คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
โรมัน เรนส์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ลีอาติ โจเซฟ อานัวอี (Leati Joseph Anoa'i; 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1985)[6][7] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพและอดีตผู้เล่นตะแกรงฟุตบอลอาชีพชาวอเมริกัน[8][9][10][11][12] เป็นสมาชิกของครอบครัวอานัวอี ตระกูลนักมวยปล้ำชื่อดังชาวอเมริกัน-ซามัว และเป็นญาติห่างๆกับเดอะร็อก[4] ปัจจุบันเซ็นสัญญาปล้ำกับWWEในนาม โรมัน เรนส์ (Roman Reigns) เป็นนักมวยปล้ำที่ใช้ท่าสเปียร์ได้ดีที่สุดที่เคยมีมา[13] ในปี 2012 เขาเปิดตัวในฐานะสมาชิกเดอะชีลด์พร้อมกับดีน แอมโบรสและเซธ รอลลินส์ เป็นแชมป์ WWE และแชมป์ยูนิเวอร์แซล WWE นอกจากนี้เขายังเป็นนักมวยปล้ำฝ่ายธรรมะคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น "Most Hated Wrestler of the Year" (นักมวยปล้ำที่คนเกลียดที่สุดแห่งปี) โดย Pro Wrestling Illustrated[14] และยังเป็น "Most Overrated" (นักมวยปล้ำที่เก่งเกินจริงมากที่สุดแห่งปี) โดย Wrestling Observer Newsletter ประจำปี 2016[15]
Remove ads
มวยปล้ำอาชีพ
สรุป
มุมมอง
ดับเบิลยูดับเบิลยูอี (2010–ปัจจุบัน)
ค่ายฝึกทักษะ
ในเดือนกรกฎาคมปี 2010 เขาเซ็นสัญญากับ WWE และได้รับมอบหมายในภายหลังเพื่อเข้าฝึกค่ายพัฒนาทักษะ ฟลอริดาแชมเปียนชิปเรสต์ลิง(FCW)[6] เขาเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2010 โดยใช้ชื่อ โรแมน ลีอากี แพ้ให้ริกชี สตีมโบต[16] ในปี 2012 เขาได้แชมป์แท็กทีม FCW ร่วมกับไมค์ ดอลตัน[17][18] ต่อมา FCW ได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นNXT[19] เขาก็ได้ใช้ชื่อใหม่ว่า โรแมน เรนส์[20]
เดอะชีลด์

เรนส์เปิดตัวค่ายหลักในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2012)พร้อมกับดีน แอมโบรสและเซท รอลลินส์ในนามเดอะชีลด์ พวกเขารุมไรแบ็กก่อนใส่ท่า Triple Powerbomb บนโต๊ะผู้บรรยาย ทำให้ซีเอ็ม พังก์จับกดจอห์น ซีนาป้องกันแชมป์ WWEไว้ได้[21] ในทีแอลซี (2012) เดอะชีลด์ได้ปล้ำแมตช์แรกเอาชนะไรแบ็กและทีมเฮลโน(เคนและแดเนียล ไบรอัน)ในการต่อสู้ด้วยโต๊ะ บันได และเก้าอี้[22][23][24][25][26] ในรอว์ 7 มกราคม เดอะชีลด์ได้ออกมารุมทำร้ายไรแบ็กในการชิงแชมป์ WWE ทำให้พังก์ป้องกันแชมป์ไปได้อีกครั้ง[27] ในรอยัลรัมเบิล (2013) เดอะชีลด์แอบมารุมทำร้ายเดอะร็อก ระหว่างชิงแชมป์ WWE ซึ่งในตอนแรกพังก์กดนับ3ชนะ แต่วินซ์ แม็กแมนออกมาบอกให้เริ่มใหม่เลยทำให้เดอะร็อกคว้าแชมป์ไปได้[28] ในรอว์คืนต่อมา หลังจากจอห์น ซีนาประกาศเลือกท้าชิงแชมป์ WWE ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 เดอะชีลด์ก็มารุมลอบทำร้ายซีนา แม้ว่าเชมัสกับไรแบ็กจะออกมาช่วยแต่ก็โดนรุมทำร้าย สุดท้ายเดอะชีลด์เล่นงานซีนา ด้วยท่า Triple Powerbomb[29] ในรอว์ 4 กุมภาพันธ์ เดอะชีลด์โดนซีนา, ไรแบ็ก และเชมัสล้อมเอาไว้ ทำให้เดอะชีลด์วิ่งหนีไปทางหลังเวทีแต่แรนดี ออร์ตันนำทัพนักมวยปล้ำออกมาขวางเอาไว้ เดอะชีลด์เลยโดนทีมซีนาอัดจนน่วม ก่อนที่จะหนีไปทางอัฒจรรย์[30] ในรอว์ 11 กุมภาพันธ์ เดอะชีลด์ออกมาท้าทายกลุ่มของซีนา ว่าถ้าอยากมีเรื่องก็ออกมาเจอกันเดี๋ยวนี้ได้เลย ปรากฏว่าไฟในสนามดับ แล้วทีมของซีนาก็ออกมาไล่อัดเดอะชีลด์จนหนีกระเจิง[31] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013) เดอะชีลด์เอาชนะทีมซีนาไปได้[32] ในเรสเซิลเมเนีย 29 เดอะชีลด์เอาชนะ เชมัส, แรนดี ออร์ตัน และบิ๊กโชว์ไปได้[33]
ในรอว์ 8 เมษายน ดิอันเดอร์เทเกอร์ออกมาขออุทิศชัยชนะให้กับพอล แบเรอร์ หลังจากที่ชนะซีเอ็ม พังก์ ในเรสเซิลเมเนีย 29 เดอะชีลด์ออกมารุมล้อมอันเดอร์เทเกอร์ แต่เคนกับแดเนียล ไบรอันออกมาช่วยอันเดอร์เทเกอร์ ทำให้เดอะชีลด์หนีไป[34] ในรอว์ 22 เมษายน เดอะชีลด์ได้เอาชนะอันเดอร์เทเกอร์, เคน และไบรอันไปได้[35] ในสแมคดาวน์ 26 เมษายน แอมโบรสได้เจอกับอันเดอร์เทเกอร์ แต่แอมโบรสก็แพ้ไป หลังแมตช์เดอะชีลด์ได้ลอบทำร้ายอันเดอร์เทเกอร์จนต้องพักการปล้ำ[36] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013)แอมโบรสได้คว้าแชมป์ยูเอสจากโคฟี คิงส์ตัน คืนเดียวกันเรนส์กับรอลลินส์คว้าแชมป์แท็กทีม WWEจากทีมเฮลโน ทำให้เดอะชีลด์มีแชมป์ครบทั้งทีม[37] ในเดือนสิงหาคม เดอะชีลด์ได้เข้าร่วมกลุ่มดิออธอริตี ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ทริปเปิลเอช[38][39] ในแบทเทิลกราวด์ (2013) เรนส์กับรอลลินส์ได้เจอกับโคดี โรดส์และโกลดัสต์ ถ้าหากโคดีและโกลดัสต์ชนะก็จะได้กลับมาใน WWE แต่ถ้าเดอะชีลด์ชนะครอบครัวโรดส์จะถูกแบนจาก WWE สุดท้ายเรนส์กับรอลลินส์แพ้ ในรอว์ 14 ตุลาคมได้เสียแชมป์แท็กทีมให้กับโคดีและโกลดัสต์จากการช่วยเหลือของบิ๊กโชว์[40] และในอนาคตอันใกล้นี้เอง ทาง WWE มีแผนจะให้เรนส์ได้ก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่โดยในรอยัลรัมเบิล (2014)เรนส์ได้ออกมาเป็นคนที่15 และทำสถิติใหม่เหวี่ยงนักมวยปล้ำออกไปมากที่สุด 12 คน แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะโดยถูกบาทิสตาเหวี่ยงออกเป็นคนสุดท้าย[41] ในรอว์คืนต่อมาเดอะชีลด์ได้ปล้ำแท็กทีม 6 คนกับ แดเนียล ไบรอัน, เชมัส และ จอห์น ซีนา เพื่อที่จะเข้าไปปล้ำชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWEในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014) แต่เดอะไวแอ็ตต์แฟมิลีเข้ามาก่อกวน ทำให้เดอะชีลด์แพ้ฟาวล์ จึงท้าเจอกับไวแอ็ตต์แฟมิลีในแชมเบอร์แต่เดอะชีลด์แพ้[42]
ในปลายเดือนมีนาคมเดอะชีลด์ได้เป็นฝ่ายธรรมะ[43] และได้มีแมตช์เอาชนะเคนและเดอะนิวเอจเอาต์ลอวส์ไปได้ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30[44] 1 วันหลังจบเรสเซิลเมเนีย ในรอว์คืนต่อมา แชมป์โลกอย่าง แดเนียล ไบรอัน ได้มาฉลองกับผู้ชม ก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยทริปเปิลเอช และเขาได้ขอชิงแชมป์ในคืนนั้น โดยก่อนเริ่มแมตช์นั้น สเตฟานี แม็กแมนได้สั่งให้ เคน, บาทิสตา และออร์ตัน ทำร้ายไบรอันเป็นการสร้างจุดอ่อน และทำให้ทริปเปิลเอชมีโอกาสในการชนะมากขึ้น จนเดอะชีลด์ได้ออกมาบนเวที และจัดการกับพวกกลุ่มของทริปเปิลเอช และได้ช่วยไบรอันจากการกลั่นแกล้งจากกลุ่มทริปเปิลเอช รอว์ต่อมา เดอะชีลด์ต้องปล้ำแฮนดิแคป 11 รุม 3 แต่กรรมการต้องยุติแมตช์ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอัดกันไม่หยุด ก่อนที่ทริปเปิลเอช, ออร์ตัน และบาทิสตา จะออกมาในนามของกลุ่มเอฟโวลูชั่น เพื่อจัดการกลุ่มเดอะชีลด์โดยเฉพาะ ก่อนที่จะประกาศแมตช์แทกทีมอย่างเป็นทางการ ในสแมคดาวน์ 18 เมษายน ระหว่างเดอะชีลด์กับเอฟโวลูชั่นในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014) สุดท้ายเดอะชีลด์เป็นฝ่ายชนะ[45] ในเพย์แบ็ค (2014) เดอะชีลด์ได้เอาชนะเอฟโวลูชั่นไปได้แบบไม่มีกฎกติกา คัดออก[46]
เริ่มปล้ำเดี่ยว

ในรอว์ 2 มิถุนายน บาทิสตาได้ออกจากเอฟโวลูชั่น คืนเดียวกันเรนส์มีคิวเจอกับแรนดี ออร์ตัน โดยออร์ตันออกมากับทริปเปิลเอช โดยทริปเปิลเอชถือค้อนมาด้วย ทำให้เดอะชีลด์พากันไปหยิบเก้าอี้มาเตรียมไว้ ทริปเปิลเอช บอกว่าบาทิสตามันหนีไปแล้ว แต่เราก็มีแผน 2 เสมอ... ว่าแล้วรอลลินส์ก็เอาเก้าอี้ฟาดใส่เรนส์จากด้านหลัง จากนั้นก็ฟาดแอมโบรสอีกคน รอลลินส์เอาเก้าอี้ไปยื่นให้ออร์ตัน เพื่อเอาไปฟาดเรนส์กับแอมโบรสต่ออีก จากนั้นก็ RKO เรนส์ลงบนเก้าอี้ ปิดท้ายรายการโดยมีรอลลินส์ยืนอยู่กับออร์ตัน และทริปเปิลเอช เป็นการแตกทีมของเดอะชีลด์[47] ในรอว์ 16 มิถุนายน เรนส์ได้เป็นผู้ชนะแบทเทิลรอยัล และได้เข้าร่วมมันนีอินเดอะแบงก์แลดเดอร์แมตช์ชิงแชมป์โลกในมันนีอินเดอะแบงก์ (2014)[48][49] แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้[50] ในแบทเทิลกราวด์ (2014)ได้ปล้ำ 4 เส้าชิงแชมป์โลกกับจอห์น ซีนา, แรนดี ออร์ตัน และเคน แต่ก็ไม่สำเร็จ ในซัมเมอร์สแลม (2014)เอาชนะแรนดี ออร์ตันไปได้[51] วันที่ 20 กันยายน เรนส์ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในแนชวิลล์, เทนเนสซี เพื่อเตรียมเข้ารับการผ่าตัดไส้เลื่อนที่ขาหนีบติดค้าง(incarcerated hernia)กระทันหัน[52][53][54] ในรอว์ 8 ธันวาคม เรนส์ได้รับรางวัลสแลมมีอะวอร์ด ซูเปอร์สตาร์แห่งปี 2014[55] ในทีแอลซี (2014) เรนส์ได้รีเทิร์นกลับมาปล้ำโดยเดินฝ่าฝูงคนดูออกมาในช่วงท้ายแมตช์ของจอห์น ซีนาและเซท รอลลินส์ เพื่อจัดการกับบิ๊กโชว์ที่ออกมาอัดซีนา ก่อนใส่ superman punch กับรอลลินส์ จนเป็นโอกาสให้ซีนาจับรอลลินส์ใส่ Attitude Adjustment กับโต๊ะจนพังชนะไป[56] นอกจากนี้เรนส์ได้ประกาศว่าจะร่วมปล้ำรอยัลรัมเบิลเป็นคนแรก[57][58][59]
เรนส์เข้าร่วมรอยัลรัมเบิล (2015)เป็นคนที่19 และเป็นฝ่ายชนะได้สิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ชิงแชมป์โลกกับบร็อก เลสเนอร์ ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31[60][61][62] ในฟาสต์เลน (2015) เรนส์สามารถป้องกันสิทธิ์ผู้ท้าชิงอันดับ1 กับแดเนียล ไบรอันได้[63][64][65][66] ในเรสเซิลเมเนีย 31 ระหว่างแมตช์ชิงแชมป์กับเลสเนอร์นั้น เซท รอลลินส์ได้ออกมาใช้สิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์คว้าแชมป์ไป[67] ต่อมาเรนส์ได้เปิดศึกกับบิ๊กโชว์ และเอาชนะไปได้ในแมตช์ลาสแมนสแตนดิ้งในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)[68] ในเพย์แบ็ก (2015)เรนส์พ่ายแพ้ใน 4 เส้าชิงแชมป์โลก[69] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2015) เรนส์ได้เข้าร่วมแมตช์ชิงกระเป๋าสัญญาในการชิงแชมป์โลก แต่ผลปรากฏว่าเบรย์ ไวแอ็ตต์มาลอบทำร้ายเรนส์ ทำให้พลาดโอกาสคว้ากระเป๋าสิทธิ์[70] จากนั้นได้มีการประกาศว่าเรนส์จะต้องเจอกับไวแอ็ตต์ในแบทเทิลกราวด์ (2015) สุดท้ายเรนส์เป็นฝ่ายแพ้ จากการก่อกวนของลู้ก ฮาร์เปอร์[71][72] ในซัมเมอร์สแลม (2015) เรนส์ได้จับคู่กับดีน แอมโบรส เอาชนะไวแอ็ตต์กับฮาร์เปอร์ไปได้[73][74] ในรอว์คืนต่อมา ไวแอ็ตต์แฟมิลีได้เปิดตัวสมาชิกใหม่อย่างบรอน สโตรว์แมน โดยมาเล่นงานเรนส์กับแอมโบรส[75] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2015) เรนส์กับแอมโบรสต้องปล้ำแท็กทีม 6 คนกับไวแอ็ตต์แฟมิลี โดยคริส เจริโคได้เข้ามาร่วมทีมเป็นคนที่สาม แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้[76] ในเฮลอินเอเซล (2015) เรนส์เอาชนะไวแอ็ตต์ไปได้ในเฮลล์อินเอเซลล์ แมทช์ครั้งแรกของพวกเขาและเป็นการจบเรื่องราว[77][78]

ในรอว์ 26 ตุลาคม เรนส์ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกครั้งโดยชนะสี่เส้าได้สิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกกับรอลลินส์ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2015) แต่ว่ารอลลินส์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าจากการปล้ำเฮาส์โชว์ ทำให้แมตช์ทั้งคู่ต้องยกเลิก โดยมีการจัดทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์ที่ว่างอยู่แทน ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์เรนส์ได้เอาชนะเดล รีโอในทัวร์นาเมนต์รอบรองชนะเลิศ และเอาชนะดีน แอมโบรสไปได้ในรอบสุดท้าย ทำให้เขาได้เป็นแชมป์โลกสมัยแรก ขณะที่เขากำลังฉลองชัยชนะอยู่ ทริปเปิลเอชก็ออกมาแสดงความยินดีด้วยและขอจับมือแต่เรนส์ก็สเปียร์ใส่ทริปเปิลเอช และเชมัสก็มาใส่โบรกคิกแล้วใช้สิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์แต่ก็ยังกดได้แค่สอง แล้วเรนส์ก็ฮึดสวนกลับแต่โดนโบรกคิกครั้งที่สองแล้วถูกกดนับสามไปทำให้เป็นแชมป์เพียง 5:15 วินาทีเท่านั้น[79] ในรอว์คืนต่อมา ทริปเปิลเอชได้ประกาศรีแมตช์ระหว่างเรนส์กับเชมัส ในการต่อสู้ด้วยโต๊ะ บันได และเก้าอี้ ในทีแอลซี (2015) สุดท้ายเรนส์ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ จากการก่อกวนของเดอะลีกออฟเนชันส์ หลังแมตช์เรนส์จัดการสเปียร์ทั้งสามคนที่กำลังฉลองอยู่ จากนั้นก็เอาเก้าอี้ฟาดเชมัสรัวๆจนทริปเปิลเอชพร้อมทั้งสเตฟานีและกรรมการนับสิบคนต้องออกมาห้าม เรนส์กระโดด Superman Punch ใส่ทริปเปิลเอช ก่อนจะใช้เก้าอี้ฟาดจนน่วม และไปทุ่มใส่โต๊ะผู้บรรยาย จากนั้นก็กระโดดทิ้งศอกใส่จนโต๊ะพัง เรนส์เดินกลับไปโดยสเตฟานีจ้องมองอย่างเคียดแค้น เรนส์จะกลับแล้วแต่วิ่งกลับมาสเปียร์ใส่ทริปเปิลเอชจนถูกหามส่งโรงพยาบาล[80] รอว์คืนต่อมาวินซ์ แม็กแมนสั่งให้เรนส์คุกเข่าขอโทษแต่เรนส์ไม่ยอมขอโทษ เชมัสตามออกมาและก็บอกว่าเรนส์มันไม่มีปัญญาชนะเขาได้หรอก จะให้เจอกันอีกครั้งคืนนี้เลยก็ได้ วินซ์ยอมตกลงให้เรนส์ได้ชิงแชมป์อีกครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเรนส์ไม่ชนะจะต้องถูกไล่ออก สุดท้ายเรนส์ก็คว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่2[81]
ในรอว์ 4 มกราคม วินซ์ได้สั่งให้เรนส์ป้องกันแชมป์ในแมตช์รอยัลรัมเบิล (2016)กับนักมวยปล้ำ 29 คน โดยต้องขึ้นปล้ำเป็นลำดับแรก[82] โดยเรนส์เสียแชมป์ให้กับทริปเปิลเอชที่ออกมาเป็นคนสุดท้ายคนที่30[83] ในรอว์คืนต่อมาสเตฟานีได้ประกาศว่าในฟาสต์เลน (2016) เรนส์, ดีน แอมโบรส และบร็อก เลสเนอร์ จะต้องปล้ำแบบสามเส้าเพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ชิงแชมป์โลกกับทริปเปิลเอชในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32 ซึ่งเรนส์เป็นฝ่ายชนะ[84] และสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้เป็นสมัยที่3[85] เรนส์สามารถป้องกันแชมป์โลกกับเอเจ สไตส์เอาไว้ได้ทั้งในเพย์แบ็ก (2016)[86] และเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2016)โดยหลังแมตช์นี้เซท รอลลินส์ได้ออกมาลอบทำร้ายเรนส์หลังจากที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา[87] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2016)เรนส์เสียแชมป์ให้รอลลินส์ก่อนที่รอลลินส์เสียแชมป์ให้แอมโบรส[88] วันที่ 21 มิถุนายน เรนส์ได้ถูกพักงาน 30 วัน หลังจากที่ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพกับ WWE ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาโดนพักงาน ต่อมาเขาได้ออกมาขอโทษผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวแล้ว[89] โดยปกติแล้ว WWE ค่อนข้างจะเข้มงวดกับโปรแกรมตรวจสุขภาพของนักมวยปล้ำที่ใช้เพื่อตรวจหาสารเสพติด ถ้าไม่ผ่านสามครั้งจะโดนไล่ออกทันที[90][91][92] 19 กรกฎาคมเรนส์ได้ถูกดราฟท์ไปรอว์[93] ในแบทเทิลกราวด์ (2016) เรนส์แพ้ในการชิงแชมป์โลกสามเส้ากับอดีตเพื่อนร่วมกลุ่มเดอะชีลด์[94][95][96] ในคู่เอกรอว์คืนต่อมาได้แพ้ฟิน บาเลอร์ทำให้ไม่ได้ชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซล WWEในซัมเมอร์สแลม (2016)[97]
เรนส์ได้เปิดศึกชิงแชมป์ยูเอสกับรูเซฟ[98][99][100][101] ในแคลชออฟแชมเปียนส์ (2016)สามารถคว้าแชมป์จากรูเซฟได้เป็นสมัยแรก[102] ในเฮลอินเอเซล (2016)ป้องกันแชมป์กับรูเซฟไว้ได้ในกรงเหล็กจบเรื่องราวทั้งคู่[103] ในรอว์ 28 พฤศจิกายน ได้เอาชนะแชมป์ยูนิเวอร์แซล เควิน โอเวนส์ ทำให้ได้สิทธิ์ชิงแชมป์[104][105] ในโรดบล็อก: เอ็นด์ออฟเดอะไลน์คริส เจริโคเพื่อนซี้ของโอเวนส์มาป่วนทำให้เรนส์แพ้ฟาล์วไม่ได้แชมป์[106] ในรอว์ 9 มกราคม เสียแชมป์ยูเอสให้เจริโคแบบแฮนดิแคป 2 รุม 1 โดยโอเวนส์ร่วมปล้ำด้วย[107] ในรอยัลรัมเบิล (2017)ได้แพ้ชิงแชมป์กับโอเวนส์แบบไม่มีกฏกติกาโดยการก่อกวนจากบรอน สโตรว์แมน[108][109] คืนเดียวกันได้เข้าร่วมรอยัลรัมเบิลลำดับที่30 แต่ถูกเหวี่ยงออกคนสุดท้ายโดยแรนดี ออร์ตัน[110] ในฟาสต์เลน (2017)เอาชนะสโตรว์แมนไปได้[111][112] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 33ได้เอาชนะดิอันเดอร์เทเกอร์แบบไม่มีกฏกติกา และเป็นคนที่สองที่ชนะอันเดอร์เทเกอร์ในเรสเซิลเมเนีย[113][114][115][116] ในเพย์แบ็ก (2017)ได้แพ้ให้สโตรว์แมน[117] ในเกรตบอลส์ออฟไฟร์ได้แพ้สโตรว์แมนโดยถูกเหวี่ยงเข้ารถพยาบาล หลังแมตช์เรนส์ออกมาจากรถพยาบาลและแลกหมัดกับสโตรว์แมนก่อนจะจับยัดเข้าไปในรถพยาบาลได้ เรนส์ขับรถพยาบาลออกไปที่ลานจอดรถ แล้วพุ่งถอยหลังไปอัดก๊อปปี้ใส่รถบรรทุกที่จอดอยู่ ทำให้ส่วนห้องพยาบาลของรถพังไปเกือบครึ่ง[118][119][120] ในซัมเมอร์สแลม (2017)ได้แพ้4เส้าชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซล[121][122] ในโนเมอร์ซี (2017)ได้ชนะพระเอกยุคเก่าอย่าง จอห์น ซีนา[123]

ในช่วงปลายปี 2017 เดอะชีลด์ได้กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง[124] ในรอว์ 20 พฤศจิกายน เรนส์ได้คว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลสมัยแรกจากเดอะมิซ ทำให้เรนส์เป็นแชมป์ทริปเปิลคราวน์คนที่28และแชมป์แกรนด์สแลมคนที่17 และยังเป็นสมาชิกเดอะชีลด์คนที่สองที่ได้แชมป์แกรนด์สแลมต่อจากแอมโบรส[125][126] ก่อนเสียคืนให้มิซในรอว์ครบรอบ 25 ปี[127] เรนส์ได้เข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิล (2018)เป็นลำดับที่28แต่ถูกชินซูเกะ นากามูระเหวี่ยงออกจากเวทีเป็นคนสุดท้าย[128] ต่อมาเรนส์ได้ชนะเบรย์ ไวแอ็ตต์ ทำให้ได้เข้าร่วมแมตช์อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2018)เพื่อสิทธิ์ผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซลกับบร็อก เลสเนอร์ที่เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 34[129] ซึ่งเรนส์เป็นผู้ชนะ[130] แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์จากเลสเนอร์ได้[131] ในเกรเทสต์ รอยัลรัมเบิลเรนส์ได้รีแมตช์ชิงแชมป์กับเลสเนอร์ในกรงเหล็กแต่ไม่สำเร็จ[132][133] ในรอว์ 23 กรกฎาคมได้เอาชนะบ็อบบี แลชลีย์คว้าสิทธิ์ชิงแชมป์กับเลสเนอร์อีกครั้งที่ซัมเมอร์สแลม (2018)[134] และสามารถคว้าแชมป์ยูนิเวอร์แซลเป็นสมัยแรกมาได้สำเร็จ[135] คืนต่อมาแอมโบรสกับรอลลินส์ได้แต่งชุดเดอะชีลด์ออกมาช่วยเรนส์จากการแคชอินกระเป๋า MITB ของบรอน สโตรว์แมนเป็นการรวมกลุ่มเดอะชีลด์อีกครั้ง ในรอว์ 22 ตุลาคม 2018 เรนส์ต้องสละแชมป์เพื่อพักรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวกำเริบ(ลูคีเมีย) เรนส์ตรวจพบโรคร้ายนี้เมื่อปี 2008 และต่อสู้กับลูคีเมียเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ก่อนที่อาการจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง[136][137][138] ในฟาสต์เลน 2019 เดอะชีลด์ได้รวมทีมกันครั้งสุดท้ายเอาชนะแบรอน คอร์บิน, บ็อบบี แลชลีย์ และดรูว์ แม็กอินไทร์ไปได้[139] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 35เรนส์เอาชนะดรูว์ แม็กอินไทร์ไปได้แบบตัวต่อตัว[140] ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดสแมคดาวน์ตอน Superstar Shake-up 2019[141] ในช่วงเส้นทางสู่เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36เรนส์ได้ขอท้าชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซลกับโกลด์เบิร์ก[142] แต่แมตช์ไม่เกิดขึ้นเนื่องจากเรนส์ถอนตัวก่อนปล้ำท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการที่เขามีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว[143][144]
หัวหน้าเผ่า

ในเดือนสิงหาคม 2020 เรนส์ได้กลายเป็นฝ่ายอธรรมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 และมีพอล เฮย์แมนเป็นผู้จัดการส่วนตัว ที่ศึก Payback เรนส์ได้คว้าแชมป์ยูนิเวอร์แซลเป็นสมัยที่ 2 และเป็นจุดเริ่มต้นของกิมมิค Tribal Cheif หรือท่านหัวหน้าเผ่าและได้ก่อตั้งกลุ่มเดอะบลัดไลน์ร่วมกับดิอูโซส์[145] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 37สามารถเอาชนะเอดจ์และแดเนียล ไบรอันแบบสามเส้าป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[146] ในสแมคดาวน์ 30 เมษายนเอาชนะไบรอันป้องกันแชมป์ได้และทำให้ไบรอันต้องออกจากสแมคดาวน์[147] ในมันนีอินเดอะแบงก์ 2021 หลังจากที่ป้องกันแชมป์กับเอดจ์ได้[148] จอห์น ซีนาได้ปรากฏตัวครั้งแรกในรอบปีกว่าโดยออกมาท้าเรนส์เพื่อชิงแชมป์ในซัมเมอร์สแลม[149] ซึ่งเรนส์ก็สามารถป้องกันได้อีกครั้ง แต่ว่าหลังจบแมตช์บร็อก เลสเนอร์ก็ได้ปรากฏตัวในรอบปีกว่าออกมาท้าเรนส์เช่นกัน[150] ทำให้มีแมตช์ชิงแชมป์กันใน Crown Jewel และเรนส์ป้องกันได้อีกครั้งโดยการช่วยเหลือจากดิอูโซส์และเฮย์แมน[151] ใน Day 1 เดิมทีเรนส์มีคิวป้องกันแชมป์กับเลสเนอร์อีกครั้ง[152] แต่ว่าเรนส์มีผลตรวจ COVID-19 เป็นบวกทำให้แมตช์ถูกยกเลิก เลสเนอร์จึงไปร่วม 5 เส้าชิงแชมป์ WWE แทนและคว้าแชมป์ได้[153] ในรอยัลรัมเบิล 2022 เรนส์ได้ออกมาก่อกวนเลสเนอร์จนเสียแชมป์ให้บ็อบบี แลชลีย์คืนเดียวกันเลสเนอร์ได้เป็นผู้ชนะแมตช์ 30 คนเลือกสิทธิ์ชิงแชมป์กับเรนส์[154] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์เลสเนอร์ได้ใช้สิทธิ์รีแมตช์คว้าแชมป์ WWE อีกครั้งทำให้แมตช์เลสเนอร์กับเรนส์เป็นการชิงแชมป์สองเส้น[155] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 38 เรนส์สามารถป้องกันแชมป์ยูนิเวอร์แซลและคว้าแชมป์ WWE ได้จากเลสเนอร์ทำให้เรนส์ได้ถือแชมป์ทั้งสองเส้น[156] ในช่วงกลางปี 2022 บลัดไลน์ได้มีสมาชิกกิตติมศักดิ์อย่างแซมี เซย์น[157] ในแคลชแอตเดอะแคสเซิล 2022 ที่ UK ต้องป้องกันแชมป์กับเจ้าถิ่นอย่างดรูว์ แม็กอินไทร์แต่สามารถป้องกันได้จากการช่วยเหลือของโซโล ซิโกอาญาติของเขาและได้ร่วมกลุ่มบลัดไลน์ในเวลาต่อมา[158]
ในรอยัลรัมเบิล 2023 หลังจากที่ป้องกันแชมป์กับเควิน โอเวนส์ได้นั้นเรนส์ได้สั่งให้แซมี เซย์นเอาเก้าอี้ตีใส่โอเวนส์เพื่อนซี้ของเซย์นแต่เซย์นไม่ยอมทำเลยตีใส่เรนส์แทน[159] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์สามารถป้องกันแชมป์กับเซย์นไปได้[160] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 39ป้องกันแชมป์ได้อีกครั้งจากโคดี โรดส์โดยการช่วยเหลือจากโซโล[161] ทำให้เป็นคนแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ในเรสเซิลเมเนียได้ถึง 3 ปีติดต่อกัน[162] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ 2023 เรนส์ได้ร่วมทีมกับโซโลในการท้าชิงแชมป์อันดิสพิวเต็ดแท็กทีมกับเควิน โอเวนส์ และแซมี เซย์นโดยระหว่างแมตช์ดิอูโซส์ได้ออกมาช่วยแต่พลาดไปเตะโดนโซโลทำให้เรนส์ไม่พอใจผลักหน้าอูโซส์ก่อนจะโดนจิมมีเตะที่หน้าส่งผลให้โอเวนส์และเซย์นป้องกันแชมป์ไว้ได้[163] ต่อมาได้ถูกเจย์หักหลังและออกจากกลุ่มบลัดไลน์ตามจิมมีอีกคนทำให้มีแมตช์แท็กทีมระหว่างเรนส์กับโซโลเจอกับจิมมีและเจย์สุดท้ายเป็นเรนส์ที่ถูกเจย์จับกดนับ 3 ไปได้เป็นการถูกจับกดครั้งแรกของเรนส์นับตั้งแต่ธันวาคม 2019[164] ในซัมเมอร์สแลมเรนส์ต้องป้องกันแชมป์กับเจย์พร้อมกับเดิมพันตำแหน่งหัวหน้าเผ่าสุดท้ายเรนส์เป็นฝ่ายชนะไปได้จากการช่วยเหลือของจิมมีที่หักหลังเจย์[165] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 40 เรนส์และเดอะร็อกได้ร่วมทีมกันเอาชนะโคดี โรดส์และเซท รอลลินส์ไปได้[166] ทำให้แมตช์ชิงแชมป์ของเรนส์กับโคดีคืนที่ 2 เป็นกติกาบลัดไลน์รูลส์ สุดท้ายเรนส์เป็นฝ่ายแพ้เสียแชมป์ให้โคดีจบการครองแชมป์ที่ยาวนาน 1316 วัน[167]
หลังจากเสียแชมป์ เรนส์ก็พักตัวจากการปรากฏตัวทางโทรทัศน์ ส่วนโซโลก็ประกาศตัวเองว่าเป็นผู้นำแท้จริงของกลุ่มบลัดไลน์ การก่อตัวของกลุ่มเปลี่ยนไปเมื่อ จิมมีและเฮย์แมนถูกไล่ออกจากกลุ่ม และมีการเพิ่มสมาชิกใหม่ โซโลก็ถอดเรนส์ออกจากตำแหน่งผู้นำของบลัดไลน์และออกจากกลุ่มทั้งหมด ประกาศตัวเองว่าเป็น "Tribal Chief" คนใหม่[168][169][170][171] หลังจากพักตัวไปสี่เดือน เรนส์กลับมาปรากฏตัวที่ SummerSlam 2024 ภายใต้ชื่อใหม่ "The O.T.C" ("The Only Tribal Chief" หรือ "The Original Tribal Chief") โดยเขาเล่นงานโซโลและช่วยโรดส์ปกป้องแชมป์ของเขาในแมตช์แบบ Bloodline Rules ทำให้เรนส์กลายเป็นธรรมะครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020[172] เรนส์ได้ท้าสู้กับโซโลเพื่อชิงสร้อย Ula Fala และตำแหน่ง Tribal Chief ในแมตช์ Tribal Combat ที่งานเปิดตัว Raw ทาง Netflix วันที่ 6 มกราคม 2025[173][174] โดยเรนส์เป็นฝ่ายชนะและคว้าสร้อย Ula Fala พร้อมตำแหน่ง Tribal Chief กลับคืนมา โดยหลังแมตช์ เดอะร็อกมอบ Ula Fala ให้เรนส์ ซึ่งเป็นการจบเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่[175]
เรนส์ได้เข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิลโดยขึ้นเป็นลำดับที่ 16 และสามารถกำจัดคู่แข่งได้สี่คน ขณะที่เขาและรอลลินส์พยายามกำจัดกันและกัน ทั้งคู่กลับถูกพังก์กำจัดจากด้านหลัง รอลลินส์จึงจัดการกระโดดเหยียบหัวหลายครั้งกับเรนส์ก่อนจะเดินออกไป[176] เขากลับมาในรอว์วันที่ 10 มีนาคม เพื่อเล่นงานทั้งรอลลินส์และพังก์ระหว่างแมตช์กรงเหล็กของทั้งคู่[177] ในสแมคดาวน์วันที่ 21 มีนาคม เกิดการชุลมุนระหว่างทั้งสามคน เรนส์, รอลลินส์ และพังก์ ต่างชี้ไปที่ป้ายเรสเซิลเมเนีย 41 ส่งผลให้แมตช์สามเส้าระหว่างทั้งสามถูกประกาศอย่างเป็นทางการให้เป็นคู่เอกของคืนแรก[178][179] ในเรสเซิลเมเนีย 41 ในแมตช์สามเส้าระหว่าง เรนส์, รอลลินส์และพังก์โดยมีพอล เฮย์แมนอยู่ข้างเวที ช่วงท้ายแมตช์เฮย์แมนได้ทำการล้วงใส่ทั้งพังก์และเรนส์ช่วยทำให้รอลลินส์เป็นฝ่ายชนะก่อนจะไปอยู่กับรอลลินส์ เป็นการยุติบทบาทร่วมกันระหว่างเรนส์กับเฮย์แมน[180]
Remove ads
ชีวิตส่วนตัว
ในช่วงต้นปี 2005 ขณะเรียนที่ Georgia Institute of Technology เขาได้พบกับและเริ่มคบกับการีนา เบ็กเกอร์[181] ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนธันวาคม 2014[182] และอาศัยอยู่ที่แทมปา รัฐฟลอริดา[183] ลูกคนแรกของพวกเขาเป็นลูกสาว เกิดในเดือนธันวาคม 2007 และปรากฏตัวร่วมกับเขาใน PSA (โฆษณาสาธารณประโยชน์) ในเดือนมิถุนายน 2014[184][185][186][187] ต่อมาพวกเขามีลูกชายฝาแฝดในเดือนพฤศจิกายน 2016 และมีลูกชายฝาแฝดอีกคู่ในเดือนมีนาคม 2020[188][189][190]
เขาเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต แต่ถือว่าตัวเองเป็นกลางทางการเมือง โดยเขาได้ลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน ดอนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024[191][192]
ในปี 2018 เขาเปิดเผยว่าเขาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (chronic myeloid leukemia) ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่สามารถควบคุมอาการได้ เขาได้รับการวินิจฉัยในปี 2007 ระหว่างช่วงที่เล่นอเมริกันฟุตบอล และยังคงต้องรับการทำเคมีบำบัดแบบรับประทานตลอดชีวิตเพื่อควบคุมโรค[193][194][195][196]
Remove ads
ผลงานแสดง
ภาพยนตร์
โทรทัศน์
เว็บ
รางวัลแชมป์ความสำเร็จ
มวยปล้ำอาชีพ
- CBS Sports
- ESPN
- Best Storyline of the Year (2022) – part of The Bloodline and Sami Zayn[198]
- Best Storyline of the Year (2023) – part of The Bloodline 2.0[199]
- Male Wrestler of the Year (2022)[198]
- ESPY Awards
- Best WWE Moment (2019) – Reigns returns to Raw and announces that his leukemia was in remission[200]
- Florida Championship Wrestling
- New York Post
- Storyline of the Year (2022) – part of The Bloodline and Sami Zayn[201]
- Pro Wrestling Illustrated
- Comeback of the Year (2019)[202]
- Inspirational Wrestler of the Year (2018, 2019)[203][202]
- Most Hated Wrestler of the Year (2016)[14]
- Most Improved Wrestler of the Year (2015)[204]
- Tag Team of the Year (2013) – with Seth Rollins[205]
- Ranked No. 1 of the top 500 singles wrestlers in the PWI 500 in 2016 and 2022[206][207]
- Wrestler of the Year (2022)
- Match of the Year (2024) – vs. Cody Rhodes at WrestleMania XL
- Sports Illustrated
- Wrestling Observer Newsletter
- Best Box Office Draw (2022, 2023)[210][211][212]
- Feud of the Year (2023) – as part of The Bloodline vs. Kevin Owens and Sami Zayn[212]
- Best Gimmick (2021) – as "The Tribal Chief"[213]
- Most Improved (2013)[214]
- Tag Team of the Year (2013) – with Seth Rollins[214]
- Most Overrated (2016)[15]
- Worst Feud of the Year (2013) – as part of The Authority vs. Big Show[214]
- WON Hall of Fame (2024)[215]
- WWE
- WWE Championship (4 times)[a][216]
- WWE Universal Championship (2 times, final)[b][c][217]
- WWE Intercontinental Championship (1 time)[218]
- WWE United States Championship (1 time)[219]
- WWE Tag Team Championship (1 time) – with Seth Rollins[220][221]
- 28th Triple Crown Champion[126]
- Ninth Grand Slam Champion (under current format; 17th overall)[126]
- Royal Rumble (2015)[222]
- Slammy Award (10 times)[223]
- Breakout Star of the Year (2013) – with Dean Ambrose and Seth Rollins as The Shield[224]
- Extreme Moment of the Year (2015) – Post-TLC rampage[225]
- Faction of the Year (2013, 2014) – with Dean Ambrose and Seth Rollins as The Shield[226]
- Faction of the Year (2025) – with Jey Uso, Jimmy Uso and Sami Zayn as The OG Bloodline
- Superstar of the Year (2014)[55]
- Trending Now (Hashtag) of the Year (2013) – #BelieveInTheShield with Dean Ambrose and Seth Rollins as The Shield[224]
- "What a Maneuver" of the Year (2013) – Spear[224]
- Rivalry of the Year (2024) – vs. Cody Rhodes
- Match of the Year (2025) – vs. Cody Rhodes at WrestleMania XL
- WWE Year-End Awards (2 times)
- Bumpy Award (1 time)
- Superstar of the Half-Year (2021)[228]
รางวัลและเกียรติยศอื่นๆ
- NCAA First-team All-ACC (2006)[7]
Remove ads
นัดที่มีเดิมพัน
หมายเหตุ
- The title was named the WWE World Heavyweight Championship during his first three reigns. During his 4th reign the title was jointly held and defended with the WWE Universal Championship as the Undisputed WWE Universal Championship, but both titles maintained their individual lineages
- 581 days into his 2nd reign, the title was jointly held and defended with the WWE Championship as the Undisputed WWE Universal Championship, but both titles maintained their individual lineages
- Reigns was retroactively recognized as the final Universal Champion following its retirement after WrestleMania 41 in April 2025
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads
