คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ชาติชาย ชุณหะวัณ
อดีตนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ภ.ป.ร. ๑ (5 เมษายน พ.ศ. 2463 — 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2541) เป็นนายทหาร นักการทูต และนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 17 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้แก่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงกลาโหม
เขาเป็นผู้ก่อตั้งพรรคการเมือง 2 พรรค และได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค คือ พรรคชาติไทยและพรรคชาติพัฒนา
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ชาติชาย ชุณหะวัณ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2463 ณ ตำบลพลับพลาไชย อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย จังหวัดพระนคร เดิมมีชื่อว่า "สมบุญ ชุณหะวัณ" เป็นบุตรของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ กับคุณหญิงวิบุลย์ลักสม์ ชุณหะวัณ ในครอบครัวที่มีเชื้อสายจีน[1] มีบรรพบุรุษอพยพมาจากเมืองเท่งไฮ้ (เฉิงไห่)[2][3][4] ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ชาติชาย" ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ขณะมีอายุได้ 12 ปี[5] พล.อ. ชาติชาย เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี โรงเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายทหารม้า และโรงเรียนยานเกราะกองทัพบก (อาร์เมอร์สคูล) รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา
พล.อ. ชาติชาย มีพี่สาว 3 คน และน้องสาว 1 คน
- คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ ภริยา พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย ในช่วงก่อนการรัฐประหารปี พ.ศ. 2500
- พร้อม ทัพพะรังสี ภริยา นายอรุณ ทัพพะรังสี อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีบุตรคือ นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ที่ พล.อ. ชาติชาย ให้ไว้วางใจอย่างสูง
- ท่านผู้หญิงเจริญ อดิเรกสาร ภริยา พล.ต.อ. ประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทยคนแรก ท่านผู้หญิงเจริญ และพล.ต.อ. ประมาณ มีบุตรคือ นายปองพล อดิเรกสาร
- พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ
- นางพรสม เชี่ยวสกุล เป็นภริยาของ นายเฉลิม เชี่ยวสกุล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และอดีตประธานกรรมการธนาคารนครหลวงไทย มีบุตรคือ นายเฉลิมพงษ์ เชี่ยวสกุล เจ้าของเวทีมวยราชดำเนิน
พล.อ. ชาติชาย สมรสกับ ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ (สกุลเดิม โสพจน์) พระญาติของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี[6] มีบุตรสาวคนโต คือ วาณี ชุณหะวัณ[7] (อดีตภริยานายระวี หงษ์ประภาส มีบุตรสาวชื่อ ปวีณา หงส์ประภาส ภริยาของ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน)[8] และบุตรชายคนเล็ก คือ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ณ โรงพยาบาลครอมเวลล์ สหราชอาณาจักร รวมอายุได้ 78 ปี พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
Remove ads
การศึกษา
มัธยมศึกษา โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี, โรงเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร
การรับราชการ
สรุป
มุมมอง

พล.อ. ชาติชาย รับราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2483 ในตำแหน่งผู้บังคับหมวด กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ประจำกรมเสนาธิการทหารบก ในช่วงที่ต้องไปประจำการที่ สหรัฐไทยเดิมพอดี[9] ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และกลับมาเป็นผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ รองผู้บังคับการโรงเรียนยานเกราะ และผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 2 และผู้บังคับการโรงเรียนยานเกราะ
ในปี พ.ศ. 2501 ได้ถูกเหตุการณ์ทางการเมืองผันแปรชีวิตไปเป็นอุปทูตอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม ประจำประเทศอาร์เจนตินา และเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม ประจำประเทศออสเตรีย ตุรกี สำนักวาติกัน และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ตามลำดับ
ปี พ.ศ. 2515 พล.อ. ชาติชาย เดินทางกลับประเทศไทย เข้ารับตำแหน่ง อธิบดีกรมการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง[10] ซึ่งนับเป็นตำแหน่งสุดท้าย ในชีวิตข้าราชการประจำ เนื่องจากในปลายปี พ.ศ. 2515 นี้เอง พล.อ. ชาติชาย ที่ขณะนั้นยังมียศเป็น พล.ต. ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ใน คณะรัฐมนตรีคณะที่ 32 ของไทย ที่มี จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี และหลังจากนั้น พล.อ. ชาติชาย ก็ได้เข้าสู่วงการเมืองอย่างเต็มตัว
ปี พ.ศ. 2531 ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับพระราชทานยศทหาร เป็นพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก และ เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์[11]
บทบาททางการเมืองยุคแรก
สรุป
มุมมอง
พล.อ. ชาติชาย มีส่วนร่วมในการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 โดยเป็นหนึ่งในกำลังทหารที่บุกไปที่ทำเนียบท่าช้าง เพื่อทำการควบคุมตัว ปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี โดยขณะนั้นมีอายุ 27 ปี [5] และการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2494 ตามบิดา คือ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ ผู้เป็นหัวหน้าในการรัฐประหารทั้งสองครั้งนี้ โดยขณะมียศเพียงแค่ร้อยเอกเท่านั้น หลังจากนั้นเริ่มบทบาททางการเมืองอย่างแท้จริงในรัฐบาล จอมพล ถนอม กิตติขจร ด้วยตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 พลเอกชาติชาย ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา และได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องกันมาอีกรวม 5 สมัย พลเอกชาติชาย และได้เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีอีกหลายสมัย ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรองนายกรัฐมนตรี
- โดยได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามลำดับดังนี้
- พ.ศ. 2515 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- พ.ศ. 2517 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ[12]
- พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ[13]
- พ.ศ. 2518 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา รวม 5 สมัย
- พ.ศ. 2519 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช[14] จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากนายกรัฐมนตรีลาออก และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม[15] อีกสมัยหนึ่ง แต่ดำรงตำแหน่งเพียง 12 วัน และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพียงวันเดียวก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการรัฐประหารของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่
- พ.ศ. 2523 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม[16]
- พ.ศ. 2529 รองนายกรัฐมนตรี
ในปี พ.ศ. 2517 พลเอกชาติชาย ได้ร่วมกับ พล.ต. ประมาณ อดิเรกสาร ผู้มีศักดิ์เป็นพี่เขย และ พล.ต. ศิริ สิริโยธิน ก่อตั้ง พรรคชาติไทย ขึ้น โดยมี พล.ต. ประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรค และต่อมาในปี พ.ศ. 2529 พล.อ. ชาติชาย ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 2 สามารถนำพรรคชาติไทย ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งในปี พ.ศ. 2531 ในชั้นต้นมีการทาบทาม พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเป็นสมัยที่ 4 แต่พล.อ. เปรม ปฏิเสธและประกาศวางมือทางการเมือง พล.อ. ชาติชาย จึงได้รับการสนับสนุน ให้ดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 17 ของประเทศไทย
ประวัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2519 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2526 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติพัฒนา
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติพัฒนา
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดนครราชสีมา สังกัด พรรคชาติพัฒนา
Remove ads
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สรุป
มุมมอง

พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531[17] และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง[18] ท่ามกลางความขัดแย้ง พลเอกชาติชาย จึงลาออกเพื่อให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี 1 ครั้งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533[19][20] โดยมีการจัดตั้ง คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 46 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2533 มีการนำ พรรคกิจสังคม และ พรรคประชาธิปัตย์ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และนำ พรรคเอกภาพ พรรคประชากรไทย พรรคปวงชนไทย เข้าร่วมรัฐบาลแทน[21] ได้ดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นระยะเวลา 74 วัน หรือประมาณ 2 ปีครึ่ง ก็ถูกยึดอำนาจจาก คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ
ผลงานที่โดดเด่นมากของรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ได้แก่ การดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน กลุ่มอินโดจีน เช่น การประสานงานให้มีการเจรจาร่วม ระหว่างเขมร 4 ฝ่าย เพื่อยุติการสู้รบ และสนับสนุน ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลประเทศกัมพูชาภายใต้การนำของ สมเด็จสีหนุขึ้น นโยบายต่างประเทศของ รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย มีชื่อเรียกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ นโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า"
ทางด้านเศรษฐกิจ ได้อนุมัติโครงการเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ เช่น โครงการโทรศัพท์พื้นฐาน 3 ล้านเลขหมาย โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในเขตกรุงเทพมหานคร และโครงการทางด่วนยกระดับ ตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงนั้น ร้อนแรงถึงกว่า 10 เปอร์เซนต์ต่อปี กระทั่งมีการคาดหมายโดยทั่วไปว่าประเทศไทยจะเป็น "เสือตัวที่ 5" ของเอเชีย ต่อจาก "4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย" คือ เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน[22]
พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ มีชื่อที่เรียกเป็นที่รู้จักทั่วไปว่า "น้าชาติ" มีคำพูดติดปากเมื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า "No Problem" หมายถึง "ไม่มีปัญหา" จนเป็นที่จดจำได้ทั่วไป ซึ่งศิลปินเพลง แอ๊ด คาราบาว ได้นำไปประพันธ์เป็นเพลงล้อเลียนการเมืองชื่อ "โนพลอมแพลม"
การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน เริ่มประสบปัญหาในช่วงท้ายของวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อถูกโจมตีว่ามีการทุจริต หาผลประโยชน์ในโครงการลงทุนของรัฐ จนมีคำกล่าวโจมตีการทำงานของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพลเอกชาติชายว่าเป็น "บุฟเฟ่ต์คาบิเนต" ขณะที่การทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีสัดส่วน ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล เป็นจำนวนมากก็ถูกโจมตีว่ามีสภาพเป็น "เผด็จการรัฐสภา"
พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ บริหารประเทศจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ก็ถูกยึดอำนาจการปกครองโดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ. สุจินดา คราประยูร พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล และ พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี ที่ต่อมานำไปสู่เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ในปี พ.ศ. 2535
Remove ads
เหตุการณ์สำคัญขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
- 9 กันยายน พ.ศ. 2531 - เครื่องบินตูโปเลฟ 134 ของสายการบินแอร์เวียดนาม (เวียดนามแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 831) ตกที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มีผู้เสียชีวิต 76 คน รวมทั้งรัฐมนตรีของเวียดนาม และนักการทูตชาวอินเดีย
- 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 - ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ซึ่งถูกลักลอบนำออกไปจากปราสาทหินเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ กลับคืนสู่ประเทศไทย หลังการเรียกร้องขอคืนจากสถาบันศิลปะแห่งชิคาโก สหรัฐอเมริกา
- 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 - เกิดเหตุโคลนถล่มและซุงจากการลักลอบทำลายป่า ทะลักเข้าใส่หมู่บ้านที่ตำบลกะทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
- 7 มกราคม พ.ศ. 2532 - จักรพรรดิโชวะเสด็จสวรรคต สิ้นสุดยุคโชวะ
- 4 มิถุนายน พ.ศ. 2532 - การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
- 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 – พายุไต้ฝุ่นเกย์ซึ่งเข้าสู่อ่าวไทย เคลื่อนเข้าถล่มพื้นที่จังหวัดชุมพรและมุ่งลงสู่มหาสมุทรอินเดีย
- 17 กันยายน พ.ศ. 2533 - การประชุมของกรมปรึกษาชาติชั้นสูงเกิดขึ้นครั้งแรกที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนกัมพูชาในสหประชาชาติชั่วคราวจนกว่าการเลือกตั้งในกัมพูชาจะเสร็จสิ้น
- 23 กันยายน พ.ศ. 2533 - เหตุการณ์เรือนำเที่ยวล่มในเขื่อนอุบลรัตน์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นคณาจารย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยสาธารณสุข 5 แห่ง จำนวน 39 คน[23]
- 24 กันยายน พ.ศ. 2533 - เหตุการณ์แก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พ.ศ. 2533 มีผู้เสียชีวิต 88 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก
- 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 - เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกเชื้อปะทุ (แก๊ป) พลิกคว่ำ ทำให้เชื้อปะทุระเบิด ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา มีผู้เสียชีวิต 207 คน[24]
- 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 - การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
Remove ads
บทบาททางการเมืองหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ภายหลังถูกรัฐประหารโดยคณะ รสช. พล.อ. ชาติชาย ได้เดินทางไปพำนักอยู่ในอังกฤษระยะหนึ่ง ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย และก่อตั้ง พรรคชาติพัฒนา ขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนแรก ต่อมาได้นำพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 โดย พลเอกชาติชายชนะเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นการเริ่มต้นบทบาททางการเมืองใหม่อีกครั้ง
ปลายปี พ.ศ. 2540 เมื่อ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในตอนแรกพรรคร่วมรัฐบาลเดิมในขณะนั้นมีมติร่วมกันที่จะสนับสนุน พลเอกชาติชาย ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง แต่ในที่สุด พรรคกิจสังคม ที่มีมนตรี พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค ได้เปลี่ยนไปสนับสนุน นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แทน ตามมาด้วย พรรคประชากรไทย ที่มี สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค เกิดกรณี ส.ส. "กลุ่มงูเห่า" ที่แสดงตัวสนับสนุน นายชวน หลีกภัยเช่นเดียวกัน ทำให้ในที่สุดผู้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนใหม่กลายเป็น นายชวน หลีกภัย ที่ได้เป็น นายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 แทนที่จะเป็น พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ
Remove ads
รางวัลและเกียรติยศ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับพระราชทานยศนายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดนเป็น นายกองใหญ่ ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อ พ.ศ. 2532[25]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สรุป
มุมมอง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด ดังนี้
- พ.ศ. 2533 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[26]
- พ.ศ. 2518 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[27]
- พ.ศ. 2517 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[28]
- พ.ศ. 2532 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[29]
- พ.ศ. 2516 –
เหรียญกล้าหาญ (ร.ก.)[30]
- พ.ศ. 2484 –
เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)[31]
- พ.ศ. 2505 –
เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)
- พ.ศ. 2495 –
เหรียญชัยสมรภูมิ การร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ ประเทศเกาหลี (ช.ส.)[32]
- พ.ศ. 2518 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[33]
- พ.ศ. 2479 –
เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)[34]
- พ.ศ. 2498 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[35]
- พ.ศ. 2534 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[36]
เหรียญสหประชาชาติ
สหประชาชาติ :
- พ.ศ. 2495 -
เหรียญสหประชาชาติเกาหลี[37]
- พ.ศ. 2495 -
ต่างประเทศ
ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2498 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 3[38]
- พ.ศ. 2532 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2498 -
ไต้หวัน :
- พ.ศ. 2500 -
เครื่องอิสริยาภรณ์ยุนฮุย ชั้นที่ 4[39]
- พ.ศ. 2500 -
ออสเตรีย :
- พ.ศ. 2507 -
เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย มหาอิสริยาภรณ์ทอง (พร้อมสายสะพาย)[41]
- พ.ศ. 2507 -
อิตาลี :
- พ.ศ. 2508 -
เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นประถมาภรณ์[42]
- พ.ศ. 2508 -
อาร์เจนตินา :
- พ.ศ. 2512 -
เครื่องอิสริยาภรณ์นายพลซาน มาร์ติน ผู้ปลดปล่อย ชั้นประถมาภรณ์
- พ.ศ. 2512 -
ฟิลิปปินส์ :
- พ.ศ. 2514 -
เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นสายสร้อย
- พ.ศ. 2514 -
เยอรมนีตะวันตก:
- พ.ศ. 2527 -
เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นที่ 1 (พิเศษ)[44]
- พ.ศ. 2527 -
เบลเยียม :
- พ.ศ. 2531 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลออปอล ชั้นประถมาภรณ์
- พ.ศ. 2531 -
สวีเดน :
- พ.ศ. 2532 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวขั้วโลก ชั้นประถมาภรณ์
- พ.ศ. 2532 -
Remove ads
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads