Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปครั้งที่ 24 ของประเทศไทย ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ตามความในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ที่ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเสีย ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2554[1]
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรไทย ต้องการ 251 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงทะเบียน | 46,939,549 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้ใช้สิทธิ | 75.03% ( 0.52 จุด) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
การเลือกตั้งครั้งนี้มีขึ้นในห้วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล อันประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค และได้มีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา คะแนนนิยมของรัฐบาลลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระ[2]
มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 75.03%[3] จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46,921,682 คน พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย 15,744,190 คะแนน และรองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ 11,433,501 คะแนน [4] โดยผู้ใช้สิทธิ์เลือกพรรคเพื่อไทย คิดเป็น 44.72% ของจำนวนผู้ที่ออกมาเลือกตั้งในปี 2554 ผลปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่ง 265 ที่[5] นับเป็นครั้งที่สองในรอบทศวรรษที่มีพรรคการเมืองได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร[6] และยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย[7] ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก โดยได้ที่นั่งผู้แทนราษฎร 159 ที่[5]
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ปรากฏว่าพรรคพลังประชาชนได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ได้มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน คือ สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลังจากคดียุบพรรคการเมือง ซึ่งส่งผลให้พรรครัฐบาลหลักสามพรรคถูกยุบ ได้มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งผลปรากฏว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยเสียงสนับสนุนสำคัญจากพรรคภูมิใจไทย โดยหลังจากนั้นได้มีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่องเกิดความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย เมษายน พ.ศ. 2552 ในขณะที่คดีการบุกยึดท่าอากาศยานในประเทศไทย พ.ศ. 2551 อัยการยังไม่สั่งฟ้องในคดีอาญา
จากเหตุการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 นำมาสู่การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายซึ่งมีขึ้น ในวันที่ 28-29 มีนาคม พ.ศ. 2553 ระหว่างตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาล อันประกอบด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กับตัวแทนจากทางฝ่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อันประกอบด้วย จตุพร พรหมพันธุ์, วีระ มุสิกพงศ์ และ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ที่สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งทางฝ่ายแกนนำผู้ชุมนุม เสนอให้มีการยุบสภาภายใน 15 วัน และมีการเลือกตั้ง แต่ทางรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอ เนื่องจากไม่เห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองจะยุติลงได้หลังเลือกตั้งเสร็จแล้ว โดยรัฐบาลยินดีที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยกำหนดระยะเวลาการยุบสภาภายในเวลา 9 เดือน[8]
จากนั้นได้มีข้อเสนอจัดการเลือกตั้งนั้นซึ่งกำหนดไว้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553[9] อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ระบุในข้อเสนอปรองดองว่าเขาจะดำเนินการตามแผนการเลือกตั้งต่อไป แม้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวก็ตาม หากมิได้กำหนดวันเลือกตั้งแน่ชัด[9] ซึ่งแม้ว่าแกนนำ นปช. จะตอบรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ยังคงทำการชุมนุมต่อไป โดยอ้างว่ามีเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้งเท่านั้นที่มีอำนาจกำหนดวันเลือกตั้งได้ นายกรัฐมนตรีจึงถอนข้อเสนอเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553[10] จากนั้นก็ได้เกิดการสลายการชุมนุมตามมา
การแปรบัญญัติกฎหมายเลือกตั้งซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นถึงความจำเป็นก่อนที่จะจัดการเลือกตั้งขึ้นนั้นผ่านสภาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554[11] โดยในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ได้มีการประกาศว่าจะมีการยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม[12] ซึ่งหลังจากมีการประกาศถึงเจตนารมณ์ในการยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากขาดประชุมสภา โดยเฉพาะในช่วงระหว่าง วันที่ 29- 31 มีนาคม 2554 นั้นสภาล่มถึง 3 วันติดต่อกัน เพราะมีผู้เข้าประชุมไม่ครบกึ่งหนึ่งของสภา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขาดประชุมทั้งหมด 175 คน จากจำนวนทั้งหมด 188 คน เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน[13] จนท้ายที่สุดมีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 พฤษภาคม
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศยุบสภานั้น เริ่มตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา พบว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพจนทำให้ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ตลอดจนนโยบายต่างประเทศ[2] หากพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยให้เวลาล่าช้าออกไป จะยิ่งทำให้คะแนนนิยมของพรรคตกต่ำลง[14]
ในวันที่ 3 เมษายน 2554 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานสัมภาษณ์พิเศษ ในรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย ใจความตอนหนึ่งทรงกล่าวโจมตี การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประชวรหนัก [15]และ การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยที่ทรงละเว้นการกล่าวถึง การบุกยึดท่าอากาศยานในประเทศไทย พ.ศ. 2551 ที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในประเทศมหาศาลเช่นเดียวกัน การประทานสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีผลให้ กลุ่มผู้ชุมนุมโกรธแค้น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้เขียนบทความ เรียนถามฟ้าหญิงจุฬาภรณ์: ตาย 91 เจ็บ 2 พัน ไม่น่าสะเทือนใจกว่าการ"เผาบ้านเผาเมือง"หรือครับ? และเหตุใดไม่ทรงวิจารณ์พันธมิตรครับ?[16][17]ความโกรธแค้นของกลุ่มผู้ชุมนุมจากการประทานสัมภาษณ์พิเศษดังกล่าว เป็นสาเหตุหนึ่งของผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถโต้ตอบได้เลยนอกจากแสดงออกในการเลือกตั้งเท่านั้น
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลตั้งแต่ พ.ศ. 2551 มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค โดยดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ต่อจากบัญญัติ บรรทัดฐาน ส่วนพรรคเพื่อไทยยังไม่เปิดเผยผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 16 พฤษภาคม เมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับมติเอกฉันท์จากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 นอกจากนี้ยังมีการจัดผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 2 ชุด คือบัญชีผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อเพื่อทำงานในสภา กับบัญชีผู้บริหารเพื่อทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ[18]
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา ส่งชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1[19] ทางพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่เกิดจากการรวมพรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น ส่งชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1[20] ทางพรรครักประเทศไทย ได้ส่งชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 โดยประกาศจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน[21] ส่วนพรรคการเมืองใหม่ โฆษกพรรค ดร.สุริยะใส กตะศิลา ยืนยันว่าพรรคจะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนที่สมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค ออกมาประกาศว่าจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งนั้น ไม่ใช่มติพรรค[22]
โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2554 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 500 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 375 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คน[23]
ในระบบบัญชีรายชื่อ จะมีการคัดเลือกด้วยขั้นตอนดังนี้[24]
ให้แต่ละพรรค ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครจำนวนไม่เกิน 125 คน
ในการเลือกตั้งครั้งนี้หมายเลขผู้สมัครที่จับในระบบบัญชีรายชื่อจะใช้กับระบบแบ่งเขตเลือกตั้งด้วย โดยแต่ละพรรคจะใช้หมายเลขเดียวกันทั้งสองระบบทั่วประเทศ ซึ่งหมายเลขที่แต่ละพรรคจับได้เป็นดังนี้
|
|
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี พ.ศ. 2550 ก่อนหน้านี้นั้นเป็นแบบ "เขตเดียวสามเบอร์" คือมีการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยที่การแบ่งเขตนั้นแต่ละเขตจะมีจำนวนประชากรในเขตที่ต่างกัน ดังนั้นแต่ละเขตจะมีจำนวนผู้แทนได้ไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 1-3 คน ตามขนาดของประชากรในเขต ซึ่งผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง สามารถกาบัตรเลือกผู้สมัครได้จำนวน เท่ากับจำนวนผู้แทนในเขตของตน[26] แต่การเลือกตั้งผู้แทนในครั้งนี้ แบบแบ่งเขตในครั้งนี้มีรูปแบบการลงคะแนนเป็นแบบ "เขตเดียวเบอร์เดียว" คือ การแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นจะแบ่งเป็น 375 เขต โดยยึดหลักให้แต่ละเขตนั้นมีจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกันให้มากที่สุด ดังนั้นในแต่ละเขตจะมีผู้แทนได้เขตละ 1 คนอย่างเท่าเทียมกัน และผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง สามารถกาบัตรเลือกผู้สมัครได้เพียงคนเดียว[27]
เกณฑ์การแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขตนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศให้มีหลักเกณฑ์ในการแบ่ง ดังต่อไปนี้[28]
แต่ละจังหวัด มีจำนวนเขตเลือกตั้งดังต่อไปนี้[29]
พื้นที่ | จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
---|---|
กรุงเทพมหานคร | 33 |
นครราชสีมา | 15 |
อุบลราชธานี | 11 |
เชียงใหม่, ขอนแก่น | 10 |
อุดรธานี, นครศรีธรรมราช และบุรีรัมย์ | 9 |
ชลบุรี, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และสงขลา | 8 |
ชัยภูมิ, เชียงราย, สมุทรปราการ และสกลนคร | 7 |
นครสวรรค์, นนทบุรี, สุราษฎร์ธานี ปทุมธานี, เพชรบูรณ์ และกาฬสินธุ์ | 6 |
กาญจนบุรี, นครปฐม, พระนครศรีอยุธยา, พิษณุโลก มหาสารคาม, ราชบุรี และสุพรรณบุรี | 5 |
กำแพงเพชร, ฉะเชิงเทรา, ตรัง, นครพนม, นราธิวาส, ปัตตานี ระยอง, ลพบุรี, ลำปาง, เลย, สระบุรี และสุโขทัย | 4 |
กระบี่, จันทบุรี, ชุมพร, ตาก, น่าน, ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี, พะเยา, พัทลุง, พิจิตร, อุตรดิตถ์, เพชรบุรี แพร่, ยโสธร, ยะลา, สมุทรสาคร, สระแก้ว, หนองคาย และหนองบัวลำภู | 3 |
ชัยนาท, ภูเก็ต, มุกดาหาร, ลำพูน, สตูล อ่างทอง, อำนาจเจริญ, อุทัยธานี และบึงกาฬ | 2 |
ตราด, นครนายก, พังงา, แม่ฮ่องสอน ระนอง, สิงห์บุรี และสมุทรสงคราม | 1 |
ที่รัฐสภา ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสภาพัฒนาการเมือง เชิญพรรคการเมืองเข้าร่วมพิธีให้สัตยาบันและลงนามจรรยาบรรณหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีประธานวุฒิสภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตัวแทนจากศาสนาต่าง ๆ เอกอัครราชทูต และผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศมาร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีตัวแทนจาก 17 พรรคการเมืองเข้าร่วมพิธี ขาดพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทย[18]
เป็นที่คาดกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความดุเดือดรุนแรงเป็นพิเศษ หลังมีการเปลี่ยนรูปแบบการลงคะแนนไปเป็น "เขตเดียวเบอร์เดียว" และเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ได้เกิดเหตุ ประชา ประสพดี อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืนขณะเดินทางด้วยรถยนต์กลับบ้าน[64] โดยคาดว่ามือปืนมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองในจังหวัดสมุทรปราการ ตำรวจได้มีการเฝ้าระวังติดตามมือปืนที่มีประวัติและคดีอุกฉกรรจ์ ด้านพันเอกธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารพร้อมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้ง[65]
ด้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีการรณรงค์ "โหวตโน" หรือกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน พร้อมกับติดป้ายรณรงค์ที่เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ใส่ชุดสูท โดยสื่อถึงนักการเมือง พร้อมข้อความระบุว่า "อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา" ด้านพลตรีจำลอง ศรีเมือง ออกมาระบุว่า กระทำไปด้วยความหวังดีต่อบ้านเมือง และนักการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ตลอดจนไม่มีนโยบายที่เกี่ยวกับการเสียดินแดน[66] เกี่ยวกับเรื่องนี้ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ได้ออกมาตั้งคำถามว่า "ผมอยากถามว่า คนเหล่านี้มีสิทธิ์หรือไม่ ในเมื่อเราเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเชื่อว่าผู้สมัครทั้งหมดของเราขณะนี้ 40 พรรค ไม่ได้แย่ไปหมด ผมยืนยันพี่น้องประชาชน และบ่อยครั้งคนของเราดีกว่ากลุ่มที่รณรงค์โนโหวตด้วยซ้ำไป ฉะนั้นควรปลดป้ายลง เพราะคนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะติดป้าย เพราะเขาไม่ใช่พรรคการเมือง"[67] ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ออกมาร้องคณะกรรมการการเลือกตั้งให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปลดป้ายโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติ 4 ต่อ 1 ให้ปลดป้ายออก อย่างไรก็ตามทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองและไม่มีการปลดป้ายแต่อย่างใด[68]
พรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอให้มีการดีเบต หรือโต้วาที ระหว่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของพรรคต่อประชาชน โดยอภิสิทธิ์ต้องการพิสูจน์ถึงความพร้อมทำงานสานต่อภารกิจ และเห็นว่าเป็นธรรมเนียมประชาธิปไตยที่ผู้สมัครจะแสดงวิสัยทัศน์แก่ประชาชน[69] แต่ทางพรรคเพื่อไทยปฏิเสธ[70] โดยร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เห็นว่า การดีเบตเป็นแนวทางของระบบประธานาธิบดี[71]
นอกจากนี้ยังได้เกิดเหตุฆ่าหัวคะแนนของพรรคการเมืองต่าง ๆ เช่น
ช่วงเดือนมิถุนายน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐระบุว่าทูตประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มสหภาพยุโรป ได้แก่ อังกฤษ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางเข้าพบหารือสถานการณ์เลือกตั้งและอวยพรในวันคล้ายวันเกิดของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[84] ซึ่งอาซีฟ อาหมัด เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกเพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้งและพรรคประชาธิปัตย์อยากให้มีการสังเกตการณ์เลือกตั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มี[84] ด้านพรรคเพื่อไทยออกมาชี้ว่ามีความพยายามโกงการเลือกตั้ง[84] พล.ต.ณพล คชแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้ยื่นฟ้องศาลขอให้ระงับการเลือกตั้งทั่วไป และขอให้ถวายสมบูรณาญาสิทธิราชย์คืนแก่พระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าเนื่องจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับโดยไม่ผ่านการทำประชามติ อย่างไรก็ตามศาลฎีกามีคำสั่งยกฟ้อง และศาลปกครองสูงสุดไม่รับคดีไว้ในพิจารณา[85]
ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 หนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้ลงบทความในหน้าหนึ่งเกี่ยวกับการพร้อมให้ตรวจสอบกรณีมีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ลึกลับกล่าวหาว่ามีผู้สื่อข่าวรับสินบนเพื่อให้เสนอข่าวให้พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเป็นการภายในเครือเนชั่นได้ออกมาปฏิเสธเรื่องการติดสินบนแลกการนำเสนอข่าวดังกล่าว[86]
ทั้งนี้บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย มีการปราศัยในลักษณะโต้วาทีในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ถึงสองครั้งในประเด็นการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 รวมถึงดนุพร ปุณณกันต์ ที่ได้ออกมาปราศัยถึงเรื่องนี้เช่นกันโดยกล่าวตอนนึงว่า วันนี้คนเสื้อแดงถูกขังลืม แต่ทำไมคนเสื้อเหลืองลืมขัง[87]
พรรคภูมิใจไทยได้ฟ้องร้องพรรคเพื่อไทย ในกรณีที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ใส่ร้ายผู้สมัครของพรรคคือ เนวิน ชิดชอบ และ ชัย ชิดชอบ ด้าน แทนคุณ จิตต์อิสระได้ฟ้องร้องเรื่องนี้กับ การุณ โหสกุล เป็นการส่วนตัวเช่นตัวกัน[88] นอกจากนี้ยังมีการยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโดยนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษคอรัปชั่นทักษิณ ซึ่งยื่นฟ้องต่อดีเอสไอ ในกรณีที่ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในการถือหุ้นบริษัทชินคอร์ป เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 302 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์[89]
ตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 มีเว็บไซด์ที่ทำการปิดชั่วคราวโดยเฉพาะเว็บไซด์ที่มีเนื้อหาด้านการเมืองหรือของพรรคการเมืองเช่นเว็บไซด์ของพรรคประชาธิปัตย์ เว็บไซด์พันทิปห้องราชดำเนิน ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งออกมาเตือนว่าการหาเสียงทางเครือข่ายสังคมออนไลน์จะเป็นการผิดกฎหมายหลังเวลา 18.00 ของวันดังกล่าว
การเลือกตั้งล่วงหน้าจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554 หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์มากถึง 2.6 ล้านคน รวมทั้ง 1.07 ล้านคนในกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหลายคนไม่สามารถลงคะแนนได้เนื่องจากมีผู้ไปใช้สิทธิ์กันอย่างหนาแน่น[90] ส่วนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรนั้น มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรถึง 147,330 คน เพิ่มขึ้นจาก 90,205 คน เมื่อปี พ.ศ. 2550 จำนวนผู้ลงทะเบียนในสิงคโปร์มีเกิน 10,000 คน และในสหราชอาณาจักรมีผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คือ 4,775 คน เทียบกับ 2,296 คน[91]
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 มีผู้สมัครพรรคมาตุภูมิ นายพูลผล อัศวเหม ถูกทำร้ายร่างกายหน้าบ้านพักที่จังหวัดสมุทรปราการ[92]ในขณะที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส คนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นยิง กรรมการหน่วยเลือกตั้งบาดเจ็บสาหัส 2 คน[93] ส่วนการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายสุรา และทำลายบัตรเลือกตั้ง
ระยะเวลา
การสำรวจ |
องค์กรที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | อภิสิทธิ์ | ยิ่งลักษณ์ | อื่นๆ | ยังไม่ตัดสินใจ |
---|---|---|---|---|---|---|
20-22 พฤษภาคม | กรุงเทพโพล | 1,178 | 17.4 | 26.9 | 6.5 | 49.2 |
2-9 มิถุนายน | กรุงเทพโพล | 3,323 | 23.6 | 42.6 | 6.3 | 27.5 |
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์กรที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | เพื่อไทย | ประชาธิปัตย์ | อื่นๆ | ยังไม่ตัดสินใจ |
---|---|---|---|---|---|---|
17-18 พฤษภาคม | นิด้าโพล | 1,272 | 16.90 | 12.74 | 18.24 | 52.04 |
24-25 พฤษภาคม | นิด้าโพล | 1,234 | 17.99 | 12.07 | 1.05 | 48.38 |
1-2 มิถุนายน | นิด้าโพล | 1,230 | 16.67 | 9.19 | 28.21 | 45.93 |
7-8 มิถุนายน | นิด้าโพล | 1,338 | 18.59 | 9.15 | 1.15 | 43.73 |
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์กรที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | เพื่อไทย | ประชาธิปัตย์ | อื่นๆ | ยังไม่ตัดสินใจ |
---|---|---|---|---|---|---|
17-18 พฤษภาคม | นิด้าโพล | 1,272 | 17.77 | 14.23 | 18.24 | 49.76 |
19-22 พฤษภาคม | สวนดุสิตโพล | 3,584 | 41.22 | 36.88 | 15.41 | 6.49 |
23-28 พฤษภาคม | สวนดุสิตโพล | 4,694 | 43.16 | 37.45 | 12.31 | 7.08 |
24-25 พฤษภาคม | นิด้าโพล | 1,234 | 18.31 | 11.75 | 1.22 | 48.95 |
1-2 มิถุนายน | นิด้าโพล | 1,230 | 16.67 | 9.19 | 28.21 | 45.93 |
7-8 มิถุนายน | นิด้าโพล | 1,338 | 18.01 | 9.51 | 28.60 | 43.88 |
4-18 มิถุนายน | สวนดุสิตโพล | 102,944 | 51.55 | 34.05 | 12.02 | 2.38 |
สำนัก | วันที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | พท. | ปชป. | ภท. | ชทพ. | พช. | รปท. | ชพน. | รสต. | มภ. | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สวนดุสิตโพล | แบ่งเขต | 247 | 313 | 107 | 152 | 9 | 13 | 8 | 10 | 4 | 5 | 0 | 3 | 0 | 2 | 0 | 1 | 0 | 1 | ||
บัญชีฯ | 66 | 45 | 4 | 2 | 1 | 3 | 2 | 1 | 1 |
↓ | ||||
พรรค | แบ่งเขต | บัญชีรายชื่อ | ที่นั่งรวม | +/- | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | คะแนนเสียง | % | ที่นั่ง | |||||
เพื่อไทย | 204 | 15,752,470 | 48.41 | 61 | 265 | 32 | ||||
ประชาธิปัตย์ | 115 | 11,435,640 | 35.15 | 44 | 159 | 6 | ||||
ภูมิใจไทย | 29 | 1,281,652 | 3.94 | 5 | 34 | พรรคใหม่ | ||||
ชาติไทยพัฒนา | 15 | 906,656 | 2.79 | 4 | 19 | 18 | ||||
ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน | 5 | 495,762 | 1.52 | 2 | 7 | 26 | ||||
พลังชล | 6 | 178,042 | 0.55 | 1 | 7 | พรรคใหม่ | ||||
รักประเทศไทย | ไม่ส่งผู้สมัคร | 998,668 | 3.07 | 4 | 4 | พรรคใหม่ | ||||
มาตุภูมิ | 1 | 251,674 | 0.77 | 1 | 2 | พรรคใหม่ | ||||
รักษ์สันติ | 0 | 284,100 | 0.87 | 1 | 1 | พรรคใหม่ | ||||
มหาชน | ไม่ส่งผู้สมัคร | 133,752 | 0.41 | 1 | 1 | 1 | ||||
ประชาธิปไตยใหม่ | 0 | 125,753 | 0.39 | 1 | 1 | พรรคใหม่ | ||||
อื่น ๆ | – | 691,058 | 2.13 | – | – | – | ||||
คะแนนสมบูรณ์ | 33,180,116 | 100.00 | 375 | 32,535,227 | 100.00 | 125 | 500 | – | ||
ไม่ประสงค์ลงคะแนน | 1,419,148 | 4.03% | 958,213 | 2.72% | ||||||
คะแนนเสีย | 2,040,261 | 5.79 | 1,726,768 | 4.90 | ||||||
จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง | 35,220,377 | 75.03 | 35,220,208 | 75.03 | ||||||
จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง | 46,939,549 | 100.00 | 46,939,549 | 100.00 | ||||||
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง |
ตั้งแต่การเลือกตั้งสิ้นสุดลงในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ขั้นตอนต่อไป คือ คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องรับรองผลการเลือกตั้งภายในสามสิบวันหลังจากวันเลือกตั้ง จากนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะได้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก เพื่อจะเลือกสรรประธานสภาผู้แทนราษฎร, รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรีคนใหม่คนใหม่ตามลำดับ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงจะแนะนำและยินยอมให้พระมหากษัตริย์แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมตินั้นต่อไป[95]
คณะกรรมการการเลือกตั้งเริ่มประชุมเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งในบ่ายวันที่ 12 กรกฎาคม ในวันนั้น ประชุมกันถึงค่ำ มีสมาชิกแนวร่วประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการประมาณห้าสิบคนมารอฟังผลถึงหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และมีเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมอย่างเคร่งเครียด ครั้นแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสามร้อยห้าสิบคนเป็นเบื้องต้น ในจำนวนนี้ ไม่รวมยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และก่อแก้ว พิกุลทอง เนื่องจากมีผู้คัดค้านผลการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันมาก[95]
เป็นที่คาดกันว่าจะมีการแจกใบแดงห้าใบระหว่างการลงคะแนนในจังหวัดสุโขทัย ชัยภูมิ มหาสารคาม ศรีสะเกษและบุรีรัมย์จากการโกงระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง[96] นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้งครั้งมโหฬารโดยพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การพิพากษายุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ[97]
สำนักข่าวรอยเตอส์ รายงานว่า "คะแนนเสียงในครั้งนี้ เป็นการตบหน้าฝ่ายนิยมเจ้าในกรุงเทพมหานครที่อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชี้ให้เห็นว่านโยบายอันนำโดย พันตำรวจโท ทักษิณ ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง"[98]
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์สูญอำนาจแล้วในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นั้นเอง พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร สามารถให้สัมภาษณ์จากนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออกอากาศสดทางช่อง 3 และช่องไทยพีบีเอสได้[99] และเย็นวันถัดมา มีกลุ่มเยาวชนที่ภาษาปากเรียก "เด็กแว้น" ขับจักรยานยนต์ส่งเสียงดังเพื่อเยาะเย้ยพรรคประชาธิปัตย์ที่หน้าที่ทำการพรรคบนถนนสามเสน โดยเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อพากันยืนดูเฉยไม่เอาเป็นธุระ[100]
วันที่ 4 กรกฎาคม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่เคยให้สัญญาไว้ว่าจะลาออกหากพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้ง[101] พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคพลังชลและพรรคมหาชนตกลงที่จะเข้าร่วมรัฐบาลผสมนำโดยพรรคเพื่อไทย ทำให้มีที่นั่งรวม 299 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร[97] รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศว่ากองทัพจะยอมรับผลการเลือกตั้ง และจะไม่มีการแทรกแซงการเมือง ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สัญญาว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ ระหว่างกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล[102]
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ฮอร์ นัมฮง แสดงความยินดีต่อพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้ง โดยกล่าว่า "เราไม่อาจปกปิดได้ว่าเรามีความสุขกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทย" และแสดงความเชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลใหม่ ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาจะได้รับการตกลง[103] ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในวันทำการซื้อขายวันแรกหลังการเลือกตั้ง[104]
วันที่ 7 กรกฎาคม พรรคประชาธิปไตยใหม่เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้มีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวม 300 คน นอกจากนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรยังออกมาระบุว่า ไม่ได้ปิดกั้นมิให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด[105]
วันที่ 10 กรกฎาคม ละเมียน อยู่สุข ชาวระยองวัยแปดสิบปี ผู้นิยมชมชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นอันมาก ดื่มยาฆ่าหญ้าฆ่าตัวตายหลังจากผิดหวังกับปราชัยของพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ร่วมงานศพของเธอเป็นจำนวนมาก แต่ไม่รวมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจในภายหลัง[106]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.