คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย

ทีมฟุตบอลตัวแทนของประเทศมาเลเซีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย
Remove ads

ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย (มลายู: Pasukan bola sepak kebangsaan Malaysia) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนจากประเทศมาเลเซียในการแข่งขันระหว่างประเทศ อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย ได้รับการรับรองสถานะจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติใน ค.ศ. 1963 โดยก่อตั้งขึ้นหนึ่งเดือนก่อนการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียเพื่อเป็นตัวแทนของฟุตบอลทีมชาติมาลายา ผู้ฝึกสอนคนปัจจุบันคือปีเตอร์ คลามอฟสกี และมีสนามเหย้าคือสนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล

ข้อมูลเบื้องต้น ฉายา, สมาคม ...

มาเลเซียเป็นหนึ่งใน 4 ชาติในสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียนที่ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน (อีก 3 ทีมคือไทย, เวียดนาม และสิงคโปร์) ทว่าพวกเขายังไม่เคยประสบความสำเร็จในการแข่งขันนอกภูมิภาคอาเซียน มีผลงานที่ดีที่สุดคือเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1974 และมีส่วนร่วมในโอลิมปิกฤดูร้อน 1 ครั้ง และเอเชียนคัพอีก 4 ครั้ง แต่ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่ม มาเลเซียมีผลงานโดดเด่นในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยกองหน้าอย่างมคตาร์ ดาฮารี ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในผู้เล่นชาวเอเชียที่ดีที่สุดตลอดกาล และมีสถานะเป็นตำนานของมาเลเซีย เขาถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทำประตูในนามทีมชาติมากที่สุด

มาเลเซียมีคู่แข่งในภูมิภาคได้แก่ อินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนาม และสิงคโปร์ โดยการแข่งขันกับอินโดนีเซียซึงเรียกว่า "Nusantara Derby" หรือ "ดาร์บีมลายู" ถือว่ามีความดุเดือดที่สุด เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรม ทีมชาติมาเลเซียมีฉายาคือ "Harimau Malaya" ซึ่งหมายถึงเสือโคร่งมลายู สัตว์ประจำชาติของประเทศ และกองเชียร์ของทีมมีชื่อเรียกว่า "Ultras Malaya" (อุลตร้ามาลายา)[6] ส่วนฉายาที่สื่อมวลชนในประเทศไทยเรียกคือ "ทีมเสือเหลือง"[7]

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
ทีมฟุตบอลของสหพันธรัฐมาลายา ชุดที่ชนะการแข่งขันถ้วยเมอร์เดกา ค.ศ. 1958 ในภาพยังปรากฏภาพของ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (คนกลางแถวล่าง) นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย

ทีมฟุตบอลแห่งสหพันธรัฐมลายา และต้นกำเนิดของมาเลเซีย

ก่อนจะมีการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียขึ้นในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963 บอร์เนียวเหนือ (ปัจจุบันคือ รัฐซาบะฮ์) รัฐซาราวัก สหพันธรัฐมาลายา และสิงคโปร์ล้วนแต่มีทีมฟุตบอลเป็นของตนเอง รัฐมาลายาและสิงคโปร์มักมีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น เมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ (เกมกระชับมิตรที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันประกาศอิสรภาพมาเลเซีย) ในขณะที่บอร์เนียวเหนือและรัฐซาราวักมักลงแข่งขันในบอร์เนียวคัพ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาลายาคือการคว้าเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1962กรุงจาการ์ตา เอาชนะทีมชาติเวียดนามใต้ด้วยผลประตู 4–1 มีนักเตะตัวหลักคือ อับดุล กานี มินฮัต ซึ่งเป็นนักเตะชาวเอเชียคนแรกที่ทำครบ 50 ประตูในนามทีมชาติ[8]

จุดเริ่มต้นของฟุตบอลทีมชาติมาเลเซียเกิดขึ้นที่ สนามกีฬาเมอร์เดกา ในวันที่ 8 สิงหาคม 1963 ด้วยการรวมนักเตะจากทีมชาติสิงคโปร์ และ มาลายา ลงแข่งขันกับทีมชาติญี่ปุ่นและแพ้ด้วยผลประตู 3–4[9] ทีมชุดนั้นยังคงยึดแนวทางการใช้นักเตะจากสิงคโปร์และคาบสมุทรมลายู จนกระทั่งมีการก่อตั้ง "ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย" ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยสมาคมฟุตบอลสหพันธรัฐมาลายาก็ได้กลายเป็นสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย และการรวมผู้เล่นกับสิงคโปร์ได้สิ้นสุดลงภายหลังสิงคโปร์ได้แยกตัวจากมาเลเซียพร้อมกับจัดตั้งสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ซึ่งได้รับการรับรองโดยฟีฟ่าใน ค.ศ. 1965[10] นับตั้งแต่นั้น ทีมชาติมาเลเซียมักใช้ผู้เล่นจากมาเลเซียตะวันตก สาเหตุหลักมาจากความยากลำบากในการเดินทางไปมาเลเซียตะวันออกและยังไม่มีผู้เล่นที่เป็นที่รู้จักมากนัก และตั้งแต่ ค.ศ. 1966 ถึง 1970 โชว์ ชี คอง ได้รับเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียให้เป็นผู้รักษาประตูชาวเอเชียยอดเยี่ยม 5 สมัยติดต่อกัน

กีฬาโอลิมปิก และ เอเชียนคัพ

Thumb
การแข่งขันระหว่างมาเลเซีย และ เกาหลีใต้ในฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 รอบคัดเลือก วันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 1971

ใน ค.ศ. 1971 เจมส์ หว่อง เป็นผู้เล่นจากมาเลเซียตะวันออกคนแรกที่ได้เล่นให้ทีมชาติมาเลเซีย[11] มาเลเซียเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เอาชนะญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ และแม้พวกเขาจะเอาชนะสหรัฐ 2–0 พวกเขาแพ้ในนัดสองนัดถัดมาต่อ เยอรมนีตะวันตก (0–3) และ โมร็อกโก (0–6) จบอันดับสิบในการแข่งขัน และตั้งแต่ ค.ศ. 1972 มคตาร์ ดาฮารีได้กลายเป็นผู้เล่นระดับตำนานของมาเลเซียรวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้เล่นชาวเอเชียที่ดีทีสุด[12] เขาทำ 177 ประตูให้แก่สมาคมฟุตบอลเซอลาโงร์ และ 125 ประตูในนามทีมชาติมาเลเซีย (นับรวมทุกการแข่งขันและคู่แข่งทุกระดับ)[13] รวมถึง 89 ประตูจาก 142 นัดในการแข่งขันกับทีมชาติชุดใหญ่[14] ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชายที่ทำประตูในนามทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล[15]

Thumb
การป้องกันประตูโดย หว่อง กัม ฟุก ในนัดที่มาเลเซียพบเยอรมนีตะวันตก ในโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ที่เมืองมิวนิก 27 สิงหาคม ค.ศ. 1972

โซห์ ชิน แอน ยังสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้เล่นชายที่ลงเล่นให้ทีมชาติมากที่สุดในโลก โดยเป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงสนามในนามทีมชาติครบ 200 นัด ซึ่งยังเป็นสถิติสูงสุดถึงปัจจุบัน[16] ถัดมาใน ค.ศ. 1974 มาเลเซียคว้าเหรียญทองแดงเหรียญที่สองในเอเชียนเกมส์ 1974 เอาชนะเกาหลีเหนือ 2–1 และพวกเขาได้ร่วมแข่งขันเอเชียนคัพสองสมัยติดต่อกันใน ค.ศ. 1976 และ 1980 ในช่วงเวลานี้ สมาคมฟุตบอลมาเลเซียได้ส่งแมวมองเพื่อค้นหาผู้เล่นฝีเท้าดีเพิ่มเติมจากมาเลเซียตะวันออก[17] มาเลเซียชนะเลิศ เมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ สามสมัย, ได้รองชนะเลิศสี่สมัย และอันดับสามอีกสองสมัยในช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขามีส่วนร่วมในโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 ที่มอสโก สหภาพโซเวียต แต่รัฐบาลและสมาคมได้เข้าร่วมการคว่ำบาตร สืบเนื่องจากการต่อต้านสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน[18][19]

ฟุตบอลเอเชียนคัพ 1976 กลุ่มเอ

ข้อมูลเพิ่มเติม ทีม, จำนวนนัด ...

มาเลเซียร่วมการแข่งขันเอเชียนคัพสมัยแรกใน ค.ศ. 1976 ในกลุ่มเอ แต่พวกเขาจบอันดับสุดท้าย แพ้คูเวตในนัดเปิดสนาม 0–2 ตามด้วยการเสมอจีนในนัดที่สอง 1–1

ฟุตบอลเอเชียนคัพ 1980 กลุ่มบี

ข้อมูลเพิ่มเติม ทีม, จำนวนนัด ...

พวกเขาร่วมการแข่งขันเอเชียนคัพสมัยที่สองใน ค.ศ. 1980 อยู่ในกลุ่มบี เริ่มต้นด้วยการเสมอเกาหลีใต้ 1–1 ตามด้วยการแพ้คูเวต 1–3, ชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2–0 ปิดท้ายด้วยการเสมอกาตาร์ 1–1 จบอันดับสามในกลุ่ม

ต่อมาใน ค.ศ. 1994 วงการฟุตบอลมาเลเซียเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวในการติดสินบนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศ[20] และกีฬาฟุตบอลในประเทศเข้าสู่ยุคตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจและกระแสความสนใจในกีฬาฟุตบอลที่ลดน้อยลง ทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเหมือนในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 แม้จะมีการแต่งตั้งโกลด เลอรัว อดีตนักฟุตบอลชื่อดังชาวฝรั่งเศสเป็นผู้จัดการทีม อลัน แฮร์ริส ได้รับการแต่งตั้งในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งมาพร้อมกับประวัติการทำงานที่โดดเด่นจากการเป็นผู้ช่วย เทอร์รี เวนาเบิลส์ ที่สโมสรบาร์เซโลนา ต่อมาใน ค.ศ. 2004 เบอร์ตาลาน บิชเค ชาวฮังการีเข้ามาคุมทีมซึ่งพาทีมคว้าอันดับสามฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2004 ก่อนจะถูกลดบทบาทไปเป็นผู้ดูแลทีมเยาวชนจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเกมกระชับมิตรที่พบกับสิงคโปร์ในปีนังในวันที่ 8 มิถุนายน 2005 โดยบิชเคได้ขว้างขวดน้ำลงไปในสนามและมีการเผชิญหน้ากับผู้เล่นสิงคโปร์ ก่อนที่สัญญาของเขาจะหมดและได้แยกทางกับสมาคมในเดือนกันยายน[21]

Thumb
การแข่งขันกระชับมิตรระหว่างนิวซีแลนด์และมาเลเซีย (ชุดสีเหลือง) ณ เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ใน ค.ศ. 2006

นอริซาน บิน บาการ์ เข้ามาคุมทีมต่อ และพาทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2007 ก่อนจะแพ้การดวลจุดโทษสิงคโปร์ บาการ์ได้รับการวิจารณ์ในการคุมทีมจากผลงานย่ำแย่ในเอเชียนคัพ 2007 เมื่อมาเลเซียแพ้ต่อจีน 1–5, แพ้อุซเบกิสถาน 0–5 และแพ้อิหร่าน 0–2 ส่งผลให้เขาถูกปลด บี. ซาเธียนาธาน เข้ามาคุมทีมต่อ แม้จะพาทีมชนะเลิศเมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ มาเลเซียก็ยังล้มเหลวในการผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหลังจากแพ้บาห์เรนรวมผลประตูสองนัด 1–4 ในรอบคัดเลือก ต่อมาใน ค.ศ. 2008 มาเลเซียแพ้จุดโทษเวียดนามในรอบชิงชนะเลิศเมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ รวมทั้งเข้ารอบรองชนะเลิศรายการรอยัลชาเลนจ์ที่ประเทศพม่าแต่ก็แพ้พม่าเจ้าภาพไปอย่างเหนือความคาดหมาย 1–4[22]

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2008 มาเลเซียเริ่มต้นด้วยการชนะลาว 3–0 แต่แพ้เวียดนามในนัดที่สอง 2–3 และตกรอบอย่างเป็นทางการหลังจากแพ้ไทยในนัดสุดท้าย 0–3 ตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี รวมทั้งยังมีการร้องเรียนว่าได้เกิดเหตุการณ์การติดสินบนในประเทศอีกครั้ง[23] ต่อมาใน เอเชียนคัพ 2011 รอบคัดเลือก มาเลเซียแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 0–5 ทำให้ซาเธียนาธานถูกยกเลิกสัญญา[24] เค. ราจาโกปัล เข้ามารับตำแหน่งผู้ฝึกสอนใน ค.ศ. 2009 พร้อมทั้งควบตำแหน่งผู้ฝึกสอนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี[25] โดยนัดแรกของเขาคือการชนะซิมบับเว 4–0 ตามด้วยการแพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมกระชับมิตรสองนัด 2–3 และ 0–2 และพาทีมทีมชาติมาเลเซียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีคว้าเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ได้เป็นสมัยที่ห้าในซีเกมส์ 2009[26] และพาทีมชาติชุดใหญ่ผ่านเข้ารอบที่สองใน เอเชียนเกมส์ 2010[27]

ทศวรรษ 2010

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2010 ผู้เล่น 14 คนของมาเลเซียเป็นผู้เล่นในชุดอายุไม่เกิน 23 ปี พวกเขาอยู่ในกลุ่มเอและเริ่มต้นนัดแรกด้วยการแพ้อินโดนีเซีย 1–5 แต่กลับมาแก้ตัวด้วยการเสมอไทย และชนะลาว 5–1 เข้ารอบในฐานะทีมอันดับสองไปพบเวียดนามซึ่งเป็นผู้ชนะในกลุ่มบี พวกเขาเอาชนะได้ 2–0 ในเลกแรกที่มาเลเซีย[28] และบุกไปเสมอ 0–0 ที่เวียดนาม ผ่านเข้าชิงชนะเลิศพบกับคู่แข่งสำคัญอย่างอินโดนีเซีย โดยในเลกแรก มาเลเซียชนะในบ้านที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล 3–0 จากสองประตูของ ซาฟิอี ซาลี และหนึ่งประตูจาก อัชารี แซมซูดิน โดยในเกมหนี้มีผู้เข้าชมเต็มความจุสนามบูกิตจาลิลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปิดใช้สนามแห่งนี้ และในนัดที่สองที่จาการ์ตา มาเลเซียบุกไปแพ้ 1–2 แต่รวมผลประตูสองนัดชนะ 4–2 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรก

จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ความคาดหวังของทีมชาติมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้นตลอดทศวรรษ 2010 แม้ทีมจะยังไม่สามารถชนะเลิศการแข่งขันรายการสำคัญเพิ่มได้[29] ในเดือนมิถุนายน 2014 ดอลลาห์ ซัลเลห์ อดีตนักฟุตบอลมาเลเซียเข้ามารับตำแหน่งผู้ฝึกสอน และพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2014 แต่แพ้ไทยด้วยผลประตูรวมสองนัด 3–4 และยังมีผลงานย่ำแย่โดยการแพ้โอมาน และปาเลสไตน์ 0–6 ทั้งสองนัด, เสมอติมอร์-เลสเต 1–1 และแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 0–10 ถือเป็นการแพ้ด้วยผลประตูที่มากที่สุดในรอบ 50 ปีของมาเลเซีย ส่งผลให้ซัลเลห์ถูกปลด เนโล วินกาดา ชาวโปรตุเกสเข้ามาคุมทีมใน ค.ศ. 2017 พาทีมลงแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 แต่ทำผลงานย่ำแย่โดยตกรอบคัดเลือกดังกล่าวด้วยผลงานเสมอ 1 นัด และแพ้ไปถึง 5 นัด[30] ตัน เชง โฮ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากวินกาดาซึ่งลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และพาทีมลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2018 อยู่ในกลุ่มเอร่วมกับเวียดนาม, พม่า, กัมพูชา และลาว พวกเขาเริ่มต้นด้วยการชนะกัมพูชา 1–0 ตามด้วยการชนะลาว 3–1 แต่แพ้เวียดนาม 0–2 ปิดท้ายด้วยการชนะพม่า 3–0 เข้ารอบในฐานะทีมอันสองไปพบกับไทยผู้ชนะกลุ่มบีในรอบรองชนะเลิศ และเอาชนะไทยไปได้ด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังจากเสมอ 0–0 ที่บูกิตจาลิล และเสมอ 2–2 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ผ่านเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแต่แพ้เวียดนามด้วยผลประตูรวมสองนัด 2–3 ได้รองแชมป์เป็นครั้งที่สาม อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากการทำผลงานยอดเยี่ยมโดยใช้ผู้เล่นอายุน้อยหลายคนซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกำลังหลักในอนาคต[31]

2020–ปัจจุบัน

เอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 กลุ่มอี

ข้อมูลเพิ่มเติม ทีม, จำนวนนัด ...

มาเลเซียเอาชนะติมอร์-เลสเตในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 1 ไปอย่างง่ายดายด้วยผลประตูรวมสองนัด 12–2[32] และรอบที่ 2 พวกเขาอยู่ร่วมกับไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซียเริ่มต้นนัดแรกโดยชนะอินโดนีเซีย 3–2 ตามด้วยการแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1–2 แม้จะขึ้นนำไปก่อน[33] และบุกไปแพ้เวียดนามที่ฮานอย 0–1 แต่พวกเขายังมีลุ้นในการเข้ารอบจากการทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการชนะไทย 2–1[34] และชนะอินโดนีเซีย 2–0 แต่พวกเขาแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (0–4) และเวียดนาม (1–2) ในสองนัดต่อมา ตกรอบอย่างเป็นทางการแม้จะบุกไปชนะไทย 1–0 แต่พวกเขายังได้สิทธิ์แข่งขันเอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก[35]

มาเลเซียตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 โดยแม้จะเริ่มต้นด้วยการชนะกัมพูชา (3–1) และ ลาว (4–0) แต่พวกเขาแพ้เวียดนาม (0–3) และอินโดนีเซีย (1–4) ในสองนัดสุดท้าย[36] ตัน เชง โฮ ได้ยุติบทบาทการเป็นผู้ฝึกสอน[37] คิม พัน-กน เข้ามารับตำแหน่งต่อ และมาเลเซียสามารถผ่านไปเล่นในเอเชียนคัพ 2023 ได้สำเร็จ ด้วยผลงานชนะสองนัดและแพ้หนึ่งนัดในการแข่งขันรอบคัดเลือก – รอบที่ 3 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันรอบสุดท้ายนับตั้งแต่พวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมในปี 2007 ต่อมา มาเลเซียร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจบด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศจากการเอาชนะจุดโทษทีมชาติไทยในนัดแรก ก่อนจะแพ้จุดโทษทาจิกิสถานในนัดชิงชนะเลิศ

ในช่วงปลายปี 2022 มาเลเซียลงแข่งกระชับมิตร 2 นัดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2022 เอาชนะกัมพูชา (4–0)[38] และมัลดีฟส์ (3–0)[39] และในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน มาเลเซียประเดิมด้วยการชนะพม่า 1–0[40] และชนะลาวในนัดต่อมา 5–0 ก่อนจะแพ้เวียดนาม 0–3 ปิดท้ายด้วยการชนะสิงคโปร์ 4–1 เข้ารอบเป็นอันดับ 2 แต่แพ้ไทยด้วยผลรวมสองนัด 1–3 แม้จะเอาชนะในนัดแรกได้ 1–0 ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล[41] แต่อันดับโลกของพวกเขายังขยับขึ้นไปที่อันดับ 145[42] ต่อมา มาเลเซียเอาชนะเติร์กเมนิสถาน[43] และฮ่องกง[44] ในเกมกระชับมิตรเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ต่อมาในเดือนมิถุนายน มาเลเซียชนะหมู่เกาะโซโลมอน 4–1 ตามด้วยการเอาชนะปาปัวนิวกินี 10–0 เป็นสถิติการเอาชนะคู่แข่งที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของมาเลเซีย อันดับโลกของพวกเขาขึ้นสู่อันดับ 137 และเป็นอันดับ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลังฟิลิปปินส์ (135), ไทย (113), และเวียดนาม (95) โดยนี่เป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขาในรอบ 17 ปี[45] ในเดือนกันยายน มาเลเซียลงแข่งขัน 2 นัดที่เฉิงตู ในนัดแรกพวกเขาตีเสมอซีเรีย 2–2 แม้จะตามหลังไปก่อน 0–2 ตามด้วยการเสมอจีน 1–1 ต่อมา พวกเขาลงแข่งขันถ้วยเมอร์เดกาหลังจากไม่มีส่วนร่วมมา 10 ปี เอาชนะอินเดียในรอบรองชนะเลิศ 4–2 แต่แพ้ทาจิกิสถานในรอบชิงชนะเลิศ 0–2

ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2023 มาเลเซียตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยแพ้จอร์แดนในนัดแรก 0–4 และแพ้บาห์เรน 0–1 ซึ่งพวกเขาเสียประตูในนาทีสุดท้าย แต่มาเลเซียอำลาการแข่งขันด้วยการมีผลงานที่ดีในนัดสุดท้ายจากการเสมอเกาหลีใต้ 3–3 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การแข่งขันปี 1980 ที่พวกเขามีคะแนนในรายการนี้ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 2 มาเลเซียตกรอบจากผลงานชนะ 3 นัด, เสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด มี 10 คะแนน แม้พวกเขาจะเก็บ 6 คะแนนเต็มใน 2 นัดแรกที่พบกับคีร์กีซสถาน และจีนไทเป แต่การบุกแพ้ไปโอมานที่มัสกัต 0–2 และกลับมาแพ้ในบ้านด้วยสกอร์เดียวกันทำให้อันดับพวกเขาตกลง และในนัดที่ 5 มาเลเซียเสมอคีร์กีซสถาน 1–1 ทำให้ต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย แม้พวกเขาจะชนะไทเป 3–1 แต่คู่แข่งที่ลุ้นเข้ารอบด้วยกันอย่างคีร์กีซสถานเก็บคะแนนได้จากการเสมอโอมาน ทำให้มาเลเซียตกรอบโดยเป็นรองอันดับ 2 เพียงหนึ่งคะแนน และคิมลาออกจากการเป็นผู้ฝึกสอน แต่มาเลเซียยังได้สิทธิ์แข่งขันเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก[46]

มาเลเซียกลับมาชนะเลิศการแข่งขันเมอร์เดกาคัพ หลังจากชนะฟิลิปปินส์และเลบานอนตามลำดับ ตามด้วยการลงแข่งขันกระชับมิตร 3 นัด โดยแพ้นิวซีแลนด์ 0–4, ชนะลาว 3–1 และเสมออินเดีย 1–1 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2024 ต่อมา มาเลเซียอยู่ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 กลุ่มเอ มาเลเซียเสมอกัมพูชาในนัดแรก 2–2 และเอาชนะติมอร์-เลสเตในนัดต่อมา 3–2 ตามด้วยการแพ้ไทย 0–1 และตกรอบแบ่งกลุ่มจากการเสมอสิงคโปร์ในนัดสุดท้าย 0–0

มาเลเซียแต่งตั้งผู้ฝึกสอนคนใหม่คือ ปีเตอร์ คลามอฟสกี ชาวออสเตรเลียเชื้อสายมาซิโดเนีย[47] มีกำหนดเริ่มงานในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2025 เพื่อเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3

Remove ads

สนามแข่ง

มาเลเซียใช้สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิลเป็นสนามเหย้า มีความจุกว่า 87,411 ที่นั่ง[48] ถือเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับแปดของโลก ก่อนหน้านี้มาเลเซียเคยใช้สนามกีฬาเมอร์เดกาเป็นสนามหลัก สนามเหย้าอื่น ๆ ในปัจจุบันได้แก่ สนามกีฬากัวลาลัมเปอร์

ข้อมูลเพิ่มเติม สนามเหย้าของทีมชาติมาเลเซีย, สนาม ...
Remove ads

ผู้สนับสนุน

Thumb
กลุ่มอุลตร้า มาลายา ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2014

กองเชียร์ของทีมชาติมาเลเซียมีชื่อเรียกว่า อุลตร้า มาลายา พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความคลั่งไคล้และการสนับสนุนทีมชาติ ในการแข่งขันระดับนานาชาติทุกนัดที่ทีมชาติลงเล่น จะพบกลุ่มอุลตร้าในกลุ่มที่ยืนอยู่บริเวณกองเชียร์ สีหลักของกองเชียร์เหล่านี้มักจะเป็นสีดำพร้อมผ้าพันคอสีเหลืองและแบนเนอร์เหมือนกับสีชุดทีมชาติ กองเชียร์เหล่านี้นำพลุ กลอง และธงชาติขนาดใหญ่มาที่สนามกีฬาเสมอ[49]

คู่แข่ง

ทีมชาติมาเลเซียมีทีมคู่ปรับในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญได้แก่ อินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนาม และ สิงคโปร์ เนื่องจากการแย่งความสำเร็จในรายการสำคัญ และสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โดยมีอินโดนีเซียเป็นคู่ปรับที่สำคัญที่สุด การแข่งขันกับอินโดนีเซียซึงเรียกว่า "Nusantara Derby" หรือ "ดาร์บีมลายู" มีที่มาจากเหตุการณ์การเผชิญหน้าระหว่างอินโดนีเซีย–มาเลเซีย (ค.ศ. 1963–66) หรือการเผชิญหน้าเกาะบอร์เนียว เกิดจากการต่อต้านของอินโดนีเซียต่อการก่อตั้งสหพันธ์มาเลเซีย

การแข่งขันกับสิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม แม้จะไม่ดุเดือดเท่าการพบอินโดนีเซีย แต่ทั้งสามชาติก็ถือเป็นคู่ปรับของมาเลเซียในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน โดยสนามบูกิตจาลิลของมาเลเซียขึ้นชื่อว่าเป็นสนามที่คู่แข่งในอาเซียนบุกมาเอาชนะได้ยากที่สุด โดยมาเลเซียไม่แพ้ทีมชาติไทยที่สนามแห่งนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1990

Remove ads

ผลงาน

ฟุตบอลโลก

  • 1930-1970 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 1974-2026 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก

เอเชียนคัพ

  • 1956-1972 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 1976 และ 1980 - รอบแรก
  • 1984-2004 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2007 - รอบแรก
  • 2011-2019 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2023 - รอบแรก

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน

  • 1996 - รองชนะเลิศ
  • 1998 - รอบแรก
  • 2000 - อันดับสาม
  • 2002 - อันดับสี่
  • 2004 - อันดับสาม
  • 2007 - รอบรองชนะเลิศ
  • 2008 - รอบแรก
  • 2010 - ชนะเลิศ
  • 2012 - รอบรองชนะเลิศ
  • 2014 - อันดับสอง
  • 2016 - รอบแรก
  • 2018 - รองชนะเลิศ
  • 2020 - รอบแรก
  • 2022 - รอบรองชนะเลิศ
  • 2024 - รอบแรก

เกียรติยศอื่น ๆ

*หมายเหตุ: ในปี พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2520 เป็นการชนะเลิศร่วม

Remove ads

นักเตะชุดปัจจุบัน

สรุป
มุมมอง

รายชื่อผู้เล่น 26 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 ในเดือนธันวาคม 2024[50]

จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติและจำนวนประตูที่ยิงได้นับถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 หลังแข่งขันกับ  อินเดีย

ข้อมูลเพิ่มเติม 0#0, ตำแหน่ง ...
Remove ads

หมายเหตุ

  1. ผลคะแนนออกมาหลังก่อตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963[5]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads