คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำตาล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) เป็นโครงการศึกษาการดำเนินการระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อบรรจุลงในแผนแม่บทโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่สอง (M-Map Phase 2) โครงการได้รับการกำหนดให้ใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือรถไฟฟ้าโมโนเรล มีระยะทางทั้งสิ้น 21 กิโลเมตร โดยรถไฟฟ้าสายนี้จะเชื่อมต่อเมืองด้านฝั่งแคราย กับฝั่งเกษตร-นวมินทร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงเข้าด้วยกัน และยังเป็นโครงข่ายสายรองเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าหลักอีก 4 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม รถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม และโครงข่ายรองอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีเทา ของกรุงเทพมหานคร
Remove ads
พื้นที่ที่เส้นทางระบบขนส่งมวลชนผ่าน
แนวเส้นทาง
แนวเส้นทางจะเริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู จากนั้นจะวิ่งตรงเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ผ่าน ทางพิเศษศรีรัช แยกพงษ์เพชร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (คลองเปรม) โรงพยาบาลคลองเปรม เรือนจำกลางคลองเปรม แยกบางเขน เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม จากนั้นเบี่ยงซ้ายเข้าสู่พื้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตรงมาถึงแยกเกษตรแล้วเบี่ยงขวากลับเกาะกลางถนน เชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท จากนั้นผ่านแยกเกษตรตรงมาบนถนนประเสริฐมนูกิจ และเบี่ยงทางออกจากกันเพื่อลดระดับไปอยู่ใต้ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ผ่านจุดตัดทางพิเศษฉลองรัช ในอนาคตจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเทา จากนั้นจะตรงไปแยกนวลจันทร์-นวมินทร์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนนวมินทร์ แล้วตรงไปตามแนวถนนนวมินทร์จนถึงแยกบางกะปิ แนวเส้นทางศึกษาจะสิ้นสุดที่บริเวณแยกลำสาลีที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยจะวิ่งตรงเข้าสู่ถนนพ่วงศิริและสิ้นสุดที่จุดตัดถนนรามคำแหงกับถนนพ่วงศิริ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้มและสายสีเหลืองด้วยทางเดินยกระดับ
Remove ads
รายละเอียดปลีกย่อย
สรุป
มุมมอง
- เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบวางคร่อมราง (straddle-beam monorail)
- ทางวิ่ง ยกระดับที่ความสูง 12 เมตรตลอดทั้งโครงการ
- มีรางที่ 3 ตีขนานไปกับรางวิ่งสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวรถ
- ตัวรถเป็นรถปรับอากาศขนาดกว้าง 3.147 เมตร ยาว 11.8-13.2 เมตร สูงประมาณ 4.06 เมตร (เมื่อคร่อมรางทั้งหมด) ความจุ 356 คนต่อคัน (คำนวณจากอัตราความหนาแน่นที่ 4 คน/ตารางเมตร) ต่อพวงได้ 2-8 คันต่อขบวน ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 750 โวลท์ ป้อนระบบขับเคลื่อนรถ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 24,100 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทางโดย ขบวนรถไฟฟ้าทั้งสิ้น 24 ขบวน (4 ตู้ต่อขบวน)
- ใช้ระบบอาณัติสัญญาณเดินรถด้วยระบบอัตโนมัติจากศูนย์ควบคุมการเดินรถ และใช้ระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติเช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถ
เดิมโครงการมีการศึกษาศูนย์ซ่อมบำรุงไว้ที่บริเวณจุดตัดทางพิเศษฉลองรัชแต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวกรุงเทพมหานครจะเวนคืนเพื่อก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา โครงการจึงมีแนวคิดย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงไปอยู่พื้นที่บริเวณใกล้ ๆ กัน หรือย้ายไปบริเวณแยกบางกะปิซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีแยกลำสาลี
เบื้องต้นศูนย์ซ่อมบำรุงโครงการจะมีพื้นที่ทั้งหมด 44 ไร่ ประกอบไปด้วยอาคารโรงจอด ศูนย์ซ่อมบำรุง อาคารเปลี่ยนล้อ ส่วนควบคุมระบบจัดการเดินรถ และสำนักงานบริหารจัดการโครงการ
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีจุดจอดแล้วจร (park and ride) บริเวณถนนเสรีไทยใกล้สถานีแยกลำสาลีของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม จอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน
สถานี
มีทั้งหมด 20 สถานี เป็นสถานียกระดับทั้งหมด
- รูปแบบสถานี
โครงการออกแบบรูปแบบสถานีไว้ทั้งหมดสองรูปแบบ ดังต่อไปนี้
- สถานีโครงสร้างปกติ สถานีมีความยาวประมาณ 150 เมตร มีประตูชานชาลา (platform screen door) ความสูงแบบ Half-Height ทุกสถานี ออกแบบให้หลบเลี่ยงสาธารณูปโภคใต้ดินและบนดินและรักษาสภาพผิวจราจรบนถนนมากที่สุด มีเสายึดสถานีอยู่บริเวณเกาะกลางถนน และมีชั้นจำหน่ายบัตรโดยสารอยู่ใต้ชานชาลา มีจำนวน 10 สถานี
- สถานีโครงสร้างใต้ทางด่วน สถานีมีความยาวประมาณ 150 เมตร มีประตูชานชาลา (platform screen door) ความสูงแบบ Half-Height ทุกสถานี ออกแบบให้หลบเลี่ยงสาธารณูปโภคใต้ดิน บนดิน และทางด่วน และรักษาสภาพผิวจราจรบนถนนให้มากที่สุด มีเสายึดสถานีอยู่บริเวณเกาะกลางทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 จุดจำหน่ายบัตรโดยสารจะอยู่ในบริเวณอาคารทางเข้าสถานี ซึ่งจะแยกฝั่งไปนนทบุรีกับฝั่งลำสาลีขาดกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้โครงการศึกษาให้มีการก่อสร้างสะพานคนข้ามในทุกสถานี หรืออาจมีการก่อสร้างทางเดินเชื่อมฝั่งในทุกสถานีเพื่ออำนวยความสะดวกในการข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง มีจำนวน 10 สถานี
Remove ads
รายชื่อสถานี
Remove ads
ความคืบหน้า
- สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร โดยบริษัทที่ปรึกษาโครงการขอเชิญเข้าร่วมการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การออกแบบเบื้องต้นโครงการ แนวเส้นทาง รูปแบบและองค์ประกอบของโครงการรวมทั้งมาตรการในการจัดการกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งจะนำไปพิจารณาประกอบการปรับปรุงเพิ่มเติมข้อเสนอแนะมาตรการในการจัดการกับผลกระทบ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับปรุงผลการศึกษาความเหมาะสม และใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงรูปแบบเบื้องต้นของโครงการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ ห้องคอนเวนชั่น ชั้น 4 อาคารคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร
- 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561 - นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เผยว่าจากการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 ได้ข้อสรุปให้มีการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ไปพร้อม ๆ กัน โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินงาน และทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินงาน และให้มีการประมูลโครงการแยกขาดจากกันแต่ช่วงที่ใช้โครงสร้างร่วมกันให้ดำเนินการพร้อมกันไปพลางก่อน ทั้งนี้การประมูลโครงการทั้งสองโครงการได้พิจารณาให้เป็นรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สรุปว่าให้เป็นรูปแบบ Netcost หรือ Grosscost[2]
- 10 มกราคม พ.ศ. 2562 - นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล หลังจากที่คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติเห็นชอบในผลการศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินโครงการว่า รฟม. เตรียมยื่นรายงานการศึกษาเพื่อขออนุมัติการดำเนินโครงการกับคณะรัฐมนตรี โดยหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ก็จะส่งแผนการศึกษากลับไปให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ รฟม. ก็จะจัดทำรายงานการร่วมทุนกับเอกชนเพื่อนำเสนอบอร์ดพีพีพีแบบคู่ขนานกันไป โครงการมีวงเงินการลงทุนประมาณ 48,000 ล้านบาท รูปแบบการลงทุนเป็น PPP-Netcost แบบเดียวกับสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่รัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนและรับผิดชอบในการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุนและรับผิดชอบในงานก่อสร้างโยธา ตลอดจนการจัดหาระบบรถไฟฟ้า เดินรถไฟฟ้า ดูแลรักษาระบบรถไฟฟ้า และรับผลประโยชน์จากค่าโดยสารต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของโครงสร้างที่ใช้งานร่วมกันกับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 รฟม. จะขอให้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นผู้ดำเนินงานในส่วนฐานรากและต่อม่อรถไฟฟ้าไปพลางก่อน จากนั้นเมื่อได้เอกชนก็จะขอให้เอกชนเป็นผู้ชำระคืนให้แก่ กทพ. ต่อไป โดย รฟม. คาดว่าจะเปิดประมูลโครงการได้เร็วที่สุดภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้[3]
- พ.ศ. 2565 รฟม. เปิดเผยว่ามีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาทบทวนรายละเอียดการออกแบบ พร้อมจัดทำเอกสารประกวดราคา และรายงานผลการศึกษาโครงการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP วางงบประมาณว่าจ้าง 60 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565 จากนั้นเมื่อศึกษาจะส่งรายงานเสนอแก่บอร์ด PPP ในเดือนมิถุนายน 2566 แล้วเสนอแก่คณะรัฐมนตรีเพื่อทำการอนุมัติโครงการ ในเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2566[4][5]
- มีนาคม พ.ศ. 2566 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างศึกษาออกแบบรายละเอียดการวิเคราะห์ของโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.PPP) หลังจากนั้นจะเสนอต่อบอร์ด รฟม. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณา เพื่อนำโครงการฯเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) เห็นชอบภายในปี 2567 ทั้งนี้ หากโครงการผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ PPP หลังจากนั้นจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลเพื่อคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนได้ภายในปี 2568[6]
- มกราคม พ.ศ. 2567 กรมการขนส่งทางราง มีมติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นำผลการศึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลกลับไปศึกษาใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องประเด็นของความเหมาะสมในการเลือกใช้ระบบรถไฟฟ้าโมโนเรล หลังจากเกิดอุบัติเหตุจากโครงการสายสีชมพูและสายสีเหลืองขึ้นพร้อมกัน ทั้งนี้กรมรางฯ ได้ขอให้ รฟม. พิจารณาเลือกใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเบารูปแบบอื่นแทนโมโนเรล
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads