คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
พรรครวมไทยสร้างชาติ
พรรคการเมืองไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พรรครวมไทยสร้างชาติ (อังกฤษ: United Thai Nation Party; ย่อ: รทสช.) เป็นพรรคการเมืองไทยที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นโดยเสกสกล อัตถาวงศ์ ในปี พ.ศ. 2564 โดยนำชื่อมาจากวลีที่คิดขึ้นโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันมีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค และมีเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค
Remove ads
รายชื่อนายกรัฐมนตรี
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ช่วงก่อตั้งพรรค
พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองไทยที่จดทะเบียนก่อตั้งเป็นลำดับที่ 5/2564 เมื่อวันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 มีที่ทำการพรรคแห่งแรกอยู่ที่ 169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร[3] มีเสกสกล อัตถาวงศ์ เป็นผู้ก่อตั้ง[4] โดยส่งทีมงานของตนไปจดทะเบียนชื่อกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำชื่อไปใช้ เนื่องจากชื่อพรรคเป็นวลีที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งชื่อขึ้นด้วยตนเอง[5] และประกาศเป็นชื่อภารกิจในการฟื้นฟูประเทศของตนหลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทยในระลอกแรกได้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563[6] รวมถึงมักใช้เป็นแฮชแท็กท้ายโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตน และปรากฏอยู่ในชื่อกิจกรรมที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐบาลในขณะนั้นอีกด้วย[7]
ต่อมา พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ ตราสัญลักษณ์ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ (มาอยู่ที่ 35/3 ซอยอารีย์ 5 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร) และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารของพรรคชุดใหม่จำนวน 9 คน ประกอบด้วยพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค, ปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค, เกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารอื่น ประกอบด้วย ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง, วิทยา แก้วภราดัย, ชื่นชอบ คงอุดม, วิสุทธิ์ ธรรมเพชร และเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ โดยพีระพันธุ์ได้กล่าวปราศรัยในการประชุมใหญ่เกี่ยวกับทิศทางการทำงานของพรรคซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้มีอุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองแบบเดียวกัน และชูวิสัยทัศน์ที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในสังคม[8]
การเข้าร่วมพรรคของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 เกิดความขัดแย้งระหว่างพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเมื่อครั้งได้รับเสนอชื่อในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ กับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ[9] จนกระทั่งพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพลเอกประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2566[10] ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 พลเอกประยุทธ์จึงกล่าวกับสื่อมวลชนว่าตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และพร้อมรับการเสนอชื่อจากสมาชิกพรรคดังกล่าวเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ในการเลือกตั้งครั้งเดียวกัน[11] ต่อมา เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งขณะนั้นได้ย้ายไปก่อตั้งและเป็นหัวหน้าพรรคเทิดไท ได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค และกลับมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ[12]
พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 ในชื่อ "รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ" ในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566 ณ โถงนิทรรศการ 1 และ 2 ชั้น G ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลเคยใช้จัดการประชุมเอเปค 2022 จนประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้[13][14][15][16] โดยส่วนหนึ่งได้มีนักการเมืองที่เคยสังกัดพรรคการเมืองต่าง ๆ เช่น พรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคพลังท้องถิ่นไท เป็นต้น เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย[17] ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ได้สมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพของพรรค และได้กล่าววิสัยทัศน์ต่อหน้าสมาชิกพร้อมด้วยผู้สนับสนุนพรรค[18] เขากล่าวถึงนโยบายของพรรค ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมาย ลดค่าครองชีพของประชาชน และเสริมสร้างความสามัคคีภายในชาติ[19]
มีนักการเมืองและบุคคลมีชื่อเสียงเปิดตัวและสมัครสมาชิกพรรค เช่น ชัชวาลล์ คงอุดม,[20] เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์,[21][22], ธนกร วังบุญคงชนะ[23][24], อนุชา บูรพชัยศรี[25], สุชาติ ชมกลิ่น[26], ไตรรงค์ สุวรรณคีรี, ชุมพล กาญจนะ[27], เสกสรร ชัยเจริญ[28][29], ทิพานัน ศิริชนะ, มินทร์ ลักษิตานนท์, ศุข ศักดิ์ณรงค์เดช[30], รังสิมา รอดรัศมี , ยศวริศ ชูกล่อม[31], พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล[32] อนุชา นาคาศัย[33] ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์[34] และนิโรธ สุนทรเลขา[35] อนึ่ง ส.ส. บางส่วนได้ลาออกเพื่อมาสมัครสมาชิกกับ รทสช. ด้วย
เวลาต่อมา บุญญาพร นาตะธนภัทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ ซึ่งถูกขับจากพรรครวมแผ่นดินมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยถือว่าเป็น ส.ส. คนแรกของพรรคที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร โดยเข้ามาพร้อมกับกุสุมาลวตี ศิริโกมุท และพิพิธ รัตนรักษ์[36] หลังจากนั้น สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ได้ตัดสินใจย้ายมาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ บุตรสาวซึ่งเป็น ส.ส. คนเดียวของพรรคพลเมืองไทยด้วย ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติมี ส.ส. ทั้งสิ้น 2 คน[37]
ในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคโดยมีพลเอกประยุทธ์เข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมได้แต่งตั้งให้พลเอกประยุทธ์ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม[38] วันที่ 1 มีนาคม พรรคได้จัดงานทำบุญพรรคและเปิดตัวสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ อาทิ ไพโรจน์ ตันบรรจง, วัฒนา สิทธิวัง, วัชระ ยาวอหะซัน, สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล, เจือ ราชสีห์, ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข, ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, ชุมพล จุลใส และสุพล จุลใส และสินธพ แก้วพิจิตร[39] ก่อนหน้านั้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ได้มีการเปิดตัวสมาชิกพรรคอาทิ พลตรีนายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา, พันตำรวจโท ฐนภัทร กิตติวงศา, ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์, รณเทพ อนุวัฒน์ และสาธิต อุ๋ยตระกูล[40] ในวันที่ 16 มีนาคม ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส. อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ ได้จัดแถลงข่าวที่รัฐสภาประกาศว่าหลังจากมีการประกาศยุบสภาแล้วจะลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อชาติเพื่อย้ายมาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ[41] ต่อมาในวันที่ 20 มีนาคม เกรียงไกร จงเจริญ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขตบางแค[42] ได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ[43] และในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติได้เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วยที่ปรึกษา เพื่อรองรับการเลือกตั้ง โดยมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคือหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยในขณะนั้น และมีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ[44]
ต่อมาในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2566 ที่โถงนิทรรศการ 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค[45] จากนั้นได้ทำการเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตทั้ง 400 คน และเปิดตัวพลเอกประยุทธ์ในฐานะผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคในลำดับที่ 1 ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ยังประกาศให้พีระพันธุ์เป็นผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคในลำดับที่ 2 เพื่อรองรับในกรณีที่พลเอกประยุทธ์ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะหมดวาระและต้องพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2568[46] ส่งผลให้ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคจำนวน 2 คน[47]
จากนั้นในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติได้แต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคจำนวน 4 คน ประกอบด้วย สุชาติ ชมกลิ่น, ธนกร วังบุญคงชนะ, อนุชา บูรพชัยศรี และเสกสกล อัตถาวงศ์ โดยมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566[48]
ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งแล้ว ในวันที่ 30 มิถุนายน พรรครวมไทยสร้างชาติได้เปิดตัวทีมโฆษกพรรคชุดแรก ซึ่งเน้นที่กลุ่มบุคคลรุ่นใหม่ของพรรคเป็นหลัก ประกอบด้วย อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เป็นโฆษกพรรค, ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา, พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ และ รัดเกล้า สุวรรณคีรี เป็นรองโฆษกพรรค โดยมีที่ปรึกษาทีมโฆษกคือเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ , ธนกร วังบุญคงชนะ และ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ[49] และในวันเดียวกัน พีระพันธุ์ซึ่งเป็นว่าที่ สส. บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ได้ลาออกจาก สส. เพื่อความสะดวกในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง[50] ส่งผลให้อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้สมัคร สส. บัญชีรายชื่อลำดับที่ 14 ของพรรค ได้รับการเลื่อนลำดับขึ้นเป็นว่าที่ สส. แทน[51]
การลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ และบุคคลอื่น ๆ
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม เฟซบุ๊กของพรรคได้ออกแถลงการณ์ของพลเอกประยุทธ์ โดยระบุว่าขอประกาศวางมือทางการเมืองและลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้พ้นจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรคไปโดยปริยาย[52] จากนั้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม เสกสกลซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีผลทันที ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไปโดยปริยาย[53] และต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ชินภัสร์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากเห็นว่าพรรคยังทำงานแบบเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบภายใน โดยมีผลทันที ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรคไปโดยปริยาย[54]
Remove ads
บุคลากร
หัวหน้าพรรค
ลำดับ | รูป | ชื่อ | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | ![]() | ว่าที่ร้อยโท ไกรภพ นครชัยกุล | 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 | 7 มีนาคม พ.ศ. 2565 |
- | ![]() | ประจง ประสานฉ่ำ (รักษาการ) | 7 มีนาคม พ.ศ. 2565 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 |
2 | ![]() | ธัญย์ธรณ์เทพ แย้มอุทัย | 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 | 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 |
- | ![]() | ธนดี หงษ์รัตนอุทัย (รักษาการ) | 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 |
3 | ![]() | พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 | ปัจจุบัน |
เลขาธิการพรรค
ลำดับ | รูป | ชื่อ | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
- | ![]() | วาสนา คำประเทือง (รักษาการ) | 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 |
- | ![]() | ธนดี หงษ์รัตนอุทัย (หัวหน้าพรรค รักษาการแทน) | 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 |
1 | ![]() | เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 | ปัจจุบัน |
บุคลากรพรรคในปัจจุบัน
กรรมการบริหารพรรค
ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค
บุคลากรพรรคในอดีต
คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง
การเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งทั่วไป
ข้อวิจารณ์
สรุป
มุมมอง
การลงคลิป
ก่อนการเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติได้เผยแพร่วีดีโอของทางพรรค ซึ่งมีเนื้อหาเสียดสีนโยบายพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ในส่วนของเนื้อหานั้นประกอบด้วย อนุสาวรีย์ประธิปไตยที่ถูกปิดด้วยแผ่นผ้าประท้วง ลูกชายต่อว่ามารดาว่าทำไมไม่โหวตเลือกอาหารที่จะทาน ลูกสาวที่กลายเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ และข้าศึกประชิดชายแดนที่ไร้การป้องกัน เพราะยกเลิกเกณฑ์ทหาร โดยทางพรรคอธิบายถึงเหตุผลการผลิตและเผยแพร่คลิปนี้ว่า หลายฉากในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นจริง ซึ่งถูกวิพากย์วิจารณ์ว่าเป็นการปลุกเร้าให้เกิดความเกลียดแบบสุดขั้ว และสะท้อนช่วงเวลาของความสิ้นหวัง และหากทางพรรคยังใช้การเมืองแห่งอารมณ์เหมือนการปล่อยคลิปดังกล่าวอีก จะเป็นวิธีการที่ล้าหลังและสุ่มเสี่ยงมากในระยะยาว ในประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์การแบ่งขั้วมายาวนาน เพราสื่อว่า ต้องแตกหักกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีสำหรับสังคมประชาธิปไตยที่อยากจะหาวิธีการอยู่กันอย่างสันติ[55]
คำร้องคัดค้านการเป็น สส.
15 มิถุนายน พ.ศ. 2566 มีเอกสารที่นำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ประกาศผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ครั้งที่ 1 ปรากฏว่ามี ว่าที่ ส.ส. ที่ประกาศผลรับรอง 329 คน ขณะที่มี 71 เขต ที่มีเรื่องร้องคัดค้าน มีรายงานว่า เอกสารดังกล่าวอาจเป็นเอกสารสรุปของฝ่ายปฏิบัติการ แจ้งเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ที่ยังไม่ได้นำเสนอต่อที่ประชุม กกต.[56] โดยพรรครวมไทยสร้างชาติถูกร้องคัดค้านทั้งสิ้น 3 คน ดังนี้
แต่ถึงกระนั้น กกต. ก็ประกาศรับรอง สส. ทั้ง 500 คนก่อน โดยได้ชี้แจงว่าจะดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง
การแยกตัวของสมาชิกพรรค
สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ มีแผนจะนำ สส.ในคณะของตนเอง รวมกับ สส.ในคณะของ พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ย้ายไปอยู่ พรรคโอกาสใหม่ โดยกล่าวว่าไม่ได้มีการทะเลาะกันในพรรค แต่ทางการเมืองมีทั้งคนเข้าและคนออก วันนี้ต้องมาพูดเรื่องย้ายพรรค นักการเมืองทุกคนต้องเตรียมพร้อมทุกวินาทีทุกเรื่อง[57] โดยมีการนัดทานมื้อเย็นกับ สส. ในพรรค รวม 23 คน ในวันเดียวกับที่แถลงความประสงค์จะย้ายพรรค ทว่าเวลาต่อมาได้มี สส. บางคนที่อยู่ในงานดังกล่าวออกมาปฏิเสธถึงการย้ายพรรค โดยตนเองยังต้องการอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป[58]
ต่อมาพรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรคเพิ่มเติมในเรื่องการสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรค โดยระบุเพิ่มเติมไว้ว่า
(5) คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะกระทำผิดวินัยหรือมาตรฐานทางจริยธรรมหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคการเมืองตามข้อ 55 หรือกระทำความผิดกฎหมายร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น
(6) ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นหรือสนับสนุนผู้สมัครในตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ที่ไม่ใช่ของพรรคการเมือง
(7) กระทำการใดที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือความเป็นเอกภาพในพรรคการเมือง หรือการบริหารพรรคการเมือง รวมทั้งสนับสนุนหรือส่งเสริมการกระทำเช่นว่านั้น
ข้อบังคับดังกล่าวที่เพิ่มมา ถูกตั้งไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ สส.พรรค มีความประสงค์จะให้พรรคขับออก เพื่อย้ายไปสังกัดพรรคอื่น โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่เห็นชอบ คือเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568[59]
ทว่าความขัดแย้งก็ไม่ได้ทุเลาลง โดยสุชาติได้ทำหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคใหม่ พร้อมกับแนบรายชื่อและลายมือชื่อ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 21 คน[60] ต่อมา วิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร ได้แถลงว่าตน, สุพล จุลใส, และ สันต์ แซ่ตั้ง ไม่เคยลงชื่อในหนังสือนั้น[61] ทำให้ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลอมแปลงลายเซนต์หรือไม่ นอกจากนี้ เนื้อความในเอกสารก็เขียนว่ารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ และลงชื่อโดย สุชาติ ชมกลิ่น ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ซึ่งสุชาติก็เป็นรัฐมนตรีของพรรคเช่นกัน ตนไม่ทราบว่าสุชาติได้ลงนามหรือไม่ หากลงนามจริงก็เท่ากับเป็นการว่าตัวเอง[62]
Remove ads
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads