คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
รถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
โครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง เป็นระบบขนส่งทางรางในเขตเมืองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ในเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท (สถานีหมอชิต–สถานีอ่อนนุช) และรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม (สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ–สถานีสะพานตากสิน) โดยในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วทั้งสิ้น 10 สาย 192 สถานี ครอบคลุมระยะทางไม่น้อยกว่า 279.64 กิโลเมตร
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
จุดเริ่มต้น
นับตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร ช่วงยุคคริสต์ทศวรรษ 1960 และได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลไทยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเยอรมันส่งคณะผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษา สำรวจ และวางแผนแม่บทสำหรับการจราจรและขนส่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เสนอแนะให้มีระบบรถขนส่งมวลชนแบบเร็ว (Mass Rapid Transit System) เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางและการจราจรในกรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการจัดตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทยขึ้นมาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Mass Rapid Transit System) และโครงการระบบทางด่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร[3]
ต่อมากระทรวงคมนาคมได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและวิศวกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินขบวนรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงริเริ่มแผนการทำโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟและทางด่วนยกระดับ (Bangkok Elevated Road & Trains System (BERTS)) โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการสร้างทางรถไฟ รถไฟฟ้า และทางด่วนยกระดับขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดจากปัญหาจุดตัดทางรถไฟที่ทำให้กีดขวางกระแสการจราจร ก่อนที่ภายหลังจึงนำผลการศึกษาของไจก้าไปสู่ภาคปฏิบัติในรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ[4]
ในปี พ.ศ. 2533 กระทรวงคมนาคมได้มีการลงนามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าลาวาลินกับ บริษัท เอสเอ็นซี-ลาวาลิน จำกัด ในเดือนพฤษภาคมและลงนามสัมปทานโครงการโฮปเวลล์กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวันที่ 9 พฤศจิกายนปีเดียวกัน เพื่อดำเนินการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร[5][6] แต่ทั้งสองโครงการประสบความล่าช้าเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ รวมถึงปัญหาการส่งมอบพื้นที่และปัญหาการทุจริต ภายหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2534 รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน โดยนายนุกูล ประจวบเหมาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น ได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาสัมปทานทั้งหมดที่มีเงื่อนไขการผูกขาด จึงได้ประกาศยกเลิกโครงการทั้งสอง
แม้ว่าโครงการโฮปเวลล์จะถูกประกาศยกเลิกแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการบอกเลิกสัญญา โครงการจึงยังคงเดินหน้าต่อ แต่ทว่าในเงื่อนไขกลับไม่ระบุรายละเอียดให้ชัดเจนบวกกับปัญหาในการจัดหาแหล่งเงินทุน เงินกู้ หลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา และปัญหาเรื่องแบบก่อสร้าง ต่อมาจึงบอกเลิกสัญญาและมีผลจริงในรัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 ซึ่งขณะนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงนามบอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2541[7]
การเกิดขึ้นของบีทีเอสและรฟม.
ภายหลังจากประกาศยกเลิก 2 โครงการดังกล่าวไปแล้ว กรุงเทพมหานคร โดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น ได้อนุมัติโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร และลงนามสัมปทานกับบริษัท ธนายง จำกัด ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2535[8] ให้ดำเนินการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในระยะแรกของการก่อสร้างกลับพบปัญหาในการหาสถานที่ตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงโครงการ เนื่องจากเดิมกรุงเทพมหานครได้อนุมัติให้มีการใช้พื้นที่ของสวนลุมพินีในการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง แต่การก่อสร้างถูกคัดค้านเนื่องจากประชาชนไม่เห็นด้วย กรุงเทพมหานครจึงพิจารณาย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงไปใช้พื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ อันเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งหมอชิต บริษัทธนายงจึงสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ได้ และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ภายหลังได้รับชื่อพระราชทานโครงการว่า "รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา" หรือชื่อที่เรียกโดยทั่วไปว่า "รถไฟฟ้าบีทีเอส"[9]
ในขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2535 เพื่อดำเนินการแผนแม่บทโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนตามแนวทางของรัฐบาลในนามของ องค์การรถไฟฟ้ามหานคร ในขณะนั้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แยกออกมาดำเนินการต่างหากจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 สภาได้มีการพิจารณาและประกาศใช้พระราชบัญญัติองค์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 เพื่อปรับปรุงอำนาจหน้าที่ขององค์กรให้สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในนามของ "การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" ก่อนที่โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล อันเป็นรถไฟฟ้าสายแรกของ รฟม. และรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย" เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2547[10][11]
ปัจจุบัน
ปัจจุบันรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางราง M-Map ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ซึ่งแต่เดิมโครงการมีเส้นทางระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด 9 เส้นทาง แต่ได้มีการขยายออกเป็นทั้งหมด 14 เส้นทาง เปิดให้บริการแล้วกว่า 276.84 กิโลเมตร และกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา M-Map ระยะที่ 2 เพื่อปรับปรุงแผนแม่บทรถไฟฟ้าให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารในอนาคต[12]
ลำดับเหตุการณ์
กำหนดการในอนาคต
Remove ads
รายชื่อสายรถไฟฟ้า
สายที่ให้บริการในปัจจุบัน
- หมายเหตุ
- ก นับสถานีเชื่อมต่อ (สยาม) เป็นสถานีเดียว ยกเว้นสถานีกรุงธนบุรี
- ข นับสถานีเชื่อมต่อ (เตาปูน/ท่าพระ) เป็นสถานีเดียว ยกเว้นสถานีลาดพร้าว และศูนย์ราชการนนทบุรี
- ค นับสถานีเชื่อมต่อ (กรุงเทพอภิวัฒน์) เป็นสถานีเดียว
สายที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ
Remove ads
แผนแม่บท
สรุป
มุมมอง
แนวคิดในการพัฒนาแผนแม่บท มีขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 โดยรัฐบาลไทยได้ขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลเยอรมนีในการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนร่วมกัน ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้มีการศึกษา ผลักดัน และสนับสนุนการจัดทำแผนแม่บทอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 โดยมีลำดับการพัฒนาแผนแม่บทดังต่อไปนี้
พ.ศ. 2537 : แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (MTMP)
ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร และกำหนดให้มีการพัฒนาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2554 แผนแม่บทฉบับนี้มีระบบขนส่งมวลชนที่รอการพัฒนาทั้งหมดสามโครงการคือ รถไฟฟ้าธนายง (สายสีเขียว) ตอน 1 และ ตอน 2 รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ตอน 1 และโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (สายสีแดง) พร้อมส่วนต่อขยายและสายทางใหม่ ระยะทางรวม 135 กิโลเมตร แบ่งการดำเนินการออกเป็นสองระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2538 – พ.ศ. 2544) ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทิศตะวันตกเฉียงเหนือและส่วนต่อขยายทิศตะวันตก รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทิศเหนือ ส่วนต่อขยายทิศตะวันตกเฉียงใต้ และส่วนต่อขยายทิศตะวันออก และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันออก-ตะวันตก และช่วงเหนือ-ใต้ รวมระยะทางทั้งหมด 71.4 กิโลเมตร
- ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2544 – พ.ศ. 2554) ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีม่วงตอน 1 และตอน 2 รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายด้านตะวันออก ส่วนต่อขยายตะวันออก-ตะวันตก และรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายตะวันออกและส่วนต่อขยายตะวันออกเฉียงใต้ รวมระยะทางทั้งหมด 63.6 กิโลเมตร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 สจร. (สนข. ในปัจจุบัน) ได้มีการนำแผนแม่บทฉบับนี้ไปปรับปรุงเพิ่มเติมจนเป็นโครงการศึกษาและออกแบบเพื่อนำแผนแม่บทไปสู่การปฏิบัติ (CTMP) พร้อมกับขยายเส้นทางเพิ่มเติมออกไปอีกเป็น 178.9 กิโลเมตร และในปีเดียวกันได้มีการพิจารณาเพิ่มเติมโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองทั้งรถไฟฟ้าโมโนเรล และรถไฟฟ้าขนาดเบา เพื่อเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการขนส่งทางราง ด้วยโครงการระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด 11 โครงการ ระยะรวม 206 กิโลเมตร ดังต่อไปนี้
- รถไฟฟ้าสายสีแดง ระยะทาง 44.8 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- R-1 ระยะทาง 14.3 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันตก ประกอบด้วยช่วงยมราช-บางกอกน้อย-ตลิ่งชัน และตลิ่งชัน-วงแหวนรอบนอก
- R-2 ระยะทาง 16.9 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบด้วยช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่-โพธิ์นิมิตร และโพธิ์นิมิตร-วงแหวนรอบนอก
- R-3 ระยะทาง 13.6 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยช่วงหัวหมาก-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านเหนือ
- รถไฟฟ้าสายสีเขียว ระยะทาง 33.4 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
- G-1 ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยช่วงอ่อนนุช-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านใต้
- G-2 ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศเหนือ ประกอบด้วยช่วงหมอชิต-รัชโยธิน
- G-3 ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันตก ประกอบด้วยช่วงสาทร-วงเวียนใหญ่
- G-4 ระยะทาง 5.9 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยช่วงบางนา-สำโรง
- รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ระยะทาง 24 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
- B-1 ระยะทาง 11 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประกอบด้วยช่วงบางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า
- B-2 ระยะทาง 13 กิโลเมตร ต่อขยายทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบด้วยช่วงหัวลำโพง-บางกอกใหญ่-บางแค
- รถไฟฟ้าสายสีส้ม ระยะทาง 55 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- ON (ส่วนเหนือ) ระยะทาง 20.9 กิโลเมตร ประกอบด้วยช่วงบางกะปิ-ผ่านฟ้า
- OS (ส่วนใต้) ระยะทาง 22.8 กิโลเมตร ประกอบด้วยช่วงผ่านฟ้า-ราษฎร์บูรณะ-สำโรงใต้
- OE (ส่วนตะวันออก) ระยะทาง 11.8 กิโลเมตร ประกอบด้วยช่วงบางกะปิ-มีนบุรี
- รถไฟฟ้าสายสีม่วง ระยะทาง 21.2 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่
- PN (ส่วนเหนือ) ระยะทาง 16 กิโลเมตร ประกอบด้วยช่วงเตาปูน-บางพูด (ปากเกร็ด)
- PS (ส่วนใต้) ระยะทาง 5.2 กิโลเมตร ประกอบด้วยช่วงเตาปูน-สามเสน (ซังฮี้)
- โครงการระบบขนส่งมวลชนรอง
- ศูนย์ชุมชนบางบัวทอง-ศูนย์ชุมชนตลิ่งชัน (เชื่อมต่อสายสีแดง R-1)
- สามแยกบางใหญ่-สะพานพระนั่งเกล้า (เชื่อมต่อสายสีน้ำเงิน B-1)
- สะพานพระราม 7-ดาวคะนอง (เชื่อมต่อสายสีส้ม OS)
- ราษฎร์บูรณะ-พุทธบูชา (เชื่อมต่อสายสีส้ม OS)
- ราษฎร์บูรณะ-บางมด (เชื่อมต่อสายสีส้ม OS)
- วงแหวนหัวลำโพง-พระราม 3 (เชื่อมต่อสายสีแดง R-2 สายสีเขียวตอน 2 และสายสีน้ำเงินตอน 1)
- สำโรง-ศรีสำโรง (เชื่อมต่อสายสีเขียว G-4 และสายสีส้ม OS)
- รัชโยธิน-ศรีเอี่ยม (เชื่อมต่อสายสีเขียว G-2 และ G-1)
- รามคำแหง-อ่อนนุช (เชื่อมต่อสายสีเขียวตอน 1 และสายสีส้ม OE)
- ปากเกร็ด-มีนบุรี (เชื่อมต่อสายสีม่วง PN สายสีแดงตอน 1 และสายสีส้ม ON)
- อ่อนนุช-พัฒนาการ
- รัชโยธิน-ศูนย์ชุมชนมีนบุรี
- ลำลูกกา-ประชาอุทิศ
- วัชรพล-ประชาอุทิศ
- นวลจันทร์-บางกะปิ
พ.ศ. 2543 : แผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง (URMAP)
หลังเหตุการณ์ วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ซึ่งเกิดขึ้นจากการลอยตัวค่าเงินบาทในประเทศไทยจนส่งผลกระทบต่อประเทศรอบข้าง รัฐบาลไทยในสมัยชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศไทย รวมถึงได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานกับบริษัท โฮปเวลล์ หลังการดำเนินการไม่เป็นไปตามแผนและหยุดการดำเนินการมาเป็นระยะเวลานาน ในปี พ.ศ. 2541 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ สนข. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางฉบับใหม่เพื่อใช้ทดแทนฉบับเดิม เนื่องมาจากการพัฒนาไม่เป็นไปตามแผน และประเทศอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจ โดยมีสมมติฐานว่าสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติและเริ่มฟื้นตัวทางบวกในปี พ.ศ. 2545 จึงมีแนวคิดในการศึกษาโครงการโดยเน้นการกระจายความเจริญของเมืองจากศูนย์กลางไปยังบริเวณรอบๆ ให้การพัฒนาเมืองกระจายตัวมากขึ้นตามถนนสายหลัก
แผนแม่บทฉบับนี้ได้มีการดัดแปลงเส้นทางหลายโครงการตามแผนแม่บทฉบับเดิม เน้นการกระจายตัวไปยังพื้นที่หลายส่วน ดังต่อไปนี้
- ยกระดับสายสีแดงเดิมขึ้นมาเป็น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และกำหนดให้เป็นเส้นทางสายหลักสำหรับการเดินทางภายในกรุงเทพมหานคร
- ยกระดับสายสีน้ำเงินขึ้นมาเป็น รถไฟฟ้าวงแหวน โดยเพิ่มช่วงเตาปูน-ท่าพระ ให้เป็นเส้นทางวงแหวนรอบใน และช่วงท่าพระ-คลองเตย ให้กลายเป็นเส้นทางวงแหวนรอบนอก
- รวมเส้นทางระบบขนส่งมวลชนรองช่วงรัชโยธิน-ศรีเอี่ยม และช่วงสำโรง-ศรีสำโรง รวมถึงเพิ่มเส้นทางช่วงศรีเอี่ยม-ศรีสำโรง และยกระดับให้กลายเป็น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยแยกช่วงเป็นสองตอนคือตอน 1 ลาดพร้าว-พัฒนาการ และตอน 2 พัฒนาการ-สำโรงใต้
- รวมเส้นทางระบบขนส่งมวลชนรองช่วงลำลูกกา-ประชาอุทิศ เข้ากับ รถไฟฟ้าสายสีเขียว และต่อขยายสายทางเพิ่มอีก 4 ช่วง ได้แก่ส่วนต่อขยายทิศเหนือ ประกอบด้วยช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ช่วงสะพานใหม่-คูคต และช่วงคูคต-ลำลูกกา ส่วนต่อขยายทิศใต้ ประกอบด้วยช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ส่วนต่อขยายทิศตะวันตก ประกอบด้วยช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-พรานนก และส่วนต่อขยายทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบด้วยช่วงสาทร-วงเวียนใหญ่ และช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า และยกเลิกส่วนต่อขยายจากแผนแม่บทฉบับเดิมทั้งหมด
พ.ศ. 2547 : โครงการแปลงแผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่องไปสู่การปฏิบัติ (BMT)
แผนแม่บทฉบับนี้เป็นการแปลงแผนแม่บท URMAP ให้ไปสู่การปฏิบัติจริงบนพื้นฐานของนโยบายภาครัฐฯ ที่กำหนดให้โครงการในระยะที่ 1 ต้องแล้วเสร็จภายใน 6 ปี (พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2552) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจฟื้นฟูจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำดีขึ้น แผนแม่บทฉบับนี้กำหนดให้มีโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้ที่ดินอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยกำหนดให้มีสถานีรถไฟฟ้า 1 สถานีในระยะ 2 กิโลเมตรสำหรับพื้นที่ชั้นใน และในระยะ 1-1.5 กิโลเมตรสำหรับพื้นที่ชั้นนอก เพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าเป็นโครงการชี้นำเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองต่อไป
โครงข่ายที่ถูกนำเสนอในแผนแม่บทฉบับนี้มีทั้งหมด 7 สายทาง ระยะทางรวม 291.2 กิโลเมตร เป็นส่วนที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ 247.5 กิโลเมตร และส่วนเดิม 43.7 กิโลเมตร แบ่งลักษณะและสายทางเป็นสามกลุ่มดังนี้
- เส้นทางวงแหวน ประกอบด้วย
- สายสีน้ำเงิน (วงแหวนรัชดา-จรัญสนิทวงศ์) โดยยกเลิกช่วงท่าพระ-คลองเตยจากแผนแม่บทฉบับเดิม ให้เน้นเพียงแค่วงแหวนรอบใน กำหนดให้ช่วงท่าพระ-บางซื่อเป็นเส้นทางใต้ดิน และช่วงท่าพระ-บางแค และท่าพระ-บางซื่อ เป็นเส้นทางยกระดับ
- เส้นทางแนวรัศมีเหนือ-ใต้ ประกอบด้วย
- สายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) กำหนดให้เป็นเส้นทางยกระดับทั้งโครงการ
- สายสีเขียวเข้ม (สะพานใหม่-บางหว้า) กำหนดให้เป็นเส้นทางยกระดับทั้งโครงการ
- สายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการนำช่วงบางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย B-1) และช่วงผ่านฟ้า-ราษฎร์บูรณะ-สำโรงใต้ ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วง OS) ในแผนแม่บทฉบับเดิมมารวมเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดเส้นทางรถไฟฟ้าในแนวรัศมีเหนือ-ใต้ทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้ช่วงบางซื่อ-ดาวคะนอง เป็นเส้นทางใต้ดิน และช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และช่วงดาวคะนอง-ราษฎร์บูรณะ เป็นเส้นทางยกระดับ
- เส้นทางแนวรัศมีตะวันออก-ตะวันตก ประกอบด้วย
- สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) กำหนดให้เป็นเส้นทางยกระดับทั้งโครงการ รวมถึงเปลี่ยนแนวเส้นทางให้ไปยึดตามแนวทางรถไฟสายใต้แทนการออกจากสถานียมราชแล้วยึดแนวทางรถไฟสายธนบุรี-ศิริราช
- สายสีเขียวอ่อน (พรานนก-สมุทรปราการ) กำหนดให้เป็นเส้นทางยกระดับทั้งโครงการ
- สายสีส้ม (บางบำหรุ-บางกะปิ) เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนเส้นทางช่วงปลายด้านทิศตะวันตกให้ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟบางบำหรุ เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง กำหนดให้ช่วงบางขุนนนท์-บางกะปิ เป็นเส้นทางใต้ดิน และช่วงบางขุนนนท์-บางบำหรุ เป็นเส้นทางยกระดับ
พ.ศ. 2549 : โครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 10 สายทาง
ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลได้มีการปรับปรุงแผนแม่บทโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนอีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายแนวเส้นทางจากแผนแม่บทระยะที่ 1 ให้มีความครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากยิ่งขึ้น โดยมีการกำหนดให้เพิ่มเส้นทางใหม่จำนวน 3 สายทาง ดังนี้
- สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) ระยะทาง 32 กิโลเมตร เส้นทางนี้เคยปรากฏในแผนแม่บท URMAP แต่ถูกนำออกไปเมื่อครั้งปรับปรุงแผนแม่บท BMT
- สายสีชมพู (แคราย-สุวินทวงศ์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร เส้นทางนี้เคยปรากฏในแผนแม่บท CTMP แต่ถูกนำออกไปเมื่อครั้งปรับปรุงแผนแม่บท URMAP
- สายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร
พ.ศ. 2551 : โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนระยะที่หนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลได้มีการปรับปรุงแผนแม่บทโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนอีกครั้ง โดยเน้นการขยายตัวของเมือง เพิ่มเส้นทางระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ชานเมืองโดยดูจากอัตราการเติบโตของเมืองที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต โดยการปรับปรุงก่อให้เกิดเป็นแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด 9 สายทาง ระยะทาง 311 กิโลเมตร มีแนวเส้นทางที่ถูกปรับปรุงดังนี้
- สายสีเขียวเข้ม ขยายปลายสายทางจากสะพานใหม่ ให้ไปสิ้นสุดที่ลำลูกกาตามแผนแม่บท BMT พร้อมกับร่างเส้นทางส่วนต่อขยายหนึ่งช่วง คือช่วง กม.25–รังสิต
- สายสีเขียวอ่อน ขยายปลายสายทางจากสมุทรปราการ (บางปิ้ง) ให้ไปสิ้นสุดที่บริเวณบางปู พร้อมกับลดระยะทางในแผนแม่บท BMT จากพรานนกเหลือเพียงยศเส
- สายสีม่วง ขยายปลายสายทางราษฎร์บูรณะให้ไปสิ้นสุดที่บริเวณป้อมประจุล
- สายสีน้ำเงิน ขยายปลายสายทางจากบางแคให้ไปสิ้นสุดที่พุทธมณฑลสาย 4 พร้อมกับร่างเส้นทางส่วนต่อขยายไว้สองช่วง ได้แก่ช่วงลาดพร้าว-บางอ้อ และช่วงท่าพระ–คลองเตย
- แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แยกโครงการออกมาดำเนินการแยกจากสายสีแดงอ่อน
- สายสีแดงอ่อน ลดระยะปลายสายทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเหลือเพียงแค่หัวหมาก
- สายสีเหลือง ยกระดับจากเส้นทางสายรองให้กลายเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก แบ่งออกเป็นทั้งหมดสีช่วง ดังนี้
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (YA) ได้แก่ช่วงสำโรง-พัฒนาการ เชื่อมต่อกับสายสีเขียวอ่อน แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และสายสีแดงอ่อน
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (YB) ได้แก่ช่วงพัฒนาการ-แคราย เชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อน สายสีส้ม สายสีน้ำตาล สายสีเขียวเข้ม และสายสีแดงเข้ม
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (YC) ได้แก่ช่วงแคราย-บางหว้า เชื่อมต่อกับสายสีแดงเข้ม สายสีม่วง สายสีแดงอ่อน สายสีน้ำเงิน และสายสีเขียวเข้ม
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (YD) ได้แก่ช่วงบางหว้า-สำโรง เชื่อมต่อกับสายสีเขียวเข้ม สายสีน้ำเงิน สายสีแดงเข้ม สายสีม่วง และสายสีแดงอ่อน
พ.ศ. 2553 : การปรับปรุงโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนระยะที่หนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลได้มีมติให้มีการศึกษาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนใหม่อีกครั้ง โดยคำนึงถึงการขยายตัวของเมือง การกระจายความเจริญสู่พื้นที่ชานเมืองโดยอาศัยการชี้นำจากโครงการรถไฟฟ้า โดยแผนแม่บทฉบับนี้ได้มีการศึกษาเส้นทางรถไฟฟ้าไว้ทั้งหมด 12 สายทาง ระยะทางรวม 509 กิโลเมตร เป็นโครงข่ายสายหลัก 8 เส้นทาง โครงข่ายสายรอง 4 เส้นทาง ดังต่อไปนี้
- โครงข่ายสายหลัก
- สายสีแดงเข้ม (ธรรมศาสตร์-มหาชัย)
- สายสีแดงอ่อน
- ศาลายา-หัวหมาก เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการขยายปลายสายทางจากตลิ่งชันไปตามแนวทางรถไฟสายใต้เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดนครปฐม
- ตลิ่งชัน-มักกะสัน เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางสายสีส้มช่วงดินแดง-บางบำหรุ เพื่อให้มีระบบขนส่งมวลชนเชื่อมต่อ จึงได้เพิ่มสายทางช่วงตลิ่งชัน-มักกะสันเพิ่มขึ้นมา
- แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ)
- สายสีเขียวเข้ม (ลำลูกกา-บางปู)
- สายสีเขียวอ่อน (ยศเส-บางหว้า)
- สายสีน้ำเงิน (พุทธมณฑล-หัวลำโพง-บางซื่อ-ท่าพระ)
- สายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ)
- สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการปรับปรุงเส้นทางช่วงดินแดง-บางบำหรุ เป็นช่วงดินแดง-ตลิ่งชัน โดยให้รถไฟฟ้าวิ่งตามแนวถนนเพชรบุรีตัดใหม่แทน เนื่องจากแนวเส้นทางทับซ้อน และยังได้รวมเอาเส้นทางสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) เข้าเป็นเส้นเดียวกัน
- โครงข่ายสายรอง
- สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)
- สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการลดระดับของโครงการรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก เหลือเพียงเส้นทางสายสีเหลืองตามแผนแม่บท 10 สายทาง
- สายสีเทา (วัชรพล-สะพานพระราม 9) เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นจากการนำเส้นทางระบบขนส่งมวลชนรอง ช่วงวัชรพล-ประชาอุทิศ ในแผนแม่บท CTMP มาขยายเส้นทางเพิ่มเติมให้ไปสิ้นสุดที่บริเวณสะพานพระราม 9
- สายสีฟ้า (ดินแดง-สาทร) เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางเกิดขึ้นใหม่เพื่อรองรับการเปิดใช้งานศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ และเพื่อเป็นการเสริมเส้นทางในย่านธุรกิจ
แผนแม่บทฉบับนี้เป็นแผนแม่บทที่มีการนำมาใช้พัฒนาโครงการจริงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา ปัจจุบันการพัฒนาเสร็จสิ้นไปได้กว่า 70% ของแผนแม่บท แต่อย่างไรก็ตามด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปและความไม่เหมาะสมของเส้นทาง จึงได้มีการปรับปรุงแผนแม่บทฉบับนี้อีกครั้ง โดยการปรับปรุงครั้งนี้ได้มีการยกเลิก ปรับปรุง รวมถึงพักการดำเนินการห้าสายทาง ได้แก่ สายสีแดงเข้ม ช่วงตลิ่งชัน-มักกะสัน ให้พักการดำเนินการไม่มีกำหนด แต่ให้ดำเนินการช่วงตลิ่งชัน-ศิริราชแทน แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้ยกระดับเป็นรถไฟความเร็วสูง แต่ยังคงเส้นทางช่วงดอนเมือง-พญาไท ตามเดิม สายสีส้มให้ลดระยะสถานีปลายทางเหลือเพียงสถานีบางขุนนนท์ เนื่องจากแนวเส้นทางทับซ้อน สายสีเทาและสายสีฟ้าให้ยกเลิกโครงการเนื่องจากไม่อยู่ในแผนเร่งรัด 4 ปี ทำให้โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่องมีโครงข่ายสายทางทั้งหมด 10 สายมาจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. 2567 - โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนระยะที่สอง (M-MAP 2)
เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของเมืองออกสู่เขตปริมณฑลมากขึ้น ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและแผนการจราจรดำเนินการศึกษาเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 10 สายทาง เพื่อบรรจุลงใน "แผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง ระยะที่สอง" หรือ M-Map Phase 2 โดยให้ดำเนินการศึกษาร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า เพื่อวางแผนสนับสนุนงบประมาณในการลงทุนหากมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการ
โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนในระยะที่สอง จะเน้นการพัฒนาเส้นทางสายรองเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและป้อนผู้โดยสารสู่เส้นทางสายหลักของกรุงเทพมหานครทั้ง 7 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท, สายสีลม, รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล, สายฉลองรัชธรรม, รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน, สายสีแดงเข้ม และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน โดยเบื้องต้นสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและแผนการจราจรได้พิจารณานำเส้นทางที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และ/หรือยังอยู่ในระหว่างการศึกษา และ/หรือเป็นแผนงานนอกแผนแม่บท และ/หรือถูกยกเลิกจากแผนแม่บทฉบับเดิม จำนวน 4 สายทางมาบรรจุเป็นเส้นทางนำร่อง รวมถึงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยยังได้เตรียมที่จะเสนอรถไฟฟ้าอีก 8 สายทางเพื่อบรรจุลงในแผนแม่บท ทำให้มีเส้นทางรวมเป็น 11 สายทางในแผนระยะต้น ต่อมาสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและแผนการจราจรได้เปิดเผยรายละเอียดร่างแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนระยะที่สองที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกับไจก้า โดยกำหนดให้มีเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่จำนวน 5 เส้นทาง 131 กิโลเมตร ทั้งต่อขยายจากเส้นทางเดิมและร่างเป็นเส้นทางสายใหม่ อย่างไรก็ตามด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป กรมการขนส่งทางราง (สถานะปัจจุบันของ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและแผนการจราจร) ได้พิจารณาแผนแม่บทโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนระยะที่สองใหม่ทั้งหมด และได้นำเสนอเส้นทางระบบขนส่งมวลชนสายใหม่อันเป็นแผนงานระยะยาว (Project Long List) จำนวน 29 สาย เพื่อเตรียมพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติใช้เป็นแผนแม่บทฉบับจริงต่อไป
ต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 กรมการขนส่งทางราง ได้ประกาศร่างแผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง ระยะที่สอง อย่างเป็นทางการ โดยแผนแม่บทฉบับนี้จะเป็นฉบับที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเริ่มอนุมัติใช้งานอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2567 และเร่งรัดการเริ่มพัฒนาทุกโครงการภายใน 20 ปี หรือภายใน พ.ศ. 2585 ประกอบด้วยสามหมวดหลัก ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 ส่วนต่อขยายเส้นทางเดิม
ส่วนต่อขยายเส้นทางเดิม ประกอบด้วยเส้นทางที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จจากแผนแม่บทฉบับเดิม ร่วมกับเส้นทางเสนอใหม่ ได้แก่
- สายสุขุมวิท
- ส่วนเหนือ ช่วงสถานีคูคต - วงแหวนรอบนอกตะวันออก (วงแหวน-ลำลูกกา) เป็นเส้นทางตามแผนแม่บทเดิมที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และกรุงเทพมหานครยุติแผนดำเนินการชั่วคราวจนกว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องหลักประกันผู้โดยสาร
- ส่วนตะวันออก ช่วงสถานีเคหะสมุทรปราการ - ตำหรุ เป็นเส้นทางตามแผนแม่บทเดิมที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และกรุงเทพมหานครยุติแผนดำเนินการชั่วคราวจนกว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องหลักประกันผู้โดยสาร
- สายสีลม
- ส่วนตะวันตก ช่วงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ - ยศเส เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- ส่วนใต้ ช่วงสถานีบางหว้า - รัตนาธิเบศร์ (บางรักน้อยท่าอิฐ) เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของไจก้าในช่วงบางหว้า-แยกลำสาลี แต่เนื่องจาก รฟม. ได้นำเอาช่วงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-แยกลำสาลี ออกมาพัฒนาเป็นสายสีน้ำตาล กรมการขนส่งทางรางจึงพิจารณาเปลี่ยนเส้นทางที่ขาดหายไปในช่วงบางหว้า-ศูนย์ราชการนนท์ฯ ให้กลายเป็นส่วนต่อขยายของสายสีลม และสิ้นสุดที่แยกบางรักน้อยท่าอิฐแทน
- สายสีแดงเข้ม
- ส่วนเหนือ ช่วงสถานีรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- ส่วนใต้ ระยะที่ 1 ช่วงสถานีบางซื่อ (สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) - หัวลำโพง เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- ส่วนใต้ ระยะที่ 2 ช่วงสถานีวงเวียนใหญ่ - มหาชัย เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- ส่วนใต้ ระยะที่ 3 ช่วงสถานีหัวลำโพง - วงเวียนใหญ่ เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- สายสีแดงอ่อน
- ส่วนตะวันตก ระยะที่ 1 ช่วงสถานีตลิ่งชัน - ศาลายา เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- ส่วนตะวันตก ระยะที่ 2 ช่วงสถานีตลิ่งชัน - โรงพยาบาลศิริราช เป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในปัจจุบัน
- สายซิตี้ ช่วงสถานีลาดกระบัง - ฉะเชิงเทรา เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของกรมการขนส่งทางราง โดยเป็นการยกเลิกรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก-ฉะเชิงเทรา มาใช้ประโยชน์จากโครงสร้างบางส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มาสร้างสถานีรายทางสำหรับสายซิตี้ เพื่อขยายเขตการเดินทางจากเดิมเพื่อทดแทนสายสีแดงอ่อนส่วนตะวันออกทั้งหมด
- สายสีน้ำเงิน ช่วงหลักสอง - พุทธมณฑล เป็นเส้นทางตามแผนแม่บทเดิมที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยยุติแผนดำเนินการชั่วคราวจนกว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องหลักประกันผู้โดยสาร
- สายสีทอง ช่วงคลองสาน - ประชาธิปก เป็นเส้นทางตามแผนเดิมที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และกรุงเทพมหานครยุติแผนดำเนินการชั่วคราวจนกว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องหลักประกันผู้โดยสาร
- กลุ่มที่ 2 เส้นทางนำเสนอใหม่
เส้นทางนำเสนอใหม่ ประกอบด้วยเส้นทางที่มีการนำเสนอเพื่อดำเนินการใหม่ จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่
- สายสีน้ำตาล ช่วงศูนย์ราชการนนทบุรี - แยกลำสาลี เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของไจก้าในช่วงบางหว้า-แยกลำสาลี แต่ต่อมาได้มีการแยกเส้นทางดังกล่าวออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนศูนย์ราชการนนท์ฯ-แยกลำสาลี เสนอให้พัฒนาในรูปแบบระบบรางเบา ส่วนท่าอิฐ-ศูนย์ราชการนนท์ ให้พัฒนาในรูปแบบ Feeder สำหรับป้อนเข้าระบบ และส่วนบางหว้า-ท่าอิฐ ให้พัฒนาเป็นส่วนต่อขยายของสายสีลม
- สายสีเทา ส่วนเหนือ เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของกรุงเทพมหานคร โดยนำเอาเส้นทางสายสีเทาเดิมมาแยกส่วนให้ขาดจากกัน โดยเส้นทางส่วนเหนือส่วนใหญ่ยังเป็นเส้นทางตามแผนเดิม และกรมการขนส่งทางรางได้มีการขยายเพิ่มไปจนถึงถนนลำลูกกา
- ระยะที่ 1 ช่วงวัชรพล - ทองหล่อ เสนอให้พัฒนาในรูปแบบระบบรางเบา
- ระยะที่ 2 ช่วงวัชรพล - คลองสี่ เสนอเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายจากระยะที่ 1
- สายสีเทา ส่วนใต้ เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของกรุงเทพมหานคร โดยนำเอาเส้นทางรถโดยสารส่วนพิเศษ สายสาทร-ราชพฤกษ์ มาเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า และรวมเข้ากับเส้นทางสายสีเทาส่วนที่ขาดจากเส้นทางตามแผนเดิม
- ระยะที่ 1 ช่วงพระโขนง - พระรามที่ 3 เสนอให้พัฒนาในรูปแบบระบบรางเบา
- ระยะที่ 2 ช่วงพระรามที่ 3 - ท่าพระ เสนอเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายจากระยะที่ 1
- สายสีฟ้า ช่วงดินแดง - ช่องนนทรี เป็นเส้นทางที่ถูกรื้อฟื้นจากแผนแม่บทเดิม เนื่องจากเล็งเห็นว่าเส้นทางมีศักยภาพและมีความคุ้มค่าพอที่จะพัฒนา เสนอให้พัฒนาในรูปแบบระบบรางเบา
- สายสีเงิน ช่วงบางนา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเส้นทางนำเสนอใหม่ของกรุงเทพมหานคร โดยนำเอาเส้นทางส่วนต่อขยายของสายสีเขียวช่วงอุดมสุข-ศรีเอี่ยม-สุวรรณภูมิ มาดำเนินการแยกต่างหาก เสนอให้พัฒนาในรูปแบบระบบรางเบาหรือรางหนัก
- กลุ่มที่ 3 เส้นทางรองป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบ
เป็นกลุ่มเส้นทางนำเสนอใหม่ที่ยังไม่ได้มีแผนการดำเนินการชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางที่เน้นการป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบ อาจเสนอให้ดำเนินการในรูปแบบรถโดยสารประจำทาง รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ แทรมล้อยาง แทรมล้อเหล็ก หรืออาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นส่วนต่อขยายของเส้นทางที่ถูกเชื่อมได้ ประกอบด้วย
- เส้นทาง ลาดพร้าว – รัชโยธิน – ท่าน้ำนนท์
- เส้นทาง ดอนเมือง – ศรีสมาน
- เส้นทาง ศาลายา – มหาชัย
- เส้นทาง ศรีนครินทร์ – บางบ่อ
- เส้นทาง คลอง 6 – องค์รักษ์
- เส้นทาง รัตนาธิเบศร์ – แยกปากเกร็ด
- เส้นทาง คลองสาน – ศิริราช
- เส้นทาง บางซื่อ – พระราม 3
- เส้นทาง ราชพฤกษ์ – แคราย
- เส้นทาง พระโขนง – ศรีนครินทร์
- เส้นทาง บางซื่อ – ปทุมธานี
- เส้นทาง เมืองทอง – ปทุมธานี
- เส้นทาง บางแค – สำโรง
- เส้นทาง แพรกษา – ตำหรุ
- เส้นทาง ธรรมศาสตร์ – นวนคร
- เส้นทาง บางนา – ช่องนนทรี
- เส้นทางสุวรรณภูมิ – บางบ่อ
- เส้นทาง บรมราชชนนี – ดินแดง – หลักสี่
- เส้นทาง ธัญบุรี – ธรรมศาสตร์
- เส้นทาง คลอง 3 – คูคต
- เส้นทาง มีนบุรี – สุวรรณภูมิ – แพรกษา - สุขุมวิท
- เส้นทาง เทพารักษ์ – สมุทรปราการ
- เส้นทาง บางใหญ่ – บางบัวทอง
- เส้นทาง บางปู – จักรีนฤบดินทร์
- เส้นทาง ครุใน – สมุทรปราการ
- เส้นทาง ปทุมธานี – ธัญบุรี
จากนั้นกรมการขนส่งทางรางจึงได้มีการประกาศแผนการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่สอง อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 โดยแบ่งระยะการพัฒนาออกเป็นทั้งหมด 3 ระยะ ดังนี้
- กลุ่ม A1 เส้นทางมีศักยภาพ พร้อมดำเนินการทันทีหลังประกาศใช้แผนแม่บท
- สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – ธรรมศาสตร์รังสิต
- สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช
- สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา
- สายสีน้ำตาล ช่วงศูนย์ราชการนนทบุรี – แยกลำสาลี
- กลุ่ม A2 เส้นทางมีศักยภาพแต่ต้องเตรียมความพร้อมก่อนภายใน พ.ศ. 2572
- สายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ – หัวลำโพง
- สายสีลม ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ – ยศเส
- สายสีลม ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน
- สายสีเงิน ช่วงบางนา – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- สายสีเทา ช่วงวัชรพล – ทองหล่อ
- สายสีทอง ช่วงคลองสาน – ประชาธิปก (สะพานพุทธ)
- กลุ่ม B เส้นทางมีศักยภาพ แต่จะทบทวนการดำเนินการอีกครั้งภายหลัง พ.ศ. 2572
- สายสีแดงเข้ม ช่วงวงเวียนใหญ่ – บางบอน
- สายสีฟ้า ช่วงดินแดง – สาทร
- สายสุขุมวิท ช่วงคูคต – วงแหวนรอบนอก
- สายสีเทา ช่วงลำลูกกา – วัชรพล
- สายสีเทา ช่วงพระโขนง – ท่าพระ
- สายสีแดงเข้ม ช่วงหัวลำโพง – วงเวียนใหญ่
- สายสีแดงเข้ม ช่วงบางบอน – มหาชัย – ปากท่อ
- สายสุขุมวิท ช่วงเคหะฯ – ตำหรุ
- สายสีน้ำเงิน ช่วงหลักสอง – พุทธมณฑล สาย 4
- สายสีลม ช่วงตลิ่งชัน – ท่าอิฐ
สรุปแผนพัฒนาในปัจจุบัน
Remove ads
ข้อมูลทางเทคนิค
สรุป
มุมมอง
ระบบปฏิบัติการเดินรถ
ระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทุกสาย ใช้ระบบการเดินรถแบบอัตโนมัติซึ่งถูกควบคุมจากศูนย์ควบคุมกลางที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับศูนย์ซ่อมบำรุงของแต่ละโครงการ ระบบการเดินรถของแต่ละสายจะถูกดำเนินการแยกจากกันโดยไม่มีการรบกวนกันระหว่างสาย ยกเว้น รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท กับรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม และ รถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา กับรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี ที่ใช้ระบบควบคุมจากศูนย์ควบคุมกลางแห่งเดียวกัน เนื่องจากรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าชานเมืองทั้งสองสายใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงร่วมกัน และมีการติดตั้งรางหลีกในบางช่วงของเส้นทาง ทำให้สามารถป้อนหรือถอนขบวนรถระหว่างสายออกจากระบบได้
ระบบปฏิบัติการเดินรถในปัจจุบันถูกแยกออกเป็นสามประเภทหลักตามจุดประสงค์ในการใช้งาน โดยระบบที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ ระบบควบคุมรถไฟมาตรฐานยุโรป (European Train Control System หรือ ETCS) ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานกลางที่ใช้กันภายในสหภาพยุโรป และในหลาย ๆ ประเทศ ด้วยความสามารถในการรองรับระบบรถไฟจากทุกผู้ผลิตในโลก และระบบควบคุมคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและพร้อมรองรับการขยายโครงข่ายได้อย่างสมบูรณ์
ปัจจุบันระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้มีการเลือกใช้ระบบปฏิบัติการเดินรถไฟฟ้าดังต่อไปนี้
- หมายเหตุ
- Fixed Block = Conventional Fixed Block using Line of Sight. Fixed Block-Speed Coded = Fixed Block using Coded Track Circuits. DTG-TC = Fixed Block-Distance to Go using Track Circuits. DTG-R = Fixed-Block-Distance-to-Go using Radio. Moving Block TBTC = Moving Block using Induction Loops. Moving Block CBTC = Moving Block using Radio. ETCS = European Train Control System.
- UTO = ระบบควบคุมแบบใช้คนควบคุม. DTO = ระบบควบคุมอัตโนมัติ. STO = ระบบควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติ
- บีทีเอสซี ได้ดำเนินการเปลี่ยนระบบเพื่อรองรับเส้นทางส่วนต่อขยายสายสีลมช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ จำนวนสองสถานี และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง จำนวนสี่สถานี รองรับขบวนรถรุ่นซีเอ็นอาร์ บอมบาร์ดิเอร์ ที่จะเข้ามาให้บริการ ใน พ.ศ. 2553-2554 และลดระยะความถี่ลงเหลือ 1-2 นาทีในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยเริ่มเปลี่ยนในเส้นทางสายสีลมและสายสุขุมวิท ช่วงหมอชิต-สยาม เมื่อ พ.ศ. 2552 และ สายสุขุมวิท ช่วงสยาม-อ่อนนุช เมื่อ พ.ศ. 2554 ส่วนเส้นทางส่วนต่อขยาย กรุงเทพธนาคม เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งระบบเอง
ขบวนรถ
Remove ads
แผนที่
รถไฟฟ้าสายที่เปิดให้บริการแล้ว
รถไฟฟ้าสายที่เปิดให้บริการแล้วและที่กำลังก่อสร้าง
แผนที่แบบอื่น ๆ
- แผนที่แสดงเส้นทางและตำแหน่งสถานีรถไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งที่เปิดให้บริการแล้ว ที่กำลังก่อสร้าง และแผนในอนาคตที่มีข้อมูลโครงการแล้ว โดยสร้างบนพื้นแผนที่กรุงเทพและปริมณฑล ของสำนักผังเมือง
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads