คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ประวิตร วงษ์สุวรรณ

อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวิตร วงษ์สุวรรณ
Remove ads

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ชื่อเกิด ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ[1]; เกิด 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ชื่อเล่น ป้อม เป็นทหารบกและนักการเมืองชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด อดีตผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์[2] ได้ชื่อว่าเป็น "พี่ใหญ่" ของกลุ่มแยกบูรพาพยัคฆ์และกลุ่ม 3 ป.

ข้อมูลเบื้องต้น รักษาการนายกรัฐมนตรี, กษัตริย์ ...
Remove ads

ชีวิตและการงาน

สรุป
มุมมอง

ชีวิตช่วงต้นและการรับราชการทหาร

Thumb
ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เดอะเพนตากอน ณ วอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ พ.ศ. 2561

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ที่จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนโตของ พล.ต. ประเสริฐ กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ

  1. พล.ร.อ. ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ
  2. พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
  3. พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลทีโอที
  4. พันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ[3]

สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปี พ.ศ. 2505 จากนั้นในปี พ.ศ. 2508 ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และศึกษาต่อ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2512 ในปี พ.ศ. 2521 เข้าศึกษาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี พ.ศ. 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 ในปี พ.ศ. 2556

เขาถือได้ว่าเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือคนส่วนใหญ่ที่เรียกกันว่า "ทหารเสือราชินี" ถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบก 2 นาย คือ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

งานการเมือง

พล.อ. ประวิตรเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2551 ปีต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ประจำกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 98/2552

ปลาย พ.ศ. 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายาว่า "ป้อมทะลุเป้า" สืบเนื่องจากผลงานด้านความมั่นคงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่าง ๆ ที่ถูกครหา[4] ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

เขาเป็นที่ทราบกันว่าเป็น "พี่ใหญ่" ของกลุ่มทหารที่เรียกลำลองกันว่า"บูรพาพยัคฆ์" ซึ่งหมายถึงทหารที่เริ่มต้นรับราชการจาก กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี 2551 จนถึง 2554 กล่าวว่าตลอดอาชีพของประวิตร เขาให้คำปรึกษาแก่ พล.อ. ประยุทธ์ และช่วยให้เขาได้เลื่อนขั้น

หลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา[5] เขายังเป็นประธานคณะกรรมการอีกกว่า 50 คณะ[6]

ต่อมาในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พล.อ. ประวิตรได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค[7]

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 พล.อ. ประวิตรเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พล.อ. ประยุทธ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่ นับเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 11 ที่ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 เกิดความขัดแย้งระหว่าง พล.อ. ประวิตร และ พล.อ. ประยุทธ์ในพรรคพลังประชารัฐ[8] ไม่นานหลังจากนั้นพรรคมีการปรับภาพลักษณ์ของ พล.อ. ประวิตรให้เป็นนายทหารประชาธิปไตย เข้าถึงได้กับทุกกลุ่ม[9] เดือนมกราคมปีถัดมา พล.อ. ประยุทธ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ[10] ขณะเดียวกันพล.อ. ประวิตรกล่าวว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี และระบุว่าตนยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพล.อ. ประยุทธ์ และพล.อ. อนุพงษ์ในฐานะพี่น้อง แม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันก็ตาม[11]

เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 พล.อ. ประวิตรได้พบกับภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หนึ่งในแกนนำกลุ่มราษฎร เขากล่าวกับเธอว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก[12] เดือนถัดมาเขาสมัครเป็น ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไทยเพียงคนเดียวของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. สมัยแรก และเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อคนเดียวของ พปชร.

Remove ads

รับราชการทหาร

สรุป
มุมมอง
  • พ.ศ. 2512 : ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 3
  • พ.ศ. 2514 : ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงหนัก กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2517 : ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2519 : นายทหารยุทธการและการฝึก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2520 : ประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
  • พ.ศ. 2522 : นายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2523 : รองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2524 : ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2527 : ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2529 : รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2532 : ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2536 : รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2539 : ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • พ.ศ. 2540 : รองแม่ทัพภาคที่ 1
  • พ.ศ. 2541 : แม่ทัพน้อยที่ 1
  • พ.ศ. 2543 : ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก
  • พ.ศ. 2544 : ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
  • พ.ศ. 2545 : แม่ทัพภาคที่ 1
  • พ.ศ. 2546 : ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
  • 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 – 30 กันยายน พ.ศ. 2548 : ผู้บัญชาการทหารบก
  • 11 ตุลาคม พ.ศ. 2549 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2550 : สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ประเทศไทย) พ.ศ. 2549
  • 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  • 2 เมษายน พ.ศ. 2553 : ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย[13]
  • 7 เมษายน พ.ศ. 2553 : รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553 : ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

ใน พ.ศ. 2554 ได้รับตำแหน่งเป็นคณะดำเนินคดี ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรณีประเทศกัมพูชาฟ้องร้องประเทศไทย[14]

ใน พ.ศ. 2558 เขาเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 12 คณะกรรมการ

  • 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 รักษาการนายกรัฐมนตรี

ราชการสงคราม

ในปี พ.ศ. 2513 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในยศ"ร้อยตรี"ขณะนั้น ได้อาสาสมัครไปราชการสงคราม ณ สาธารณรัฐเวียดนาม ในหน่วยกองพลทหารอาสาสมัคร ในตำแหน่งผู้บังคับหมวดสื่อสาร กรมทหารราบที่ 2 กองพลทหารอาสาสมัคร[15]

Remove ads

กรณีอื้อฉาว

สรุป
มุมมอง

กรณีไม่เปิดเผยนาฬิกาหรู

การยกมือขึ้นบังแดดของพลเอกประวิตร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างรอถ่ายรูปกับคณะรัฐมนตรีใหม่ "ประยุทธ์ 1/5" เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่าเหตุใด นาฬิกาเรือนโตยี่ห้อริชาร์ดมิลล์ (Richard Mille) จำนวน 9 เรือน จึงไม่ปรากฏอยู่ในประเภท "ทรัพย์สินอื่น" ที่มีราคามากกว่าสองแสนบาท ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ของพล.อ. ประวิตร เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อปี พ.ศ. 2557[16]

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเอกสารแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.อ. ประวิตร ที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557 นั้น พบว่าพล.อ. ประวิตร มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 87,373,757.62 บาท ประกอบไปด้วย

  1. เงินในบัญชี 53 ล้านบาท
  2. เงินลงทุน 7 ล้านบาท
  3. ที่ดิน 17 ล้านบาท
  4. โรงเรือน และสิ่งปลูกสร้าง 10 ล้านบาท

และรถฟ็อลคส์วาเกิน (Volkswagen) ครอบครองปี พ.ศ. 2543 และไม่พบว่ามีการยื่นชี้แจงในส่วนของบัญชีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีมูลค่าเกิน 2 แสนบาทไว้ โดยคาดว่านาฬิกาประดับข้อมือของพล.อ. ประวิตร น่าจะเป็นยี่ห้อริชาร์ดมิลล์ (Richard Mille) รุ่น RM 029 ตัวเรือนทำด้วยแพลทินัม ส่วนสายเป็นยางอย่างดี มีจุดเด่นอยู่ตรงตัวเลขวันที่ขนาดใหญ่ สนนราคา 111,492.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.6 ล้านบาท ขณะที่แหวนเพชรก็น่าจะอยู่ที่ราว 5 กะรัตขึ้นไป โดยมูลค่าในตลาดของเพชรเริ่มต้นที่ 4–7 ล้านบาท[17]

สื่อมวลชนได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่กล้าปลด พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า เนื่องจากเขาเป็นมือประสานสิบทิศรู้จักคนในวงการนักการเมืองและทหารตำรวจอย่างกว้างขวาง[18]

กรณีฮาวาย

เมื่อปี พ.ศ. 2559 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปฮาวาย ระหว่าง 29 กันยายน – 2 ตุลาคม ณ รัฐฮาวาย สหรัฐ เครื่องบิน โบอิง 747-400 โดยใช้เงิน จำนวน 20,953,800 ล้าน[19]บาท ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินความจำเป็น[20][21] ในปี พ.ศ. 2561 ปปช. ไม่รับไต่สวนกรณีเหมาลำฮาวาย ระบุไม่พบการกระทำใดที่ผิดราชการ จึงมีมติไม่รับไว้พิจารณา[22][23]

กรณีตบศีรษะนักข่าว

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะเดินทางไปงานเลี้ยงฉลองนักกีฬาโอลิมปิก ได้แสดงท่าทีฉุนเฉียวต่อนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ได้ถามเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันเดียวกัน จนตบศีรษะที่นักข่าว ต่อมา องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการคุกคามนักข่าว และเรียกร้องให้พล.อ. ประวิตรรับผิดชอบ[24] รวมทั้งสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เตรียมยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรงแก่ พล.อ. ประวิตร[25] ต่อมา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. และโฆษกพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าตนเตรียมนำประเด็นดังกล่าวหารือที่ประชุมในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567[26]

การไม่มาประชุมสภาผู้แทนราษฎร

หลังพลเอก ประวิตร ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เขาไม่มาประชุมสภาดังกล่าวเกือบ 90% โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ถึงกันยายน 2567 เขาไม่มาประชุม 84 จาก 95 ครั้ง[27]

จากพฤติกรรมดังกล่าวรวมถึงความเกี่ยวข้องกับกรณีไร่ภูนับดาว ส่งผลให้สื่อมวลชนรัฐสภาตั้งฉายาให้เขาเป็น "ดาวดับ" ร่วมกับธิษะณา ชุณหะวัณ จากพรรคประชาชน[28]

กรณีอื่น ๆ

พล.อ. ประวิตร แสดงความคิดเห็นภายหลังเหตุเรือล่มในจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2561 ว่า "คนจีนเป็นเป็นคนนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เขาทำของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เราจะให้ไปเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร" ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ[29]

หลังเหตุการณ์โจมตีโรงแรมที่ไนโรบี พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการโจมตีโรงแรมดุสิตดีทูในเครือดุสิตธานีโดยกลุ่มติดอาวุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ประวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า มูลเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มติดอาวุธโจมตีนั้นอาจเกิดจากการที่อาหารในโรงแรมอร่อย ส่งผลให้มีผู้ไม่พอใจในความคิดเห็นดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ[30]

Remove ads

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่าง ๆ[31] ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

ต่างประเทศ

  •  เวียดนามใต้ :
    • พ.ศ. 2513 – ซิฟเวิลแอคเชิน ยูนิท ไซเทเชิน[39]
    • พ.ศ. 2513 – เหรียญรณรงค์เวียดนาม[39]
  •  สหรัฐ :
    • พ.ศ. 2513 – เหรียญคอมเมนเดชัน (ทหารบก)[39]
  •  สิงคโปร์ :
    • พ.ศ. 2548 – เหรียญปิงกัต จาซา เกมิลัง (เท็นเทรา)[40]
  •  ลาว :
    • พ.ศ. 2553 – เหรียญชัยมิตรภาพ[41]
Remove ads

ดูเพิ่ม

เชิงอรรถ

  1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยุติปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2565 ตามมติของศาลรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นรักษาการแทน

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads