คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
แอร์ฟรานซ์
สายการบินแห่งชาติของประเทศฝรั่งเศส จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
แอร์ฟรานซ์ (อังกฤษ: Air France; ฝรั่งเศส: Air France เสียงอ่านภาษาฝรั่งเศส: [ɛːʁ fʁɑ̃s]) เป็นสายการบินประจำชาติและสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ที่มีสำนักงานใหญ่ในรัวซีโพล ทรอมบีย์-อ็อง-ฟรองซ์[6]และมีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกลในปารีส สายการบินเป็นบริษัทลูกของแอร์ฟรานซ์–เคแอลเอ็ม และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของเครือข่ายพันธมิตรสายการบินสกายทีม แอร์ฟรานซ์ให้บริการเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทาง 184 แห่งใน 78 ประเทศ (93 หากรวมดินแดนโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส) และขนส่งผู้โดยสาร 46,803,000 คนในปี 2019
แอร์ฟรานซ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1933[7] จากการควบรวมกิจการระหว่างแอร์โอแร็ง แอร์อูว์นียง อาเอโรปอซตาล กงปาญีแองเตอร์นาซิอองนาลเดนาวิกาซียงแอรีแย็ง และซอซีเยเตเฌเนราลเดทรานสปอร์แอรีแย็ง ในช่วงสงครามเย็น สายการบินเป็นหนึ่งในสามสายการบินพันธมิตรที่ทำการบินสู่เยอรมนีที่ท่าอากาศยานเท็มเพิลโฮฟและท่าอากาศยานเทเกิลในเบอรลินตะวันตก ในปี ค.ศ. 1990 สายการบินเข้าควบคุมกิจการของแอร์อินเตร์และอูว์เตอา – อูว์นียงเดทรานสปอร์แอรีแย็ง แอร์ฟรานซ์เป็นสายการบินหลักและสายการบินประจำชาติของประเทศเป็นเวลาเจ็ดทศวรรษ จดกระทั่งการควบรวมกิจการกับเคแอลเอ็มในปี 2003
ในปี 2018 แอร์ฟรานซ์และสายการบินลูกระดับภูมิภาค โฮป ได้ขนส่งผู้โดยสาร 51.4 ล้านคน[8] ฝูงบินของแอร์ฟรานซ์ประกอบด้วยเครื่องบินของทั้งแอร์บัสและโบอิง แอร์ฟรานซ์เริ่มให้บริการเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแอร์บัส เอ380 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 ในเที่ยวบินจากปารีสสู่นครนิวยอร์กก่อนที่จะปลดประจำการไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2020 แอร์ฟรานซ์โฮป (หรือชื่อเดิม โฮป!) ให้บริการเที่ยวบินระดับภูมิภาคด้วยเครื่องบินไอพ่นระดับภูมิภาค[9]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ช่วงแรก
แอร์ฟรานซ์ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1933 โดยการรวมตัวกันของหลายหน่วยงานในฝรั่งเศส สายการบินได้ขยายเส้นทางไปทั่วยุโรป เมืองขึ้นของฝรั่งเศส แอฟริกาเหนือ และจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แอร์ฟรานซ์ได้ย้ายฐานการปฏิบัติการไปที่กาซาบล็องกา ในประเทศโมร็อกโก ทำให้สายการบินนี้เป็นที่โดดเด่นในภาพยนตร์เรื่องคาซาบลังกา
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัทก็กลายเป็นของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 70% และลดลงเหลือ 54% ในกลางปี ค.ศ. 2002 และในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1948 ทางสายการบินได้แต่งตั้งให้ Max Hymans เป็นประธานของแอร์ฟรานซ์ โดยเขาได้ใช้เวลา 13 ปีที่ดำรงตำแหน่งในการสนับสนุนนโยบายด้านความทันสมัยของเครื่องบิน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การนำเครื่องบิน Sud Aviation Caravelle ที่มีเครื่องยนต์เจ็ตแบบแฝดมาให้บริการในปี ค.ศ. 1959
สายการบินได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินปารีส-นิวยอร์ก โดยใช้เครื่องบินคองคอร์ดที่มีความเร็วเหนือเสียงในปี ค.ศ. 1976 โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 3 ชั่วโมง โดยใช้ความเร็วเหนือเสียงประมาณ 2 เท่า
ในปี ค.ศ. 1994 สายการบินทั้งหมดของรัฐบาลฝรั่งเศสได้ถูกรวมเข้ากับแอร์ฟรานซ์เพียงบริษัทเดียว รัฐบาลฝรั่งเศสนำแอร์ฟรานซ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1999 และได้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายพันธมิตรสายการบินสกายทีมในปี ค.ศ. 2000 และสายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินที่ให้บริการโดยเครื่องบินคองคอร์ดในปี ค.ศ. 2003 เนื่องจากมีผู้ใช้บริการน้อยและมีต้นทุนที่สูง
การควบรวมกิจการกับเคแอลเอ็ม
ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2003 แอร์ฟรานซ์และเคแอลเอ็ม ได้ประกาศว่าจะมีการควบรวมสายการบินทั้งสองในชื่อแอร์ฟรานซ์–เคแอลเอ็มในวันที่ 5 พฤษภาคม[10] เมื่อผู้ถือหุ้นทั่วไปของแอร์ฟรานซ์ เข้าถือครองหุ้น 81% ของเคแอลเอ็ม (รัฐบาลฝรั่งเศสครอบครองหุ้น 44% และอีก 37% เป็นของผู้ถือหุ้นเอกชน) โดยที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นทั่วไปของสายการบินเคแอลเอ็ม โดยส่วนแบ่งของรัฐบาลฝรั่งเศสในแอร์ฟรานซ์ ลดลงจาก 54.4% (เดิมถือในนามแอร์ฟรานซ์) เหลือ 44% (ปัจจุบันถือในนาม แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม) ด้วยเหตุของการรวมตัวนี้เอง ทำให้ในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2004 รัฐบาลฝรั่งเศสก็แถลงการขายหุ้น 18.4% ให้กับแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม จนทำให้รัฐบาลเองเหลือหุ้นต่ำกว่า 20%
ในกลางปี ค.ศ. 2007 แอร์ฟรานซ์และเคแอลเอ็ม จะนำคุณสมบัติของแท่นเสียบเครื่องเล่นเพลงและวิดีโอพกพาไอพอด ติดตั้งในเครื่องบิน ซึ่งนอกจากจะทำให้มีการชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว ยังมีการรวมคุณสมบัติของไอพอด และระบบความบันเทิงภายในเครื่องบิน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารสามารถเล่นเพลง, ดูรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่เก็บไว้ในไอพอดผ่านทางระบบความบันเทิงภายในเครื่องบินได้
Remove ads
กิจการองค์กร
สรุป
มุมมอง
บริษัทลูก
- แอร์ฟรานซ์คอนเซาลท์ติ้ง
- ควอลิ-ออดิต[11]
- บลูลิงค์
- แอร์ฟรานซ์ ฮอป (ชื่อเก่า: โฮป!)
- เซอร์แวร์
- Société de construction et de réparation de matériel aéronautique (CRMA)
- โซเด็กซี
- ทรานซาเวียฟรองซ์
แอร์ฟรานซ์และสายการบินทรานส์เวียได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัททรานส์ซาเวียฟรองซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนต้นทุนต่ำในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2007 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติออร์ลี่[12] Air Corsica, CityJet และ Air France Hop ให้บริการเที่ยวบินในนามของแอร์ฟรานซ์

แอร์ฟรานซ์อาซีย์และแอร์ฟรานซ์คาร์โก้อาซีย์
จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวัน แอร์ฟรานซ์ไม่สามารถที่จะดำเนินเที่ยวบินไปยังไต้หวันได้ ในปี ค.ศ. 1993 สายการบินแอร์ชาร์เตอร์ เริ่มให้บริการเที่ยวบินระหว่างปารีส-ฮ่องกง-ไทเป[13] หลังจากแอร์ชาร์เตอร์เลิกดำเนินงานในปี ค.ศ. 1998, แอร์ฟรานซ์จึงได้สร้างแอร์ฟรานซ์อาซีย์ขึ้นมาทดแทน[14] โดยใช้เครื่องบินแอร์บัส เอ340-200 สองลำ และโบอิง 747-400M อีกสองลำ สายการบินนี้เป็นหนึ่งในสายการบินที่ดำเนินเที่ยวบินไปยังไต้หวันภายใต้ชื่อ"เอเชีย"เช่นเดียวกับเจแปนเอเชียแอร์เวย์, เคแอลเอ็มเอเชีย, บริติชเอเชียแอร์เวย์, สวิสแอร์ เอเชีย, และออสเตรเลียเอเชียแอร์ไลน์ (บริษัทลูกของควอนตัส) แอร์ฟรานซ์อาซีย์เลิกดำเนินการในปี ค.ศ. 2004
หลังจากแอร์ฟรานซ์อาร์ซีย์เลิกดำเนินงานในปี 2004, โบอิง 747-200 ในฝูงบินก็ยังคงดำเนินขนส่งสินค้าในเส้นทางบินเดิมภายใต้ชื่อ แอร์ฟรานซ์คาร์โก้อาซีย์ก่อนเลิกดำเนินการในปี ค.ศ. 2007
สำนักงานใหญ่
สำนักงานใหญ่ของแอร์ฟรานซ์ตั้งอยู่ที่รัวซีโพล คอมเพล็กซ์ ในบริเวณท่าอากาศยานปารีส-ชาลส์เดอโกล, ปารีส[15][16][17][18][19]
Remove ads
จุดหมายปลายทาง
สรุป
มุมมอง
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2020 แอร์ฟรานซ์ให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางภายในประเทศ 36 แห่ง และจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศ 175 แห่ง ใน 93 ประเทศ (รวมรัฐและดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส) ใน 6 ทวีป ซึ่งรวมถึงบริการและจุดหมายปลายทางของ แอร์ฟรานซ์คาร์โก้ ที่ให้บริการโดยบริษัทลูก แอร์คอร์ซิก้า, ซิตี้เจ็ต และ แอร์ฟรานซ์ โฮป
ข้อตกลงการบินร่วม
แอร์ฟรานซ์ได้ทำข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินดังต่อไปนี้:[20]
- แอโรฟลอต (ยกเลิก)[21]
- อาเอโรลิเนอัสอาร์เฆนตินัส
- อาเอโรเมฆิโก
- แอร์แอนทิลลีส
- แอร์อัสตานา
- แอโรสทราล
- แอร์บอลติก
- แอร์เบอร์กินา
- แอร์กาแล็ง
- แอร์คอร์ซิกา
- แอร์ยูโรปา
- แอร์ฟรานซ์โฮป
- แอร์มอริเชียส
- แอร์เซอร์เบีย
- แอร์เซเชลส์
- แอร์ตาฮีตี นูอี
- ออสเตรียนแอร์ไลน์
- อาเซอร์ไบจานแอร์ไลน์
- เบลาเวีย
- บัลแกเรียแอร์
- ไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์
- ไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์
- ซิตีเจ็ต
- โกปาแอร์ไลน์[22]
- โครเอเชียแอร์ไลน์
- เช็กแอร์ไลน์
- เดลตาแอร์ไลน์
- อีสเทิร์นแอร์เวย์[23]
- เอ็ลอัล[24]
- สายการบินเอทิฮัด[25]
- ฟินน์แอร์
- การูดาอินโดนีเซีย
- โกว์ลีญัสอาแอเรียส[26]
- จอร์เจียแอร์เวย์
- อินดิโก[27]
- อิตาแอร์เวย์[28]
- เจแปนแอร์ไลน์
- เคนยาแอร์เวย์
- เคแอลเอ็ม
- เคเอ็มมอลตาแอร์ไลน์[29]
- โคเรียนแอร์
- ลาตัม บราซิล
- ลักซ์แอร์
- มิดเดิลอีสต์แอร์ไลน์
- ควอนตัส[30]
- เซาเดีย[31]
- สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม (เริ่มต้น 1 กันยายน ค.ศ. 2024)[32]
- สิงคโปร์แอร์ไลน์[33][34]
- สกายเอกซ์เพรส
- สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์
- ตาอักแองโกลาแอร์ไลน์
- ตารอม
- ยูเครนอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์
- เวียดนามแอร์ไลน์
- เวอร์จินแอตแลนติก[35]
- เวสต์เจ็ต
- ไวเดอโรว์[36]
- วินแอร์
ข้อตกลงระหว่างสายการบิน
แอร์ฟรานซ์มีข้อตกลงกับสายการบินดังต่อไปนี้:[37]
- ปากีสถานอินเตอแนชนัลแอร์ไลน์
- วิสตารา
ฝูงบิน
สรุป
มุมมอง






ฝูงบินปัจจุบัน
ณ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 แอร์ฟรานซ์มีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:[38]
แอร์ฟรานซ์มีอายุฝูงบินเฉลี่ย 12.7 ปี
อากาศยานลำตัวกว้าง
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2011 แอร์ฟรานซ์–เคแอลเอ็มประกาศคำสั่งซื้อสำหรับแอร์บัส เอ350 จำนวน 50 ลำและสั่งซื้อโบอิง 787 เป็นตัวเลือกการสั่งซื้อ 60 ตัวเลือก โดยที่จะแบ่งไปประจำการกับทั้งแอร์ฟรานซ์และเคแอลเอ็ม[52] ต่อมาแอร์ฟรานซ์–เคแอลเอ็มสั่งซื้อโบอิง 787 จำนวน 37 ลำ แบ่งเป็นที่สั่งซื้อโดยตรง 25 ลำและเช่า 12 ลำ โดยจะเป็นของแอร์ฟรานซ์อย่างน้อย 16 ลำเพื่อจะใช้ทดแทนแอร์บัส เอ340-300 และจะถูกทดแทนด้วยแอร์บัส เอ350 ตั้งแต่ปี 2019 โบอิง 787-9 ลำแรกเข้าประจำการกับเคแอลเอ็มในปี 2015 และกับแอร์ฟรานซ์ในช่วงต้นปี 2017[53] แอร์ฟรานซ์–เคแอลเอ็มมีคำสั่งซื้อเอ350 28 ลำ[54] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 กลุ่มสายการบินได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างฝูงบินใหม่ โดยแอร์ฟรานซ์จะให้บริการแอร์บัส เอ350 เท่านั้น และเคแอลเอ็มจะให้บริการเฉพาะโบอิง 787 รวมหกลำที่เดิมจะให้บริการโดยแอร์ฟรานซ์ แอร์ฟรานซ์รับมอบแอร์บัส เอ350-900 ลำแรก (ชื่อ ตูลูซ) เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2019[55]
อากาศยานลำตัวแคบ
แอร์ฟรานซ์ให้บริการเครื่องบินทุกรุ่นของเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ320 ทั้งหมด 67 ลำ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 แอร์ฟรานซ์ได้ประกาศคำสั่งซื้ออากาศยานที่จะทดแทนเครื่องบินลำตัวแคบเหล่านี้ โดยแอร์บัส เอ318 และเอ319 จะถูกทดแทนด้วยแอร์บัส เอ220-300 จำนวน 60 ลำ โดยเริ่มส่งมอบในปี ค.ศ. 2021[56] สายการบินจะลดการปลดปล่อยมลภาวะลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2024 สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศฝรั่งเศส เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขการสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสมูลค่า 7 พันล้านยูโร[57] ด้วยเหตุนี้แอร์ฟรานซ์จึงมีแผนที่จะนำแอร์บัส เอ220 เพิ่มเติมเข้ามาในเครือข่ายภายในประเทศ[58]
คองคอร์ด

แอร์ฟรานซ์ปลดประจำการเครื่องบินคองคอร์ดทั้งห้าลำเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ภายหลังความต้องการที่น้อยลงซึ่งมีผลจากอุบัติเหตุการตกของคองคอร์ดทะเบียน F-BTSC ในปารีสเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 และราคาเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น ในขณะที่บริติชแอร์เวย์ ผู้ให้บริการคองคอร์ดอีกราย ทำการบินเที่ยวบินคองคอร์ดเที่ยวบสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2003[59] คองคอร์ดทะเบียน F-BVFA was transferred to the ถูกย้ายไปจัดแสดงที่สตีเวน เอฟ. อุดวาร์-เฮซี เซนเตอร์ในท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตันดัลเลส[60] F-BVFB ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์รถยนต์และเทคโนโลยีซินส์ไฮม์ในเยอรมนี[61] F-BTSD ถูกจัดแสดงที่มุเซเดแลร์เอเดเลซปาซที่ท่าอากาศยานเลอบูร์เกตในปารีส[62] และ F-BVFC ได้กลับไปจัดแสดงที่สถานที่ผลิตในตูลูซในบริเวณโรงงานแอร์บัส[63] F-BVFF เป็นลำเดียวที่ยังคงอยู่ที่ท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกล โดยได้ถูกจัดแสดงในบริเวณท่าอากาศยาน[64]
โบอิง 747
แอร์ฟรานซ์เริ่มให้บริการโบอิง 747 ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1970 หลังรับมอบโบอิง 747-100 ลำแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม[65] สายการบินยังให้บริการโบอิง 747-200 -300 และ -400 ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2016 แอร์ฟรานซ์ปลดประจำการโบอิง 747-400 ลำสุดท้าย โดยได้ทดแทนด้วยแอร์บัส เอ380 และโบอิง777-300อีอาร์ รุ่นขนส่งสินค้าถูกทดแทนด้วยโบอิง 777เอฟ[66][67]
Remove ads
อ้างอิง
อ่านเพิ่มเติม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads