คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ลาวดวงเดือน
เพลงพระนิพนธ์ไทยเดิมของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ลาวดำเนินเกวียน นิยมเรียกว่า ลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยเดิมพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสพระองค์ที่ 41 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ประเทศสยาม กับเจ้าจอมมารดามรกฎ ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2450–2452[1] ระหว่างเสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี
บทความนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน มีเนื้อหา รูปแบบ หรือลักษณะการนำเสนอที่ไม่เหมาะสมสำหรับสารานุกรม |

Remove ads
ความหมาย
ชื่อเพลงลาวดวงเดือน หมายถึง พระจันทร์ (The Moon[2]: 152 หรือ Moonlight Serenade[3]) โดยคำว่า ลาว หมายถึง สำเนียงลาวถิ่นล้านนา และถิ่นอีสาน[1][2]: 152 และยังหมายถึง ทำนอง (ทางเพลง)[4] เช่น วิธีดำเนินทำนองเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ระดับเสียง เป็นต้น
คำว่า ดวงเดือน เป็นสำนวนกวีโวหารตั้งแต่สมัยอยุธยาใช้ชมความงามโดยเปรียบเทียบตามขนบ[5] คือ ใช้พรรณาชมความงามของฝ่ายหญิงว่าเปล่งปลั่ง สดใส งดงามดั่งพระจันทร์เต็มดวง[6] สำนวนดังกล่าวพบในวรรณกรรมสำนวนไทยสมัยอยุธยา เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท สังข์ทอง เป็นต้น
สมัยรัชกาลที่ 4–6 ราชสำนักสยามเคยกำหนดให้หัวเมืองเหนือของไทยเรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง[7] และเรียกหัวเมืองแถบอีสานว่า หัวเมืองลาวกาว[8] จึงปรากฏคำว่า ลาว ในชื่อเพลงซึ่งหมายถึงสำเนียงลาวถิ่นล้านนาลาวถิ่นอีสานในสมัยนั้น แต่ไม่ได้หมายถึงประเทศลาวสมัยปัจจุบัน หรือบ่งชี้ว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศลาวแต่อย่างใด[9][2]: 197
Remove ads
พระราชดำรัส
สรุป
มุมมอง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระราชทานเล่าเรื่องของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงได้ฟังเพลงลาวดวงเดือนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมขับร้องกับคณะอาสาสมัคร เมื่อวันก่อนเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐจีน ระหว่างวันที่ 5–8 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ไว้ว่า:–
คืนสุดท้าย ทรงฟังเพลงไทยที่คณะอาสาสมัคร โดยมีสิรินธรรวมอยู่ด้วยเล่นเพลงไทย โอ้ละหนอ ลาวดวงเดือน รู้สึกทรงรักเมืองไทยมาก อันนี้ลา เพราะรุ่งขึ้นท่าน [ รัชกาลที่ 9 ] ก็กลับแล้วไปเมืองจีน[10]
— สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, ประมวลพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทฯ, (2535).
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงโปรดฟังเพลงลาวดวงเดือนมาก หลังเสวยเสร็จราวสามทุ่มทรงมีพระราชประสงค์ทรงฟังเพลงลาวดวงเดือน ทรงมีรับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขับร้องเพลงลาวดวงเดือน ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงบรรเลงเพลงแล้วให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีทรงฟ้อนรำด้วย ความว่า:–
ชายร้องเพลงลาวดวงเดือนให้แม่ฟังหน่อย ร้องแบบที่แม่ชอบนะ แม่น้อยบรรเลงเพลงเข้า แล้วให้น้องเล็กฟ้อนด้วยนะ...[11]
— สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับการอนุรักษ์มรดกไทย, (2532).
แล้วสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงก็เสด็จมาประทับหน้าวงดนตรี ทรงมีรับสั่งเบา ๆ ว่า คอยบอกเนื้อร้องด้วยจำได้ไม่หมดเนื้อยาวตั้งหลายท่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขับร้องเพลงลาวดวงเดือนสองเที่ยวกลับตามแบบของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพระนิพนธ์ไว้ขนานแท้[12]
เพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดอย่างมาก[11][13] และเป็นเพลงที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีโปรดร้องมากที่สุด[14]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ลาวดวงเดือน (ชื่อเดิม: ลาวดำเนินเกวียน) เป็นเพลงไทยเดิมสำเนียงลาวซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระราชโอรสพระองค์ที่ 41 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระมหากษัตริย์ประเทศสยาม กับเจ้าจอมมารดามรกฎ ทรงพระนิพนธ์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2450–2452[1] ขณะรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง กำกับการกรมช่างไหม (วาระ พ.ศ. 2447–2451) (ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อกรมช่างไหมเป็นกรมเพาะปลูกเมื่อ พ.ศ. 2451)[15] ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิบดีกรมเพาะปลูก (พ.ศ. 2451–52)[16][17] กระทรวงเกษตราธิการ นับว่าเป็นเพลงไทยที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุด[18]
สมัยรัชกาลที่ 5
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดการดนตรีไทยเป็นการส่วนพระองค์ และยังทรงเป็นนักประพันธ์เพลงอย่างดี[19]: 45 ด้วยปรากฏว่าระหว่าง พ.ศ. 2450-52 ทรงพระนิพนธ์บทร้องเพลงไว้มากมายซึ่งบทร้องแต่ละเพลงของพระองค์มักเกี่ยวกับเรื่องพระจันทร์อันเนื่องด้วยพระนามเดิมว่า เพ็ญพัฒนพงศ์[19]: 45 และยังทรงมีวงปี่พาทย์ส่วนพระองค์ชื่อ วงพระองค์เพ็ญ[19]: 45 ล้วนมีนักดนตรีที่มีฝีไม้ลายมือเทียดเทียมวงปี่พาทย์วงอื่นในสมัยนั้น อาทิ วงสมเด็จพระบรม (รัชกาลที่ 6) วงวังบูรพา (กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) วงบางขุนพรหม (กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ) เป็นต้น[19]: 45
กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงโปรดทำนองและลีลาเพลงลาวดำเนินทรายที่ประพันธ์บทร้องโดยจ่าเผ่นผยองยิ่ง (โคม หรือจ่าโคม)[20] น้องชายของพระราชมนู (ทองอยู่) ครูเสภาสมัยรัชกาลที่ 5[21] เป็นเพลงสําเนียงไทยภาคเหนือ (ล้านนา) (เรียกว่า สำเนียงลาว) ที่ไพเราะมากที่อาจารย์ทางดนตรีได้เลียนทำนองมาจากการร้อง สักวาลาวเล็ก เป็นสักวาของเก่าสมัยโบราณ[19]: 45 แล้วพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ได้นำมาดัดแปลงทางดนตรีขึ้นใหม่[22][23] เพื่อใช้บรรเลงและขับร้องวงเครื่องสายปี่ชวา[20]
เมื่อเดือนมกราคม ร.ศ. 127 (ตรงกับ พ.ศ. 2452 ตามปฏิทินปัจจุบัน)[24] รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเป็นอธิบดีกรมเพาะปลูก และโปรดให้ตั้งโรงเรียนช่างไหม (โรงเรียนเกษตร วังใหม่สระปทุม) กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงสนพระทัยจึงได้ขยายโรงเรียนช่างไหมออกไปยังมณฑลหัวเมืองต่าง ๆ[25] พระองค์จึงเสด็จตรวจราชการเยี่ยมเยียนราษฎรมณฑลอีสาน ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ผ่านอำเภอเขื่องใน บ้านชีทวน ปรากฏใน รายงานของปลัดมณฑลจังหวัดอุบล ฯ ถึงท้าวไชยกุมาร ผู้แทนนายอําเภอแลกรมการเมืองมหาชนะไชย เรื่อง การทําไหม (เดือนมกราคมศก ร.ศ. 127-สนอง)[26]
เมื่อคราวเสด็จตรวจราชการโรงทอผ้าไหม ณ หัวเมืองอุบลราชธานี ระหว่างทางจากเมืองนครราชสีมาไปเมืองอุบลราชธานีซึ่งสมัยนั้นต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะ[19]: 45 และทรงประทับแรมอยู่ตามทางเป็นช่วง ๆ แล้วทรงพระนิพนธ์เพลงไทยเดิมสำเนียงลาวขึ้นใหม่เพลงหนึ่งโดยมีลีลาแบบเดียวกับเพลงลาวดำเนินทรายเพื่อให้คู่กันแล้วประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินเกวียน เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จคราวนั้น[27] เป็นเพลงอัตรา 2 ชั้น[19]: 47 และใช้หน้าทับลาวตีประกอบจังหวะ[19]: 45 จึงมีรับสั่งให้หลวงอำนาจณรงค์ราญ (ไพฑูรย์ เพ็ญกุล) เป็นผู้ขับร้องบทเพลงของพระองค์เป็นคนแรก[28] บทร้องเพลงลาวดำเนินทรายฉบับที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพระนิพนธ์ ดังนี้:—
โอ้ละหนอ | ดวงเดือนเอย | |
ข้อยมาเว้า | รักเจ้าสาวคำดวง |
โอ้ดึกแล้วหนอ | ข้อยขอลาล่วง | |
อกพี่เป็นห่วง | รักเจ้าดวงเดือนเอย | |
— ประชุมบทเพลงไทยเดิม กรมศิลปากร (คัดเฉพาะบทแรก)[19]: 45 |
เมื่อโปรดให้นำเพลงลาวดำเนินเกวียนออกร้อง ก็ได้รับความนิยมจากวงดนตรีไทยอย่างแพร่หลายแต่ด้วยบทร้องเพลงขึ้นต้นด้วย "โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย" และแต่ละบทมักจบท่อนด้วย "ดวงเดือน" ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงปี่พาทย์วงพระองค์เพ็ญจึงจดจำเพลงมาร้องต่อก็เรียกชื่อเพลงนี้ว่า ลาวดวงเดือน แทน แล้วพากันเรียกชื่อดังนี้ต่อ ๆ กันเรื่อยมาจนชื่อเพลงลาวดวงเดือนฝังติดหูกันไปทั่ว แม้ทรงประทานชื่อเพลงว่า ลาวดำเนินทราย ก็ไม่มีผู้ใดเรียก หากแต่ใครได้ยินเพลงก็เรียกว่าเพลงลาวดวงเดือนกันทั้งนั้นในสมัยนั้นจึงเป็นอันยุติว่าเพลงลาวดำเนินเกวียนนี้คือเพลงลาวดวงเดือน เช่นเดียวกับกรณีเพลงเขมรไทรโยคมีชื่อเดิมว่า เขมรกล่อมลูก แต่ก็ไม่มีใครเรียกตามชื่อตั้งแต่ต้นเลย[19]: 45
หลังทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนได้ไม่นาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมจึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ขณะมีพระชนมายุได้ 27 ปี
ผศ.สนิท ตั้งทวี ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีไทย กล่าวว่า เพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุดสําหรับผู้ที่ไม่เคยมีความสมหวังในความรัก[29]
สมัยรัชกาลที่ 7
สมัยรัชกาลที่ 7 กรมศิลปากรนำเพลงลาวดวงเดือนมาประยุกต์ประดิษฐ์ให้มีท่ารำตามนาฏศิลป์ไทยเรียกว่า ฟ้อนลาวดวงเดือน โดยจัดแสดงครั้งแรกต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสตรีในราชสำนัก คุณพนักงานนางพระกำนัล นางสนองพระโอษฐ์แสดงในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงปรับปรุงท่าฟ้อนลาวดวงเดือนให้ดียิ่งขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เพิ่มจังหวะ และโปรดให้ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์เล่นเปียโนประกอบการแสดง[30]
สมัยรัชกาลที่ 9

เมื่อ พ.ศ. 2494 อาจารย์มนตรี ตราโมทได้นำทำนองเพลงลาวดวงเดือนมาแต่งใหม่ตั้งชื่อเพลงว่าเพลง โสมส่องแสง[19]: 47 โดยขยายเป็นอัตรา 3 ชั้น แล้วตัดลงเป็นอัตราชั้นเดียว เพื่อใช้บรรเลงร่วมกับ 2 ชั้นของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมให้ครบเป็นเพลงเถาโดยยึดสำเนียงลาวตามต้นฉบับไว้ อาจารย์มนตรี ตราโมทยังแก้ไขทำนองร้องเล็กน้อย กล่าวคือ ของเดิมต้นฉบับทำนองเพลงท่อน 3 ใน 4 จังหวะต้น (หน้าทับสองไม้) ทั้งร้องและรับ กำหนดไว้ให้กลับซ้ำเป็น 2 ครั้ง เมื่อนำมาแต่งทำนองเพลงร้องเป็น 3 ชั้น ถ้าจะให้ร้องทำนองตอนนั้นซ้ำเป็น 2 ครั้งอย่างเดิมก็ดูจะยืดยาดไปจึงตัดให้ร้องแต่เพียงครั้งเดียวแล้วดำเนินทำนองตอนท้ายติดต่อไป เมื่อแก้ไขอัตรา 3 ชั้นแล้ว ทำนองร้อง 2 ชั้น และชั้นเดียวก็ต้องให้เป็นไปตามแบบเดิมกันจึงจะเข้าชุดกันเป็นเถาได้ ส่วนทำนองดนตรีที่รับคงซ้ำ 2 ครั้งอย่างเดิมตลอดเถา[19]: 47
เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงแซกโซโฟนบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ร่วมกับเบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman ) นักเป่าแคลริเน็ตชาวอเมริกันเจ้าของฉายาราชาแห่งสวิง (King of Swing) ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2499[31] ต่อมาพลตำรวจเอก พิชัย กุลละวณิชย์รองอธิบดีกรมตำรวจ จึงชักชวนคณะออร์เคสตราของเบนนี่ กู๊ดแมนร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือน (ดนตรีแจ๊ส) กับวงดนตรีประสานมิตร ประเทศไทย โดยมีเจตนา จุลกะเป็นวาทยกร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ณ โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏตาม หนังสือกรมตำรวจ ที่ 18698/56 ลงวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1956[32]
ในการร่วมบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนทั้งสองคณะเบนนี่ กู๊ดแมนเรียกชื่อเพลงว่า เดอะบิวตี้ฟูลมูนออฟลาว (The Beautiful Moon Of Lao) โดยมีสำนักข่าวบริษัทแพร่สัญญาณแห่งชาติ (เอ็นบีซี) สหรัฐอเมริกา ร่วมบันทึกการบรรเลง[33]: 217 ต่อมาได้นำเพลงดังกล่าวออกวางจำหน่ายในรูปแผ่นเสียงไวนิล เมื่อ ค.ศ. 1987 ชื่ออัลบั้มว่า Jazz And Hot Dance In Thailand 1956-1967
เมื่อ พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงแซกโซโฟนร่วมกับคณะของเบนนี่ กู๊ดแมนที่บอสตัน นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ปรากฏตามรายงานข่าวในนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1960[34] โดยมีการบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนส่วนพระองค์ (ดนตรีแจ๊ส) ในครั้งนั้นด้วย[33]: 216

เมื่อ พ.ศ. 2505 กรมศิลปากรนำฟ้อนลาวดวงเดือนมาปรับปรุงเพิ่มเติมโดยมีท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ช่วยปรับปรุงท่ารำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แล้วให้อาจารย์มนตรี ตราโมทนำออกแสดง และออกนำบทร้องเพลงเพื่อใช้ต้อนรับการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[28]
สารคดีเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ศิลปินแห่งชาติ (สาขาวรรณศิลป์) อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำรัชกาลที่ 9 กล่าวถึงเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–
Queen Ingrid might have been surprised to see the crown prince sing the famous traditional Thai song ‘Lao Duang Duean’ and to hear Princess Sirindhorn play a Thai fiddle and sing traditional Thai songs as well.[35]
(คำแปลไทย): สมเด็จพระราชินีอิงกริดแห่งเดนมาร์กทรงตื่นเต้นพระทัยที่จะได้ทอดพระเนตรพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ทรงขับร้องเพลงไทยเดิมอมตะชื่อว่า “ลาวดวงเดือน” และจะได้ทรงฟังพระสุรเสียงของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงซอด้วง และทรงขับร้องเพลงไทยเดิม
— วสิษฐ เดชกุญชร และคณะ, In His Majesty's Footsteps: A Personal Memoir สารคดีเฉลิมพระเกียรติ "รอยพระยุคลบาท" บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร (แปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษโดยบุษกร สุริยสาร และคริสโตเฟอร์ มัวร์), (2549)
มีการนำฟ้อนลาวดวงเดือนออกแสดงต้อนรับในโอกาสการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการหลายครั้ง เช่น[28]
- เนื่องในวโรกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของเจ้าชายฟรีดริช วิลเฮลม แห่งปรัสเซีย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ณ สวนศิวาลัย พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2506
- เนื่องในวโรกาสพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ พระราชอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และเจ้าหญิงฮานาโกะ พระชายา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2508
- เนื่องในวโรกาสพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระสหาย ณ พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2509
มีการจัดแสดงฟ้อนลาวดวงเดือนอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน[28] และมีการใช้เพลงลาวดวงเดือนฟ้อนถวายฯ รัชกาลที่ 9 มากที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2534[36]
เมื่อ พ.ศ. 2527 คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง นำเพลงลาวดวงเดือนมาเรียบเรียง ต่อมาวงดนตรีคุรุสภา (ชื่อเดิม: สมัคยาจารย์สมาคม) จึงได้นำผลงานของท่านออกบรรเลงเป็นครั้งแรก[37]
Remove ads
มูลเหตุ และทัศนะเกี่ยวกับการนิพนธ์เพลง
สรุป
มุมมอง
ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่
เอกสารทั่วไประบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จภาคอีสานด้วยเกวียน จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น มีทำนองแบบเพลงลาว และประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการเสด็จคราวนั้น[23][27] แต่เอกสารบางฉบับก็อ้างถึงคำเล่าลือว่า พระองค์ทรงแต่งเพลงนี้ขึ้นเพราะทรงคิดถึงเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ รักแรกที่ไม่สมหวังของพระองค์[38][39]
หนังสือ ร้อยเรียงเวียงวัง ของกิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 อ้างว่า ในราว พ.ศ. 2446 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปตรวจการทำไหมในมณฑลอีสาน ทรงคิดถึงหญิงผู้เป็นรักแรก คือ เจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) ธิดาของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ (ธรรมลังกา) กับเจ้าหญิงคำย่น ซึ่งถูกรัชกาลที่ 5 พระบิดา คัดค้านการสมรสกันโดยไม่ปรากฏเหตุผล จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ประทานชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" เพราะอยู่ระหว่างเสด็จด้วยเกวียน และให้เข้าคู่กันกับเพลง "ลาวดำเนินทราย"[38] กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากการ "เล่ากัน"[38]
บทความ อาศรมมิวสิก: ปลดแอกลาวออกจากเพลง เหลือแค่ดวงเดือนทำนองเมืองเหนือ ซึ่งสุกรี เจริญสุข เขียนเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2564 ว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงพบรักกับเจ้าหญิงชมชื่นแห่งเชียงใหม่ โปรดให้ข้าหลวงมณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอ แต่ไม่เป็นผล เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายเชียงใหม่ต้องการรอให้เจ้าหญิงอายุครบ 18 ปีก่อน ส่วนรัชกาลที่ 5 ก็ไม่ทรงอนุญาต และพระราชวงศ์ที่กรุงเทพฯ ก็ทัดทาน ต่อมาในราว พ.ศ. 2447–8 กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จหัวเมืองอีสานด้วยเกวียน "ด้วยพลังของความคิดถึงหญิงคนรัก" จึงทรงแต่งเพลงนี้ขึ้น ตั้งชื่อว่า "ลาวดำเนินเกวียน" สุกรี เจริญสุข ยังอ้างว่า "ลือกันว่า" ภายหลัง กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมตรอมพระทัยที่ไม่ได้สมหวังกับเจ้าหญิงชมชื่น จนประชวรโรคปอดสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2452 พระชันษาได้ 27 ปี ส่วนเจ้าหญิงชมชื่นเองที่ไปสมรสกับเจ้าน้อยสิงห์คำ ณ ลำพูน นั้น ก็ตรอมใจเสียชีวิตในปีถัดมา คือ พ.ศ. 2453 อายุได้ 23 ปี[39]
ข้อเท็จจริง และทัศนะ
ตำนานความรักเจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ เป็นมูลเหตุในการนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนหรือไม่? อาจารย์วรชาติ มีชูบท (นามปากกา V_ Mee ในพันทิป.คอม) เคยวิเคราะห์ไว้ดังนี้
เมื่อคราวกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จไปที่นครเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2445 ปีมะเมียนั้น (สมัยพระองค์เรียกว่า หัวเมืองลาวเฉียง หรือมณฑลพายัพตามระบบแบ่งเขตการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีกระแสพระบรมราชโองการห้ามเจ้านาย และข้าราชการสยามที่ขึ้นไปประจำราชการที่เมืองนครเชียงใหม่รับเจ้านายฝ่ายหญิง หรือสตรีพื้นเมืองเหนือเป็นภรรยาโดยเด็ดขาด จึงเป็นไปไม่ได้ที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมจะกล้าขัดกระแสพระบรมราชโองการให้ข้าราชการสยามไปสู่ขอเจ้าหญิงชมชื่น (ณ เชียงใหม่) มาเป็นหม่อมในพระองค์[40]
ระหว่างที่กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมประทับพักแรมที่นครเชียงใหม่ ทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า:–
เมื่อเสด็จถึงนครเชียงใหม่ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2445 ได้ประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ ริมนํ้าปิง แล้วได้เสด็จตรวจที่ว่าการรัฐบาลมณฑลพายัพ ศาลต่างประเทศ โรงตำรวจ เค้าสนามหลวง โรงฆ่าสัตว์ วัด ตลาด และสถานประกอบการหัตถกรรมกับทอดพระเนตรภูมิประเทศในเมืองนครเชียงใหม่เป็นลำดับ
วันที่ 18 มีนาคม เสด็จประพาสดอยสุเทพ รุ่งขึ้นเสด็จลงจากดอยสุเทพกลับมาประทับแรมที่จวนข้าหลวงใหญ่ฯ เข้าวันที่ 20 มีนาคม ทรงม้าเสด็จไปประพาสพระบาทสี่รอยจนถึงวันที่ 26 มีนาคมจึงเสด็จกลับไปประทับแรมที่นครเชียงใหม่อีกครั้ง ครั้นได้เวลาพระฤกษ์วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2445 เวลาบ่าย 1 โมง 30 นาที เสด็จลงเรือเพื่อจะกลับกรุงเทพฯ[40]
— กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม, หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เรื่อง บอกระยะทางพระองค์เพ็ญเสด็จมณฑลพายัพ (เลขที่ ร.5 ม.2.14/45) (11-29 พฤษภาคม ร.ส. 121)
หลักฐานข้างต้นระบุว่าการเสด็จกลับจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ นั้นเป็นการเสด็จโดยกระบวนเรือล่องลงมาตามลำน้ำปิง ไม่มีหลักฐานบันทึกใด ๆ ระบุว่า กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมทรงเกวียน หรือมีเกวียนร่วมในขบวนเสด็จ เนื่องจากเส้นทางไปหัวเมืองเหนือเต็มไปด้วยป่าเขา ต้องขึ้นเขาลงห้วยอยู่ตลอดเวลาไม่สะดวกที่จะใช้เกวียนเป็นพาหนะ[40]
ดังนั้น เรื่องเล่าว่าทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียนระหว่างเสด็จไปเชียงใหม่นั้นไม่มีมูลความจริงเลย แต่น่าจะทรงพระนิพนธ์เมื่อคราวเสด็จไปมณฑลอีสาน (หัวเมืองลาวกาว) หลังเสด็จกลับจากเชียงใหม่มากกว่า[40]
ทั้งนี้ ชัยพัฒน์ อุดมมะนะ ทายาทรุ่นที่ 5 ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม แสดงทรรศนะเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–
เรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างเสด็จในกรมกับเจ้าหญิงล้านนา จนกลายเป็นเหตุให้เสด็จในกรมต้องทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนนั้นจะจริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้เพราะในราชสกุลไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่ว่านี้แต่อย่างใด[28]
Remove ads
เนื้อร้อง
สรุป
มุมมอง
ขจร ปานะนนท์
เอกสาร บทร้องเพลงไทยเดิม ของขจร ปานะนนท์ ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2502 ระบุเนื้อร้องเพลงนี้ไว้ ดังนี้[23]
เที่ยวต้น | (1) | โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้เว้าเจ้าสาวคำดวง โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงเจ้าดวงเดือนเอย |
(2) | ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม จะหาไหนมาเทียมเจ้าดวงเดือนเอย | |
(3) | หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย ถึงจะหอมกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย กลิ่นหอมทรามเชยเล่าเนอ | |
เที่ยวกลับ | (1) | โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่นี้รักแสนดังดวงใจ โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย |
(2) | เห็นเดือนแรมเริดร้างเวหา เบิ่งดูฟ้าเล่าหนอ เห็นมืดมนจะทนทุกข์ ทุกข์ทนจะขาดใจเอย | |
(3) | เสียงไก่ขันขาน เสียงหวานเจื้อยแจ้ว มันหวานสุดแล้ว หวานแจ้วเจื้อยเอย ถึงจะหวานเสนาะ หวานเพราะกระไรเลย บ่แม้นทรามเล่าหนอ | |
กรมศิลปากร
เอกสาร อธิบายเพลงโสมส่องแสง เถา ของกรมศิลปากร ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2509 ให้เนื้อร้องที่ต่างออกไป ดังนี้[27]
โอ้ละหนอ | ดวงเดือนเอย | |
ข้อยมาเว้า | รักเจ้าสาวคำดวง | |
โอ้ดึกแล้วหนอ | ข้อยขอลาล่วง | |
อกพี่เป็นห่วง | รักเจ้าดวงเดือนเอย | |
ขอลาแล้ว | เจ้าแก้วโกสุม | |
ข้อยนี้รักเจ้าหนอ | ขวัญตาเรียม | |
จะหาไหนมาเทียม | เจ้าดวงเดือนเอย | |
หอมกลิ่นเกสร | เกสรดอกไม้ | |
หอมกลิ่นคล้าย | คล้ายเจ้าสูของเรียมเอย | |
หอมกลิ่นกรุ่นครัน | หอมนั้นยังบ่เลย | |
เนื้อหอมทรามเชย | เราละเหนอ | |
โอ้ละหนอ | นวลตาเอย | |
ข้อยนี้รัก | แสนดังดวงใจ | |
โอ้เป็นกรรม | ต้องจำจากไป | |
อกพี่อาลัย | เจ้าดวงเดือนเอย | |
Remove ads
ทำนอง
สรุป
มุมมอง
ลาวดวงเดือน เป็นเพลงไทยสำเนียงลาวมีอัตราจังหวะสองชั้น มี 3 ท่อนหน้าทับลาว มีบันไดเสียงของเพลงอยู่ในกลุ่มเสียงทางเพียงออบนที่นิยมใช้กับเพลงไทยสำเนียงลาวทั่วไป คือ กลุ่มเสียงปัญจมูล (ระดับกลาง) ที่ 4 โด เร มี x ซอล ลา x ไม่ปรากฏการเปลี่ยนกลุ่มเสียงระหว่างทำนองเพลง ส่วนลักษณะทำนองเพลงพบว่ามีลักษณะการดำเนินทำนองแบบบังคับทางนอก[28]
วาคภัฎ ศรีวรพจน์ ดุริยางคศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร แสดงทัศนะ อิทธิพล แรงบันดาลใจ และตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเพลงลาวดวงเดือนไว้ว่า:–
ลักษณะทำนองและเสียงของลูกตกรวมถึงกลุ่มเสียงของเพลงลาวดวงเดือนนั้นหากพิจารณาดูแล้วจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกันกับทำนองของเพลงลาวเล่นน้ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระบบเสียงของการประพันธ์เพลงไทยสำเนียงลาวโดยทั่วไปที่นิยมกันในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้เพลงลาวดวงเดือนยังมีทำนองและเสียงลูกตกของเพลงที่คล้ายกันกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในดนตรีตะวันตกอีกด้วยด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานว่าคงเพราะด้วยเสด็จในกรมทรงเป็นนักเรียนนอก จึงอาจทรงเคยฟังการบรรเลงเพลงดนตรีในวัฒนธรรมตะวันตกมาก่อนและเมื่อทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือนขึ้น จึงอาจได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจบางประการจากเพลงดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการประพันธ์เพลงลาวดวงเดือน[28]
ส่วน อัจยุติ สังข์เกษม สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (Thai Youth Orchestra, TYO) อธิบายความคล้ายคลึงระหว่างเพลงลาวดวงเดือนกับเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ว่า:–
เพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ประพันธ์ทำนองโดยอันโตญีน ดโวชาก (Antonín Dvorak) คีตกวีชาวเช็กเมื่อคริสต์ศักราช 1894 หากพิจารณาทำนองของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A กับเพลงลาวดวงเดือนท่อน 1 แล้ว จะพบว่ามีการใช้ลักษณะของการประพันธ์เพลงที่คล้ายคลึงกันตรงที่ประพันธ์ให้โน้ตตัวแรกของเพลงและโน้ตตัวสุดท้ายของท่อนเพลงขึ้นและจบเป็นเสียงโน้ตตัวเดียวกันนอกจากนี้ถ้าหากนำเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A มาจดบันทึกเป็นโน้ตแบบไทยแล้วเปลี่ยนบันไดเสียง (Transpose) จากนั้นนำมาเทียบกับโน้ตเพลงลาวดวงเดือนแล้วจะพบว่าโน้ตเพลงลาวดวงเดือนนั้นได้ถูกขยายทำนองเพลงขึ้นเป็นอีกเท่าหนึ่งของเพลงฮิวเมอเรสก์ส (Humoresqueop.101 No.7) ในช่วง Theme A อีกด้วย[28]
Remove ads
ในประเทศลาว
สรุป
มุมมอง
เพลงลาวดวงเดือนยังเป็นที่นิยมในประเทศลาว เนื่องจากโรงเรียนศิลปะแห่งชาติลาวมีการเปิดสอนเพลงลาวดวงเดือนในรายวิชาสาขาดนตรีพื้นเมืองสำหรับนักเรียนเครื่องปี่พาทย์ของลาว[41]: 53, 55 พบว่ามีการเปิดสอนเพลงพระราชนิพนธ์ของเจ้านายราชวงศ์ของไทยหลายเพลง เช่น เพลงลาวเสี่ยงเทียน เพลงลาวดำเนินทราย เพลงลาวคำหอม เพลงลาวกระทบไม้ เพลงลาวสมเด็จ ฯลฯ[41]: 135
ส่วนต้นกำเนิดเพลงลาวดวงเดือนในประเทศลาว เอกสารเรื่อง วรรณคดีและศิลปะลาว (ลาว: ວັນນະຄະດີ ແລະ ສິລະປະລາວ) โดย สุลัง เดชวงษา อดีตผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติลาว ระบุว่า เพลงลาวดวงเดือนนั้นเกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งเป็นบทเพลงอมตะ[42] นอกจากนี้ประเทศลาวยังได้นำเพลงลาวดวงเดือนไปดัดแปลงบทร้องใหม่เป็น 2 บท คือ บทสำหรับผู้ชายร้อง และบทสำหรับผู้หญิงร้อง[43]
เนื้อเพลง (สำหรับชาย)
ໂອລານໍ ດວງເດືອນເອີຍ |
โอลานอ ดวงเดือนเอีย |
—Lao Heritage Foundation (ລາວດວງເດືອນ ຜູ່ຊາຍ) | —ฉบับปริวรรตอักษรไทย |
เนื้อเพลง (สำหรับหญิง)
ໂອລະນໍ ດວງເດືອນເອີຍ |
โอลานอ ดวงเดือนเอีย |
—Lao Heritage Foundation (ລາວດວງເດືອນ ຜູ່ຍິງ) | —ฉบับปริวรรตอักษรไทย |
Remove ads
การจัดแสดง
สรุป
มุมมอง
มีการนำเพลง ลาวดวงเดือน ไปจัดแสดงขับร้องในงานแสดง งานเทศกาลดนตรี และการประกวดแข่งขันระดับชาติ และนานาชาติ ดังนี้:–
- พ.ศ. 2531 การขับร้องเพลงลาวดวงเดือนในงานคอนเสิร์ต The Symposium of the International Musicological Society, closing concert จัดขึ้นโดยสมาคมดนตรี ดิ แอสตร้า ชอมเบอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2531 เวลา 20.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขับร้องโดยอนงค์ จันทระเปารยะ และเล่นฆ้องวงประกอบจังหวะโดยศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมศักดิ์ พิกุลศรี[44]

- พ.ศ. 2548 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนในงาน 2005 World Association of Symphonic Bands and Ensembles (WASBE) ณ เวสท์วินด์ คลับชุมชนบูกิต บาตอก ประเทศสิงคโปร์ โดย พันเอก ดร.ประทีป สุพรรณโรจน์[45]
- พ.ศ. 2549 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงเดอะ ซันไรส์ สตริง ออร์เครสตรา (SSO) วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ณ ศาลาสุทธสิริโสภา ซอยลาดพร้าว 41 กรุงเทพมหานคร[46]
- พ.ศ. 2556 การขับร้องประสานเสียงเพลงลาวดวงเดือนของคณะขับร้องประสานเสียงศรีสะเกษวิทยาลัย (Srisaketwittayalai Choir) โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย ในการแข่งขันขับร้องประสานเสียงแห่งเอเชียแปซิฟิค มานาโด ครั้งที่ 3 ณ คริสตจักรเกเรจา ทีเบเรียส มานาโด จังหวัดซูลาเวซีเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 โดยนายแพทย์กิตติพร ตันตระรุ่งโรจน์ นายกสมาคมขับร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย และวาทยกรโดยครูประกาศิต สอนแก้ว[47]
- พ.ศ. 2562 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย เรียงเรียงโดย พันเอก ดร.ประทีป สุพรรณโรจน์ และวาทยกรโดยอัลฟอนโซ สการาโน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ มหิดลสิทธาคาร โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดนครปฐม
- พ.ศ. 2564 การบรรเลงชุด Theme and Variation on Lao Duang Duan for Trumpet and Wind Ensemble ผลงานโดยไกรศิลป์ โสดานิล ในการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 1 (ISCFA) วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ณ หอเปรมดนตรี มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา[48]
- พ.ศ. 2564 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทยในงานเทศกาลดนตรีนานาชาติปูซานประจำปี 2021 (BMIMF) ณ ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 26 กันยายน[49]
- พ.ศ. 2565 การบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนโดยวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทยในงานเทศกาลดนตรีคลาสสิกลูบลิยานา ครั้งที่ 70 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ณ แคงเกอร์ฮอล ลูบลิยานา ประเทศสโลวีเนีย[50]
Remove ads
ทัศนะ
สรุป
มุมมอง
เมื่อ พ.ศ. 2537 อาจารย์เสนีย์ เกษมวัฒนากุล ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และครูหัวหน้าหมวดศิลปศึกษา โรงเรียนจิตรลดา ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–30 มกราคม พ.ศ. 2537 และเขียนบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นในระหว่างทัศนศึกษา และบันทึกความกังวลเรื่องเพลงลาวดวงเดือน และดนตรีไทย ตีพิมพ์ในหนังสือ แอบชมลายขอม ไว้ว่า:–
เพลงลาวดวงเดือน เราบรรเลงกันมานานเพราะเป็นพระนิพนธ์ในกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมฯ เจ้านายของฝ่ายไทย วันดีคืนดี (คงต้องเขียนว่าวันไม่ดีคืนไม่ดีจะเหมาะกว่า) ลาวเขาก็เอาไปจดลิขสิทธิ์ว่าเป็นเพลงของเขา คนไทยที่มีหน้าที่ปกป้องสมบัติของชาติก็ทําเฉยอีก เข้าทํานองนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ถ้าภายหลังไทยเราเกิดบันทึกแผ่น C.D. เพลงลาวดวงเดือนแล้วรัฐบาลลาวทําการยื่นฟ้องไทยในโทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อถึงวันนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางดนตรีของไทยจะว่าอย่างไรก็ยากจะเดาถูก ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าการที่ไทยเชิญนักดนตรีของเขมรมาสัมมนาในเชิงวิชาการ เมื่อมีการแอบอ้างแต่ไทยไม่ทักท้วง ถือว่าครั้งนี้เขมรเป็นฝ่ายได้เปรียบมาก เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นฝ่ายได้ใจ และคงบันทึกไว้ว่าไทยมิได้ทักท้วงแต่อย่างไร และเมื่อเราไปเชิญนักดนตรีเขมรกลุ่มอื่น ๆ มาสัมมนาแล้วไม่ทักท้วงอีกก็เหมาเอาว่าเรายอมรับโดยปริยาย เมื่อมีเหตุขัดข้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงระหว่างประเทศในภายหลัง เราก็คงต้องตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอีกเป็นแน่แท้[51]
— เสนีย์ เกษมวัฒนากุล, บันทึกทัศนศึกษา ณ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–30 มกราคม พ.ศ. 2537
ในวัฒนธรรมประชานิยม
เพลงดาวดวงเดือนปรากฏตามวรรณกรรม สื่อ และรายการบันเทิงต่าง ๆ เช่น
ละคร ภาพยนตร์ รายการบันเทิง
- สี่แผ่นดิน
- วัยอลวน (พ.ศ. 2519)
- รายการจำอวด คุณพระช่วย
- ข้าวนอกนา (พ.ศ. 2533)
- The Mask Singer หน้ากากนักร้อง (ฤดูกาลที่ 2) (พ.ศ. 2560) (ขับร้องโดย หน้ากากซูโม่)
- เพชรกลางไฟ
- โหมโรง (พ.ศ. 2547)
- อีเรียมซิ่ง (พ.ศ. 2563) (ขับร้องโดย ราณี แคมเปน)
- ชั่วฟ้าดินสลาย (พ.ศ. 2553)
- MV ลาวดวงเดือน Under The Same Moon (2021) (ขับร้องโดย สิงโต ปราชญา คริส พีรวัส และเอด้า ชุณหวชิร)
- ละครเวทีเรื่อง รอยดุริยางต์ เดอะมิลสิวคัล (พ.ศ. 2558) ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
เทคโลโลยีสารสนเทศ
- ไวรัสลาวดวงเดือน (Loa Duang virus)[52] เพลงนี้ถูกใช้เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งตรวจพบในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2534 โดยมุ่งทำลายหน่วยพักความจำในฮาร์ดดิสก์และฟล็อปปีดิสก์ และทุก ๆ ครั้งที่เข้าถึงดิสก์ครบ 128 ครั้ง จะเล่นเพลงนี้ออกทางลำโพง เรียกชื่อว่า "ไวรัสลาวดวงเดือน" ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Loa Duong Virus"[53][54]
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads