໂອເຫດໃດນໍຕອ້ງຈໍາຈາກໄປ
ແສນສຸດອາໄລ ເພາະຮັກເຈົ້າດວງເດືອນເອີຍ

ເຫັນເດືອນສະວ່າງຢູ່ຕາມເວຫາ ເອີງ ເອີຍ (2x)
ພໍ່ແຕ່ເບິ່ງທ້ອງຟ້າລະນໍແສນມືດມົນ

ລະທົມທຸກ ທຸກທົນໂອ ເຈົ້າດວງເດືອນເອີຍ (2x)
ຫອມກິ່ນເກສອນ ເກສອນດອກໄມ້
ຫອນກິນກາຍຂວັນໃຈຂອງຮຽມເອີຍ

ຫອມບໍ່ເຄີຍລືມ ຫອມນັ້ນຍັງຝັງໃຈ
ສຸດຮັກແສນອາໄລ ໂອດວງເດືອນເອີຍ (2x)[43]

โอลานอ ดวงเดือนเอีย
น้องมาเว้า ฮักเจ้าดวงเดือนเอีย
โอดึกแล้วนอ น้องขอลาก่อน
อกน้องอาวอน เพราะฮักเจ้าดวงเดือนเอีย

โอละนอ ดวงเดือนเอีย
น้องนี้ฮักแสนฮักดังดวงใจ
โอเหดใดนอ ต้องจำจากไป
แสนสุดอาไล เพาะฮักเจ้าดวงเดือยเอีย

เหนเดือนสะว่างยู่ตามเวหา เอีง เอีย (2x)
พ่อแต่เบิ่งท้องฟ้าละนอแสนมืดมึน

ละทึมทุก ทุกทึมโอ เจ้าดวงเดือนเอีย (2x)
หอมกิ่นเกสอน เกสอนดอกไม้
หอมกินคายขวันใจของเฮียมเอีย

หอมบ่อเคียลืม หอมนั้นยังฝังใจ
สุดฮักแสนอาไล โอดวงเดือยเอีย (2x)

—Lao Heritage Foundation (ລາວດວງເດືອນ ຜູ່ຍິງ) —ฉบับปริวรรตอักษรไทย
Remove ads

การจัดแสดง

สรุป
มุมมอง

มีการนำเพลง ลาวดวงเดือน ไปจัดแสดงขับร้องในงานแสดง งานเทศกาลดนตรี และการประกวดแข่งขันระดับชาติ และนานาชาติ ดังนี้:–

  • พ.ศ. 2531 การขับร้องเพลงลาวดวงเดือนในงานคอนเสิร์ต The Symposium of the International Musicological Society, closing concert จัดขึ้นโดยสมาคมดนตรี ดิ แอสตร้า ชอมเบอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2531 เวลา 20.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขับร้องโดยอนงค์ จันทระเปารยะ และเล่นฆ้องวงประกอบจังหวะโดยศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมศักดิ์ พิกุลศรี[44]
Thumb
การขับร้องเพลงลาวดวงเดือนในงาน The Symposium of the International Musicological Society, closing concert ณ Astra Chamber Music Society ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531)
  • พ.ศ. 2548 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนในงาน 2005 World Association of Symphonic Bands and Ensembles (WASBE) ณ เวสท์วินด์ คลับชุมชนบูกิต บาตอก ประเทศสิงคโปร์ โดย พันเอก ดร.ประทีป สุพรรณโรจน์[45]
  • พ.ศ. 2549 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงเดอะ ซันไรส์ สตริง ออร์เครสตรา (SSO) วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ณ ศาลาสุทธสิริโสภา ซอยลาดพร้าว 41 กรุงเทพมหานคร[46]
  • พ.ศ. 2556 การขับร้องประสานเสียงเพลงลาวดวงเดือนของคณะขับร้องประสานเสียงศรีสะเกษวิทยาลัย (Srisaketwittayalai Choir) โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย ในการแข่งขันขับร้องประสานเสียงแห่งเอเชียแปซิฟิค มานาโด ครั้งที่ 3 ณ คริสตจักรเกเรจา ทีเบเรียส มานาโด จังหวัดซูลาเวซีเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 โดยนายแพทย์กิตติพร ตันตระรุ่งโรจน์ นายกสมาคมขับร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย และวาทยกรโดยครูประกาศิต สอนแก้ว[47]
  • พ.ศ. 2562 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย เรียงเรียงโดย พันเอก ดร.ประทีป สุพรรณโรจน์ และวาทยกรโดยอัลฟอนโซ สการาโน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ มหิดลสิทธาคาร โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดนครปฐม
  • พ.ศ. 2564 การบรรเลงชุด Theme and Variation on Lao Duang Duan for Trumpet and Wind Ensemble ผลงานโดยไกรศิลป์ โสดานิล ในการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 1 (ISCFA) วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ณ หอเปรมดนตรี มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา[48]
  • พ.ศ. 2564 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทยในงานเทศกาลดนตรีนานาชาติปูซานประจำปี 2021 (BMIMF) ณ ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 26 กันยายน[49]
  • พ.ศ. 2565 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทยในงานเทศกาลดนตรีคลาสสิกลูบลิยานา ครั้งที่ 70 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ณ แคงเกอร์ฮอล ลูบลิยานา ประเทศสโลวีเนีย[50]
Remove ads

ทัศนะ

สรุป
มุมมอง

เมื่อ พ.ศ. 2537 อาจารย์เสนีย์ เกษมวัฒนากุล ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และครูหัวหน้าหมวดศิลปศึกษา โรงเรียนจิตรลดา ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–30 มกราคม พ.ศ. 2537 และเขียนบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นในระหว่างทัศนศึกษา และบันทึกความกังวลเรื่องเพลงลาวดวงเดือน และดนตรีไทย ตีพิมพ์ในหนังสือ แอบชมลายขอม ไว้ว่า:–

เพลงลาวดวงเดือน เราบรรเลงกันมานานเพราะเป็นพระนิพนธ์ในกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมฯ เจ้านายของฝ่ายไทย วันดีคืนดี (คงต้องเขียนว่าวันไม่ดีคืนไม่ดีจะเหมาะกว่า) ลาวเขาก็เอาไปจดลิขสิทธิ์ว่าเป็นเพลงของเขา คนไทยที่มีหน้าที่ปกป้องสมบัติของชาติก็ทําเฉยอีก เข้าทํานองนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ถ้าภายหลังไทยเราเกิดบันทึกแผ่น C.D. เพลงลาวดวงเดือนแล้วรัฐบาลลาวทําการยื่นฟ้องไทยในโทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อถึงวันนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางดนตรีของไทยจะว่าอย่างไรก็ยากจะเดาถูก ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าการที่ไทยเชิญนักดนตรีของเขมรมาสัมมนาในเชิงวิชาการ เมื่อมีการแอบอ้างแต่ไทยไม่ทักท้วง ถือว่าครั้งนี้เขมรเป็นฝ่ายได้เปรียบมาก เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นฝ่ายได้ใจ และคงบันทึกไว้ว่าไทยมิได้ทักท้วงแต่อย่างไร และเมื่อเราไปเชิญนักดนตรีเขมรกลุ่มอื่น ๆ มาสัมมนาแล้วไม่ทักท้วงอีกก็เหมาเอาว่าเรายอมรับโดยปริยาย เมื่อมีเหตุขัดข้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงระหว่างประเทศในภายหลัง เราก็คงต้องตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอีกเป็นแน่แท้[51]

เสนีย์ เกษมวัฒนากุล, บันทึกทัศนศึกษา ณ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–30 มกราคม พ.ศ. 2537

ในวัฒนธรรมประชานิยม

เพลงดาวดวงเดือนปรากฏตามวรรณกรรม สื่อ และรายการบันเทิงต่าง ๆ เช่น

ละคร ภาพยนตร์ รายการบันเทิง

เทคโลโลยีสารสนเทศ

  • ไวรัสลาวดวงเดือน (Loa Duang virus)[52] เพลงนี้ถูกใช้เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งตรวจพบในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2534 โดยมุ่งทำลายหน่วยพักความจำในฮาร์ดดิสก์และฟล็อปปีดิสก์ และทุก ๆ ครั้งที่เข้าถึงดิสก์ครบ 128 ครั้ง จะเล่นเพลงนี้ออกทางลำโพง เรียกชื่อว่า "ไวรัสลาวดวงเดือน" ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Loa Duong Virus"[53][54]
Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads