คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา

พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา
Remove ads

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา พระนามเดิม เปี่ยม (สกุลเดิม สุจริตกุล; 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447) เป็นพระสนมเอก[1]ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชชนนี(แม่)ของพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 ถึงสามพระองค์คือ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนกในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระปัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร[2]

ข้อมูลเบื้องต้น สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา, ประสูติ ...

เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม และหลังจากพิราลัยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า ทรงพระนามว่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา[3] โดยสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มีความหมายว่า เป็นพระมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

Remove ads

พระราชประวัติ

สรุป
มุมมอง

พระชนม์ชีพช่วงต้นและปูมหลัง

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา มีนามเดิมว่า เปี่ยม ประสูติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 เป็นธิดาหลวงอาสาสำแดง (แตง) และท้าวสุจริตธำรง (นาค) ต้นราชินิกูลสุจริตกุล พระองค์สืบเชื้อสายจีนมาแต่ฝ่ายบิดาและมารดา[4][5] กล่าวกันว่าบิดาของพระองค์นั้น "...พระบิดาเป็นจีน อ่านหนังสือไม่ออกเลย..."[6] สอดคล้องกับ ราชินิกูลในรัชชกาลที่ ๓ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ที่ระบุว่า "พระไอยิกาเปี่ยม สุจริตกุล มีบุรพบุรุษมาแต่จีน..."[7] เช่นเดียวกับบันทึกของแอนนา ลีโอโนเวนส์ ซึ่งระบุว่าเจ้าจอมมารดาเปี่ยมนั้นมีเชื้อสายจีนจากบิดา และไม่มีชาติกำเนิดสูงส่งอย่างใด[8] หลวงอาสาสำแดงเริ่มรับราชการเป็นสมุห์บัญชีกรมมหาดเล็กนายเวรฤทธิ์ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้รับราชการเป็นเจ้ากรมต้นเรือซ้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[9]

ส่วน อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพพระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) ท.จ.ว. พระสนมเอกในรัชกาลที่ 6 ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2526 ระบุว่า บุรพชนของท้าวสุจริตธำรงซึ่งเป็นพระชนนี ก็มาแต่ประเทศจีน[9] ราชินิกูลในรัชชกาลที่ ๓ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ระบุว่า "...ทางชนกมาแต่จีนสืบสายมาถึงท้าวสุจริตธำรง (นาค) ต้นวงศ์สุจริตกุล ซึ่งเปนพระชนนีของพระไอยิกาในรัชชกาลที่ ๖"[10]

เข้ารับราชการในราชสำนัก

Thumb
เจ้าจอมมารดาเปี่ยมแต่งกายอย่างตะวันตก เมื่อสมัยแรกรับราชการ

เบื้องต้น เปี่ยมเข้าเป็นนางฟ้อนในคณะละครหลวง[11] แม้ว่าจะอ่านหนังสือไม่ออก แต่เป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ช่างสังเกต และมีปฏิภาณไหวพริบดี[6] จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นบาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการที่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมไม่ได้เป็นเจ้า พระราชบุตรจึงมีฐานันดรศักดิ์เป็นพระองค์เจ้า[11] แม้นางจะไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ทว่าฉลาด สามารถชักพาญาติพี่น้องรับราชการ และนำคนจีนจำนวนมากให้ไปรู้จักกับกษัตริย์สยาม ดังปรากฏในหนังสือของแอนนา ลีโอโนเวนส์ ความว่า[8]

"สตรีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามัดใจพระองค์ [พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว] ได้สำเร็จคือคุณจอมเปี่ยม แม้จะไม่ใช่คนสวยอะไร แต่วางตัวดีและมียุทธวิธีเยี่ยมยอด เธอมิได้มีการศึกษาและชาติกำเนิดสูงส่งเลย ทั้งยังมีเชื้อสายจีนทางฝั่งบิดา กระนั้นกลับมีคุณลักษณะที่น่าชื่นชมโดยเนื้อแท้ เมื่อรู้สึกได้ว่าตนเริ่มมีอิทธิพลเหนือกษัตริย์ เธอวางแผนจะรักษาและใช้ประโยชน์จากอำนาจดังกล่าวอยู่นานหลายปี โดยใช้วิธีบอกปัดบ้างเป็นครั้งคราว ถ่อมตนเกินเหตุจนน่ารำคาญบางครั้งถึงกับถูกกล่าวหาว่าดัดจริต เธอมักหาข้ออ้างไม่ไปเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์อยู่เป็นประจำ โดยอ้างว่าป่วยบ้าง ต้องดูแลลูก ๆ บ้าง อยู่ระหว่างไว้ทุกข์ญาติบ้าง และจะเต็มใจไปเข้าเฝ้าฯ ถวายงานเองเป็นช่วง ๆ ในช่วงเวลา 6 ปีที่ถวายตัวรับใช้ เธอสะสมทรัพย์สมบัติไว้เป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งยังจัดการให้สมาชิกในครอบครัวเธอได้รับราชการตำแหน่งดี ๆ ตลอดจนช่วงชักนำชาวจีนอีกมากมายให้ได้รู้จักกษัตริย์ ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา ต้องยอมอ่อนน้อมถ่อมตนและประนีประนอมกับบรรดาสตรีคู่แข่งซึ่งออกจะสมเพชเธอมากกว่าอิจฉา และต้องอยู่ในอาณัติของเหล่าสตรีผู้ทรงอำนาจแห่งวังหลวง"

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมเอกในรัชกาล[1][12] จากการที่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นที่สนิทสวาทของพระสวามี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดพระราชบุตรที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นพิเศษ ดังจะพบการตั้งพระนามอันแสดงถึงความศิวิไลซ์ ลูกหลวงและบาทบริจาริกาเหล่านี้สวมฉลองพระองค์อย่างยุโรปและเล่าเรียนภาษาอังกฤษจากพระอาจารย์ต่างชาติในวังหลวง[13] และท่านเป็นบาทบริจาริกาที่ถวายการดูแลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในช่วงปลายพระชนม์ชีพ[14]

ในฐานะพระสัสสุ

หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และการเสวยราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชธิดาสามพระองค์ในรัชกาลก่อนที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้ถวายตัวเป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้แก่ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยความบริสุทธิ์ของเชื้อสายหรืออุภโตสุชาติสังสุทธเคราหณี พระภรรยาร่วมสายเลือดเหล่านี้ถือเป็นพระภรรยาชั้นสูง พระราชโอรสที่เกิดจากพระภรรยาเจ้ามีสิทธิธรรมในการสืบราชสันตติวงศ์สูงกว่าพระราชโอรสที่ประสูติแต่เจ้าจอมสามัญชน[15]

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2428 ในพระราชวโรกาสมงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 20 กันยายน ศกนั้น ด้วยเหตุที่เป็นพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีในขณะนั้น พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องยศ[16] ได้แก่

  • พานหมากทองคำเครื่องในลงยา
  • หีบหมากลงยา
  • กาทองรองถาด
  • กระโถนทองคำ

เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมได้บริจาคเงินจำนวน 100 ชั่ง หรือ 8,000 บาทสำหรับสร้างถาวรวัตถุเพื่อสาธารณะประโยชน์ อุทิศพระกุศลถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ จัดสรรงบประมาณสมทบเงินจำนวนดังกล่าว ตัดถนนเส้นหนึ่งระหว่างถนนเจริญกรุงกับถนนบำรุงเมือง กรมโยธาธิการสร้างถนนเสร็จในปี พ.ศ. 2443 แล้วถวายเป็นถนนหลวง จึงพระราชทานนามถนนเส้นดังกล่าวว่าถนนอุณากรรณ[17][18]

พิราลัย

เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2447 ณ วังสะพานถ่าน ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีพระเมรุ ณ เมรุผ้าขาว ภายในสวนมิสกวัน พระอัฐิถูกบรรจุไว้ ณ ศาลาพระอัยกาในวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร[19] ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิขึ้นเป็นเจ้านายในราชวงศ์จักรี ถวายพระนามาภิไธยว่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา เนื่องด้วยในรัชกาลนั้นมีพระฐานะเป็นพระอัยยิกา (ยาย) เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2466[20]

โดยพระนาม "ปิยมาวดี" นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลจากพระนามเดิมว่า "เปี่ยม" ซึ่งเป็นคำไทย แปลงรูปสระเอียเป็นเอ กลายเป็นคำบาลีว่า "เปม" แปลว่า "ความรัก" แล้วแปลงเป็นอิยะ เป็น "ปิยมา" มีวนฺตุเป็นปัจจัย รวมเป็นคำว่า "ปิยมาวดี" (บาลี: ปิยมาวตี) ส่วนสร้อยพระนาม "ศรีพัชรินทรมาตา" มาจากพระนามของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับคำว่ามาตา แปลว่าแม่ รวมกันมีความหมายว่า "พระราชชนนีของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง"[21]

Remove ads

พระบุตร

สรุป
มุมมอง
Thumb
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช และเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมในฐานะขรัวยาย

เข้าถวายตัวเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระชนนีในพระราชโอรส พระราชธิดา จำนวน 6 พระองค์ คือ

  1. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย (22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2416) มีพระโอรสหนึ่งองค์
  2. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401 – 28 มิถุนายน พ.ศ. 2466) ต่อมาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ มีพระโอรส-ธิดา 40 พระองค์ เป็นพระปัยกาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
  3. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 – 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชธิดาหนึ่งพระองค์
  4. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (10 กันยายน พ.ศ. 2405 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรส-ธิดา 8 พระองค์ รวมถึงเป็นสมเด็จพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นสมเด็จพระปัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
  5. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (1 มกราคม พ.ศ. 2407 – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462) มีพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรส-ธิดา 14 พระองค์ เป็นพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงเป็นพระอัยยิกาฝ่ายพระชนกในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
  6. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ (22 ธันวาคม พ.ศ. 2408 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478) ต่อมาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ มีพระโอรส-ธิดา 36 พระองค์ หนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
Remove ads

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • 5 มีนาคม พ.ศ. 2381 – ไม่ทราบปี : เปี่ยม
  • ไม่ทราบปี – 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 : เจ้าจอมเปี่ยม ในรัชกาลที่ 4
  • 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2399 – 20 กันยายน พ.ศ. 2428 : เจ้าจอมมารดาเปี่ยม ในรัชกาลที่ 4
  • 20 กันยายน พ.ศ. 2428 – 13 เมษายน พ.ศ. 2447 : เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม
  • 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 : เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม[22]
  • 1 เมษายน พ.ศ. 2466 : สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads