คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ชิมแปนซี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ชิมแปนซี
Remove ads

ชิมแปนซี (อังกฤษ: chimpanzee; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pan troglodytes) เป็นลิงไม่มีหางที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด

ข้อมูลเบื้องต้น สถานะการอนุรักษ์, การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ ...
Remove ads

ศัพทมูลวิทยา

คำว่า chimpanzee ในภาษาอังกฤษได้รับการบันทึกครั้งแรกใน ค.ศ. 1738[4] มีที่มาจากภาษาวีลีว่า ci-mpenze[5] หรือในภาษา Tshiluba ว่า chimpenze โดยมีความหมายว่า "เอป"[6] หรือ "mockman"[7] ภาษาปาก "chimp" น่าจะประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษ 1870[8] ชื่อสกุล Pan มาจากเทพเจ้ากรีก ส่วนชื่อเฉพาะ troglodytes มาจาก Troglodytae เผ่าพันธุ์ในตำนานที่อาศัยอยู่ในถ้ำ[9][10]

อนุกรมวิธาน

สรุป
มุมมอง

เอปแรกสุดที่วิทยาศาสตร์ตะวันตกรู้จักในคริสตศตวรรษที่ 17 คือ "อุรังอุตัง" (สกุล Pongo) ชื่อภาษามลายูท้องถิ่นบันทึกในเกาะชวาโดย Jacobus Bontius แพทย์ชาวดัตช์ จากนั้นใน ค.ศ. 1641 Nicolaes Tulp นักกายวิภาคชาวดัตช์ ใช้ชื่อนี้กับชิมแปนซีหรือโบโนโบจากแองโกลาที่นำเข้าเนเธอร์แลนด์[11] Peter Camper นักกายวิภาคชาวดัตช์อีกคน ผ่าตัวอย่างชนิดจากแอฟริกากลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1770 โดยสังเกตความแตกต่างระหว่างเอปแอฟริกันกับเอเชีย Johann Friedrich Blumenbach นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน จัดให้ชิมแปนซีเป็น Simia troglodytes ใน ค.ศ. 1775 Lorenz Oken นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันอีกคน บัญญัติชื่อสกุล Pan ใน ค.ศ. 1816 โบโนโบถูดจัดให้เป็นสายเฉพาะจากชิมแปนซีใน ค.ศ. 1933[9][10][12]

วิวัฒนาการ

แม้มีการจัดเก็บรวมฟอสซิล Homo จำนวนมาก ฟอสซิลของ Pan ยังไม่ได้รับการระบุจนกระทั่ง ค.ศ. 2005 ประชากรชิมแปนซีที่มีอยู่ในแอฟริกาตะวันตกและกลางไม่ทับซ้อนกับพื้นที่ฟอสซิลมนุษย์หลักในแอฟริกาตะวันออก แต่มีรายงานฟอสซิลชิมแปนซีจากเคนยา สิ่งนี้ระบุุว่าทั้งมนุษย์และสมาชิกเคลด Pan ปรากฏในหุบเขาทรุดแอฟริกาตะวันออกในช่วงอายุไพลสโตซีนกลาง[13]

ตามการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2017 โดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน โบโนโบกับชิมแปนซีแยกจากสายมนุษย์เมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน จากนั้นโบโนโบจึงแยกจากสายชิมแปนซีสามัญเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน[14][15] การศึกษาทางพันธุกรรมอีกชิ้นใน ค.ศ. 2017 แสดงให้เห็นถึงการถ่ายเทยีน (introgression) จากโบโนโบไปยังบรรพบุรุษของชิมแปนซีกลางและตะวันออกเมื่อระหว่าง 200,000 ถึง 550,000 ปีก่อน[16]

ชนิดย่อยและสถานะประชากร

มีชิมแปนซีีชนิดย่อย 4 ชนิดที่ได้รับการรับรอง[17][18] โดยอาจมีชนิดย่อยที่ 5 ที่เป็นไปได้:[16][19]

จีโนม

ร่างจีโนมชิมแปนซีได้รับการตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2005 และเข้ารหัสโปรตีน 18,759 ตัว[26][27] (เทียบกับโปรติโอมในมนุษย์ 20,383 ตัว)[28] ลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์และชิมแปนซีมีความคล้ายคลึงกันมาก และความแตกต่างของจำนวนโปรตีนส่วนใหญ่เกิดจากลำดับที่ไม่สมบูรณ์ในจีโนมชิมแปนซี ทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันในด้านการเปลี่ยนแปลงนิวคลีโอไทด์เดี่ยวประมาณ 35 ล้านตัว เหตุการณ์การแทรก/ลบ 5 ล้านครั้ง และการจัดเรียงโครโมโซมที่แตกต่างกันหลายครั้ง[29] โปรตีนที่เหมือนกันของมนุษย์และชิมแปนซีโดยทั่วไปมีความแตกต่างกันเพียงกรดอะมิโน 2 ตัวเท่านั้น โปรตีนของมนุษย์ทั้งหมดประมาณร้อยละ 30 มีลำดับที่เหมือนกันกับโปรตีนของชิมแปนซี ส่วนเล็ก ๆ ของโครโมโซมที่เพิ่มขึ้น (duplication) เป็นแหล่งความแตกต่างหลักระหว่างสารทางพันธุกรรมของมนุษย์กับของชิมแปนซี อธิบายคือจีโนมปัจจุบันประมาณ 2.7% ของมนุษย์กับของชิมแปนซีต่างกัน โดยเกิดจากยีนที่เพิ่มขึ้น (duplication) หรือที่หลุดหาย (deletion) นับตั้งแต่มนุษย์และชิมแปนซีแยกตัวออกจากบรรพบุรุษร่วมกัน[26][29]

Remove ads

ลักษณะ

Thumb
ลิงชิมแพนซีที่สวนสัตว์นครราชสีมา
Thumb
โครงกระดูก

ชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่มีความสูงขณะยืนเฉลี่ย 150 ซm (4 ft 11 in)[30] โดยชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่ในป่ามีน้ำหนักประมาณ 40 และ 70 kg (88 และ 154 lb)[31][32][33] ส่วนเพศเมียมีน้ำหนักระหว่าง 27 และ 50 kg (60 และ 110 lb)[34] ในกรณีพิเศษ ชิมแปนซีบางตัวอาจมีขนาดเกินกว่าหน่วยวัดนี้มาก โดยมีความสูงขณะยืนด้วยขาสองข้างมากกว่า 168 ซm (5 ft 6 in) และมีน้ำหนักถึง 136 kg (300 lb) เมื่ออยู่ในที่คุมขัง[a]

นิเวศวิทยา

ภาวะการตายและสุขภาพ

Thumb
ชิมแปนซีชื่อ "Gregoire" ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2006 เกิดใน ค.ศ. 1944 (Jane Goodall sanctuary of Tchimpounga สาธารณรัฐคองโก)

อายุขัยเฉลี่ยเฉลี่ยของชิมแปนซีในป่าค่อนข้างสั้น ปกติจะอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ชิมแปนซีที่มีอายุถึง 12 ปีอาจมีอายุยืนยาวกว่านั้นอีก 15 ปี ในบางกรณี ชิมแปนซีในป่าอาจมีชีวิตเกือบ 60 ปี ชิมแปนซีในกรงขังมักมีอายุยืนยาวกว่าชิมแปนซีป่า โดยเพศผู้มีอายุเฉลี่ย 31.7 ปี ส่วนเพศเมียอยู่ที่ 38.7 ปี[37] ชิมแปนซีเพศผู้ในกรงขังที่แก่ที่สุดเท่าที่มีอายุบันทึกมีอายุถึง 66 ปี[38] ส่วนเพศเมียที่แก่ที่สุดคือลิตเติลมามา มีอายุเกือบ 80 ปี[39]

Remove ads

การกระจายพันธุ์และพฤติกรรม

สรุป
มุมมอง

ชิมแปนซีกระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา ทางแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีความสัมพันธ์กันแบบเครือญาติ โดยมีจ่าฝูงเป็นตัวผู้เพียงตัวเดียว หากินบนพื้นดินมากกว่าต้นไม้ โดยหากินในเวลากลางวัน ซึ่งอาหารได้แก่ ผลไม้และใบไม้ต่าง ๆ รวมถึงสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ เช่น แมลง เป็นต้น ซึ่งชิมแปนซีมีพฤติกรรมที่จะประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ ในการหาอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์[40] ชิมแปนซีมีเสียงร้องอย่างหลากหลาย จากการศึกษาพบว่าร้องได้ถึง 32 แบบ โดยถือเป็นภาษาสำหรับการสื่อสารระหว่างกัน[41] สามารถเดินตรงได้แต่นิ้วเท้าจะหันไปข้างนอก เวลาเดินตัวจะเอนไปข้างหน้า แขนตรง และวางข้อมือลงบนพื้น นานๆ ครั้งจะเดิน 2 เท้าแบบมนุษย์ ซึ่งในการเดินแบบนี้ ชิมแปนซีจะเอามือไว้ข้างหลังเพื่อช่วยในการทรงตัว หรือชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นสูง [42] ชิมแปนซีมีความจำดีมาก มีอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ มีความฉลาดกว่าอุรังอุตังและกอริลล่า ซึ่งเป็นลิงไม่มีหางเช่นเดียวกัน[42] สถาบันวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่นระบุว่า ลูกชิมแปนซีมีความจำดีกว่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่เสียอีก [43] ชิมแปนซีตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว ในธรรมชาติจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางครั้งจะยกพวกเข้าตีกันและอาจถึงขั้นฆ่ากันตายได้ ซึ่งเคยมีกรณีที่เข้าโจมตีใส่มนุษย์ให้ถึงแก่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมาแล้ว รวมถึงมีการรวมตัวกันเพื่อล่าลิงโลกเก่าบางชนิด เช่น ลิงโคโลบัส กินเป็นอาหาร โดยจะแจกจ่ายให้ชิมแปนซีตัวผู้ได้กินก่อน ขณะที่ตัวเมียก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย ลูกชิมแปนซีในช่วง 3 ขวบปีแรก ที่ก้นจะมีกระจุกขนสีขาวเป็นเครื่องหมายบอกถึงวุฒิภาวะที่ยังไม่สมบูรณ์ หากทำอะไรผิด จะได้รับการละเว้นโทษ จนกระทั่งถึงอายุเลย 3 ขวบ จึงจะเริ่มเข้าสู่กฏเกณฑ์ในฝูง เช่นเดียวกับมนุษย์ ตามกฎหมายก็มีบทยกเว้นโทษให้แก่เด็กด้วย[44][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]

Remove ads

สติปัญญา

Thumb
หัวกะโหลกและสมองมนุษย์และชิมแปนซี แผนภาพโดย Paul Gervais จาก Histoire naturelle des mammifères (1854)

ชิมแปนซีแสดงสัญญาณด้านสติปัญญาหลายประการ เช่น ความสามารถในการจดจำสัญลักษณ์[45] จนถึงความร่วมมือ[46] การใช้อุปกรณ์[47] และความสามารถด้านภาษาหลายแบบ[48] พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์หลายชนิดที่ผ่านการทดสอบกระจก ซึ่งเสนอแนะถึงการตระหนักรู้ตนเอง[49] ในงานวิจัยหนึ่ง ชิมแปนซีวัยหนุ่มสองตัวแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ตนเองในกระจกได้หลังไม่ได้ส่องกระจกเป็นเวลาหนึ่งปี[50] ชิมแปนซีใช้แมลงในการรักษาบาดแผลของตนเองและตัวอื่น โดยจะจับแมลงแล้วนำมาทาบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บโดยตรง[51] ชิมแปนซียังแสดงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ โดยมีการเรียนรู้และถ่ายทอดการดูแล การใช้เครื่องมือ และเทคนิคการหาอาหารที่ต่างกัน นำไปสู่ประเพณีท้องถิ่น[52]

Remove ads

การอนุรักษ์

Thumb
ชิมแปนซีแคเมอรูนที่ศูนย์ช่วยเหลือหลังแม่ของมันถูกพรานเถื่อนฆ่า

ชิมแปนซีถูกจัดให้เป็นชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ของบัญชีแดงไอยูซีเอ็น โดยได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในพื้นที่ส่วนใหญ่และพบทั้งในและนอกอุทยานแห่งชาติ คาดว่ามีชิมแปนซีในป่าระหว่าง 172,700 ถึง 299,700 ตัว[2] ซึ่งลดลงจากชิมแปนซีประมาณล้านตัวในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1900[53] ชิมแปนซีได้รับการจัดเข้าในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 1[3]

ภัยที่ใหญ่ที่สุดของชิมแปนซีคือการทำลายที่อยู่อาศัย การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ และโรค[2]

โรคติดเชื้อเป็นสาเหตุหลักในการตายของชิมแปนซี ชิมแปนซีมักเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ มากมายที่มนุษย์เป็นกัน เนื่องจากทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการแพร่โรคระหว่างมนุษย์กับชิมแปนซีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย[2]

Remove ads

ดูเพิ่ม

หมายเหตุ

    1. ชิมแปนซีเพศผู้ที่ถูกกักขังชื่อ "Kermit" โดยตอนอายุ 11 ขวบ มีความสูงถึง 168 ซm (5 ft 6 in) และน้ำหนักร่างกายที่ 82 kg (181 lb)[35] ตอนวัยผู้ใหญ่ มันมีน้ำหนักเกือบ 136 kg (300 lb)[36]

    อ้างอิง

    แหล่งข้อมูลอื่น

    Loading related searches...

    Wikiwand - on

    Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

    Remove ads