คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ท้องสนามหลวง
สนามในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ท้องสนามหลวง หรือ สนามหลวง เป็นสนามกว้างขนาดใหญ่ในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร คั่นอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวังทางทิศใต้และพระราชวังบวรสถานมงคลทางทิศเหนือ มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 74 ไร่ 63 ตารางวา สนามหลวงเป็นพื้นที่สำคัญที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญของชาติ งานเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ ของประชาชนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนท้องสนามหลวงเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อ พ.ศ. 2520 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา[1][2]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ทุ่งพระเมรุ

ท้องสนามหลวง เดิมเรียกว่า ทุ่งพระเมรุ เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก “ทุ่งพระเมรุ” เป็น “ท้องสนามหลวง” ดังปรากฏในประกาศว่า “ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น คนอ้างการซึ่งนาน ๆ มีครั้งหนึ่งแลเป็นการอวมงคล มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ‘ทุ่งพระเมรุ’ นั้นหาชอบไม่ ตั้งแต่นี้สืบไปที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น ให้เรียกว่า ‘ท้องสนามหลวง’”[3]
ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้นมา ได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น เป็นที่ตั้งพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ทำนาที่สนามหลวง เพื่อแสดงให้ปรากฏแก่นานาประเทศว่า เมืองไทยบริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร มีไร่นาไปจนใกล้ ๆ พระบรมมหาราชวัง และไทยเอาใจใส่ในการสะสมเสบียงอาหารไว้เป็นกำลังของบ้านเมืองด้วย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีพืชมงคล พิธีพิรุณศาสตร์มีกำแพงแล้วล้อมรอบบริเวณ ข้างในสร้างหอพระพุทธรูปสำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระสำหรับพิธี สำหรับการพิธีมีพลับพลาที่ทำการพระราชพิธี มีหอดักลมลงที่พลับพลาสำหรับทอดพระเนตรการทำนา ข้างพลับพลามีโรงละครสำหรับเล่นบวงสรวง ด้านเหนือมีพลับพลาน้อยสร้างบนกำแพงแก้วสำหรับประทับทอดพระเนตรการทำนาในท้องทุ่ง นอกกำแพงแก้วยังมีฉางสำหรับใส่ข้าวที่ได้จากการปลูกข้าว
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหลวงจากเดิม และรื้อพลับพลาต่าง ๆ ที่สร้างในรัชกาลก่อน ๆ เพราะหมดความจำเป็นที่จะต้องทำนา และได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การฉลองพระนครครบ 100 ปี งานฉลองเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปใน พ.ศ. 2440 ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ และใช้เป็นสนามแข่งม้า สนามกอล์ฟ
ตลาดนัดสนามหลวง
ตลาดนัดสนามหลวงเกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทย เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ประชาชนหาซื้อข้าวของเครื่องใช้กันลำบาก รวมถึงเกษตรกรก็เดือดร้อน จอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี จึงส่งเสริมให้จัดตั้งตลาดนัดในทุกจังหวัด โดยตลาดนัดสนามหลวงเปิดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2491 ปีต่อมาทางการต้องใช้พื้นที่สนามหลวงจึงย้ายตลาดนัดไปอยู่ในพระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งได้รับความนิยมสูง แต่ถูกร้องเรียนเรื่องกลิ่นและการจัดการไม่ถูกสุขลักษณะ จึงย้ายออกจากพระราชอุทยานสราญรมย์มาด้านนอก ด้านถนนราชินี บริเวณคลองหลอด เมื่อ พ.ศ. 2500 แต่ปรากฏว่าได้ปลูกเพิงสร้างแคร่จนเป็นภาพไม่งดงาม จึงได้ย้ายกลับมายังสนามหลวง เมื่อ พ.ศ. 2501
จนกระทั่งกรุงเทพมหานครได้เตรียมใช้พื้นที่สนามหลวงจัดงานพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จึงได้ปิดตลาดนัดสนามหลวงตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา แล้วย้ายตลาดนัดมายังสวนจตุจักรจนถึงปัจจุบัน[4]
ร่วมสมัย
ปัจจุบันได้มีการใช้ท้องสนามหลวงเป็นพื้นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ ของประเทศ เช่น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ, พระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี, พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530, พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 รวมทั้งงานพระเมรุมาศและพระเมรุของพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงในการก่อสร้างพระเมรุกลางเมืองมาแล้ว 6 ครั้ง ดังนี้
- พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พ.ศ. 2463 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- พ.ศ. 2463 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
- พ.ศ. 2465 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
- พ.ศ. 2466 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย
- พ.ศ. 2468 สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา ศิรินิภาพรรณวดี กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงในการก่อสร้างพระเมรุกลางเมืองมาแล้ว 4 ครั้ง ดังนี้
- พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พ.ศ. 2471 สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
- พ.ศ. 2472 สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
- พ.ศ. 2473 สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้มีการใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงในการก่อสร้างพระเมรุกลางเมือง 1 ครั้ง ดังนี้

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีการใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงในการก่อสร้างพระเมรุกลางเมืองมาแล้ว 6 ครั้ง ดังนี้[5]
- พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
- พ.ศ. 2499 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
- พ.ศ. 2528 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
- พ.ศ. 2539 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
- พ.ศ. 2551 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
- พ.ศ. 2555 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการใช้พิ้นที่ท้องสนามหลวงในการก่อสร้างพระเมรุกลางเมืองมาแล้ว 1 ครั้ง ดังนี้
ท้องสนามหลวงยังใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมของสาธารณชน เช่น รวมถึงใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางกีฬาการละเล่นต่าง ๆ เช่น ฟุตบอล หรือ เล่นว่าว และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป ในอดีตใช้เป็นที่การปราศรัยใหญ่ในการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละครั้ง หรือการชุมนุมทางการเมืองต่าง ๆ ที่เรียกว่า "ไฮด์ปาร์ก" ซึ่งได้ชื่อมาจากสวนไฮด์ปาร์กในกรุงลอนดอน
หลังการปรับปรุง พ.ศ. 2553–54

ในปี พ.ศ. 2553 กรุงเทพมหานครได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ของสนามหลวง จากเดิมที่เคยเสื่อมโทรมให้ดีขึ้น แล้วเสร็จในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2554[6]เปิดใช้พื้นที่อย่างเป็นทางการ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 และไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ เหมือนในอดีต เพื่อสงวนไว้สำหรับประกอบพระราชพิธีเท่านั้น[7] พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยในการรักษาความสะอาดไม่ทิ้งขยะลงพื้น หากพบผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ในกรณีที่ไม่สามารถชำระค่าปรับได้ ต้องบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะจำนวน 100 ชิ้น แทนการเสียค่าปรับ ซึ่งมีพระราชบัญญัติโบราณสถานคุ้มครอง และกำหนดโทษผู้ใดฝ่าฝืนหรือบุกรุกมีโทษจำคุก 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 1 ล้านบาท โดยทางกรุงเทพมหานคร อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสันทนาการตามปกติ แต่ห้ามนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย จอดรถหรืออาศัยเป็นที่หลับนอน ซึ่งสามารถเข้าใช้พื้นที่ได้ ระหว่างเวลา 05.00–22.00 น. นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถสัญจรผ่านถนนเส้นกลาง ซึ่งเชื่อมระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปยังศาลฎีกาได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเบื้องต้นได้ทำการติดตั้งรั้วชั่วคราว เพื่อป้องกันการบุกรุก และเพื่อคงความสวยงามของสนามหลวง ซึ่งผู้ที่ต้องการขอใช้พื้นที่สามารถทำเรื่องขอพื้นที่จากกรุงเทพมหานคร แต่ทางกรุงเทพมหานครจะไม่ให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเป็นที่ชุมนุมหรือจัดกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนั้นกรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเหตุการณ์รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สนามหลวงเป็นหน่วยงานของราชการสังกัดกรุงเทพมหานครดูแลความสงบเรียบร้อยภายในท้องสนามหลวง[ต้องการอ้างอิง]
ในการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564 ท้องสนามหลวงถูกใช้เป็นที่ชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมระหว่างวันที่ 19–20 กันยายน พ.ศ. 2563 และเป็นที่ฝังหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 ซึ่งแกนนำถูกตั้งข้อหาทำลายโบราณสถาน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2567 ท้องสนามหลวงเป็น 1 ใน 4 สถานที่ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ได้แก่พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ที่รัฐบาลไทยอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย มาประดิษฐานที่ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยเป็นแห่งแรกที่มีการประดิษฐาน และเป็นจุดหลักประจำภาคกลาง ซึ่งในการนี้ได้มีการสร้างมณฑปขึ้นใหม่เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุในครั้งนี้[8] โดยเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐานต่อที่ภาคเหนือ ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่[9] นอกจากนี้ในช่วงปลายปีเดียวกันที่นี่ยังเป็นจุดสิ้นสุดของรายการวิ่ง "อเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2024" ซึ่งย้ายมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและลานคนเมือง[10] ในปีต่อมาท้องสนามหลวงยังเป็นสถานที่จุดคบเพลิงในพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 อีกด้วย[11]
Remove ads
อ้างอิง
อ่านเพิ่มเติม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads