คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส
Remove ads

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Équipe de France de football) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การกำกับดูแลโดยสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส เป็นสมาชิกของสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปในการแข่งขันระดับทวีป และสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติในการแข่งขันระดับโลก มีสนามเหย้าคือสตาดเดอฟร็องส์ ตั้งอยู่ในเทศบาลแซ็ง-เดอนีในกรุงปารีส และสนามฝึกซ้อมตั้งอยู่ที่แกลร์ฟงแตน ออง อีฟเฟอลีน แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ สีประจำทีมคือสีน้ำเงินและสีแดงซึ่งมีต้นแบบมาจากธงชาติฝรั่งเศส และเป็นที่มีของฉายา Les Bleus (The Blues) สัญลักษณ์ฺทีมคือไก่ตัวผู้

ข้อมูลเบื้องต้น ฉายา, สมาคม ...

ฝรั่งเศสเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จทีมหนึ่งในทวีปยุโรป มีผลงานชนะเลิศฟุตบอลโลก 2 สมัย (ค.ศ. 1998 และ 2018), ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 สมัย (ค.ศ. 1984 และ 2000), ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2 สมัย (ค.ศ. 2001 และ 2003) ยูฟ่าเนชันส์ลีก 1 สมัย (ค.ศ. 2021), คอนเมบอล–ยูฟ่าคัพออฟแชมเปียนส์ 1 สมัย (ค.ศ. 1985) และเหรียญทองโอลิมปิก 1 สมัย (โอลิมปิกฤดูร้อน 1984)

ทีมชาติฝรั่งเศสก่อตั้งทีมใน ค.ศ. 1904 และเป็นหนึ่งในสี่ชาติของยุโรปที่ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 1930 ฝรั่งเศสภายใต้ผู้เล่นชื่อดังอย่าง เรมง โกปา และ ฌุสต์ ฟงแตน พาทีมคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลก 1958 ทีมชาติฝรั่งเศสมียุคทองที่ประสบความสำเร็จสูงสุดสามช่วงเวลาด้วยกัน เริ่มต้นในทศวรรษ 1980 ตามด้วยปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000 และปลายทศวรรษ 2010 โดยใน ค.ศ. 1984 ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984 ภายใต้การนำของนักเตะชื่อดังและเจ้าของรางวัลบาลงดอร์ 3 สมัยอย่างมิเชล พลาตินี่ ตามด้วยแชมป์คอนเมบอลในปีต่อมา ทีมชุดนี้ยังผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้สองสมัยติดต่อกันในฟุตบอลโลก 1982 และฟุตบอลโลก 1986

ในทศวรรษต่อมา ภายใต้นักเตะตัวหลักอย่างซีเนดีน ซีดาน และ ดีดีเย เดช็องกัปตันทีม ฝรั่งเศสคว้าแชป์ฟุตบอลโลก 1998 ในฐานะเจ้าภาพ ด้วยการชนะบราซิลในรอบชิงชนะเลิศ 3–0 ตามด้วยแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 โดยเอาชนะอิตาลีในช่วงต่อเวลา 2–1 และคว้าแชมป์ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพสองสมัยใน ค.ศ. 2001 และ 2003 และเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 แต่แพ้จุดโทษอิตาลี[3] จากนั้น ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 และเข้าชิงชนะเลิศแต่แพ้โปรตุเกสในช่วงต่อเวลา 0–1 ก่อนจะกลับสู่ความสำเร็จด้วยแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สองใน ค.ศ. 2018[4] เอาชนะโครเอเชียในรอบชิงชนะเลิศ 4–2 ตามด้วยแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2021[5] เอาชนะสเปนในรอบชิงชนะเลิศ 2–1 ทำสถิติเป็นทีมแรกจากทวีปยุโรปที่ชนะเลิศการแข่งขันในนามทีมชาติชุดใหญ่ที่จัดโดยฟีฟ่าและยูฟ่าครบทุกรายการ[6][7] พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 แต่แพ้อาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษ 2–4

ฝรั่งเศสเคยเป็นทีมอันดับหนึ่งตามการจัดอันดับโดยฟีฟ่าในต้นทศวรรษ 2000 และปลายทศวรรษ 2010 พวกเขาเป็นชาติแรกของโลกที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการสำคัญของฟีฟ่าครบทั้ง 3 รายการ ได้แก่ ฟุตบอลโลก, ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ และกีฬาโอลิมปิก (เหรียญทอง) พวกเขายังเป็นหนึ่งในสองชาติร่วมกับบราซิล ที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชายของฟีฟ่าแบบผู้เล่น 11 คนในทุกรุ่นอายุ[8][9][10][11] โดยนอกเหนือจากการชนะเลิศฟุตบอลโลกในฐานะทีมชุดใหญ่ ยังชนะเลิศฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รวมถึงฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ และเหรียญทองโอลิมปิกฤดูร้อน ฝรั่งเศสมีชาติคู่ปรับหลายทีม ได้แก่ เบลเยียม, บราซิล[12], อังกฤษ[13], เยอรมนี, อิตาลี, โปรตุเกส และสเปน รวมถึงการเป็นอริกับอาร์เจนตินาตั้งแต่ทศวรรษ 2020[14] ปัจจุบันฝรั่งเศสเป็นทีมอันดับ 1 ของทวีปยุโรป และอันดับ 2 ของโลกตามการจัดอันดับโลกฟีฟ่า

Remove ads

ประวัติทีม

สรุป
มุมมอง

ยุคแรก (1900–1930)

Thumb
นักฟุตบอลชุดแรกของทีมชาติฝรั่งเศสในการลงแข่งขันระดับนานาชาติครั้งแรก พบเบลเยียม ค.ศ. 1904

ทีมชาติฝรั่งเศสตั้งทีมขึ้นมาในช่วง ค.ศ. 1904 ในช่วงที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1904[15] โดยลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับเบลเยียมในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1904 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 3–3[16] ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1905 ฝรั่งเศสได้ลงเล่นในเกมระดับชาติในสนามของตนเองอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ ต่อหน้าผู้ชมราว 500 คน และพวกเขาเอาชนะไปได้ 1–0 จากประตูของแกสตัน ซีเปรส์ สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างฟีฟ่าและสหภาพสมาคมกีฬากีฬาแห่งฝรั่งเศส (USFSA) ซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์กรปกครองด้านกีฬาในฝรั่งเศส ในช่วงทศวรรษที่ 1890 และต้นทศวรรษ 1900 ทำให้อำนาจในการบริหารทีมของฝรั่งเศสยังคงไม่ชัดเจนในช่วงเวลานั้น ต่อมา ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1908 คณะกรรมการกีฬาแห่งฝรั่งเศส (CFI) ซึ่งเป็นองค์กรคู่แข่งของ USFSA มีมติให้ฟีฟ่าเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง และใน ค.ศ. 1919 คณะกรรมการกีฬาแห่งฝรั่งเศสได้กลายสภาพเป็นสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) ก่อนที่ USFSA จะควบรวมกับสหพันธ์ในอีกสองปีต่อมา

ใน ค.ศ. 1930 ฝรั่งเศสได้เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย โดยเกมแรกในรายการนี้ของฝรั่งเศสคือถล่มทีมชาติเม็กซิโก 4–1 โดยลูว์เซียง โลร็อง ที่เป็นผู้ยิงประตูแรกของเกม กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูแรกสุดของศึกฟุตบอลโลกอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสกลับแพ้ 0–1 ใน 2 เกมต่อมากับอาร์เจนตินาและชิลี ทำให้ต้องตกรอบแรก ต่อมา ใน ค.ศ. 1934 ฝรั่งเศสยังคงต้องผิดหวังต่อไป เมื่อตกรอบแรกจากการแพ้ออสเตรีย[17] แต่พวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นในครั้งที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 1938 โดยผ่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนจะแพ้ให้กับอิตาลี 1–3

ทศวรรษ 1950–1980

ในยุคทศวรรษที่ 1950 นับเป็นยุคทองของวงการฟุตบอลของฝรั่งเศส จากการแจ้งเกิดของนักเตะชื่อดังอย่างฌุสต์ ฟงแตน เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลก และแรมง กอปา ตำนานดาวยิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเรอัลมาดริด ใน ค.ศ. 1958 ฝรั่งเศสสามารถคว้าอันดับ 3 จากการถล่มทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 6–3 โดยฟงแตนยิงคนเดียว 4 ประตู ใน ค.ศ. 1960 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นครั้งแรก แต่พวกเขากลับทำได้แค่อันดับ 4 หลังจากแพ้เชโกสโลวาเกีย 0–2 และหลังจากนั้น ฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคตกต่ำจากการเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง และล้มเหลวในการผ่านเข้าไปเล่นในการแข่งขันเมเจอร์ และไม่สามารถคว้าแชมป์ใดได้เลยในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970

เข้าสู่ทศวรรษที่ 1980 ฝรั่งเศสกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งจากการนำทัพของมีแชล ปลาตีนี ตัวทำเกมจอมเทคนิค และสามสุดยอดกองกลางอย่างฌ็อง ตีกานา, อาแล็ง ฌีแร็ส และลูยส์ แฟร์น็องแดซ ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square)[18] พวกเขาพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโวของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู รวมถึงหนึ่งในประตูในเกมที่ชนะสเปน 2–0 ในนัดชิงชนะเลิศ มีแชล ไฮดาลโก ผู้ฝึกสอนในขณะนั้นอำลาตำแหน่งหลังการแข่งขัน และถูกแทนทีโดย อ็องรี มีแชล พาทีมชาติฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 1984 ตามด้วยการเอาชนะอุรุกวัยในนัดตัดสิน 2–0 ชนะเลิศรายการคอนเมบอล–ยูฟ่าคัพออฟแชมเปียนส์เป็นครั้งแรก (ถ้วยต้นแบบของรายการฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ) ได้สองประตูจากดอมีนิก โรเชตู และโชเซ ตูเร โดยฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการชนะเลิศการแข่งขันรายการสำคัญระดับนานาชาติได้ถึง 3 จาก 4 รายการ

ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับการยกให้เป็นทีมเต็งในฟุตบอลโลก 1986 แต่แพ้เยอรมนีตะวันตกในรอบรองชนะเลิศ และคว้าอันดับ 3 จากการชนะเบลเยียมด้วยผลประตู 4–2 ต่อมาใน ค.ศ. 1988 ฝรั่งเศสเปิดตัวศูนย์ฝึกฟุตบอลและสนามฝึกซ้อมเต็มรูปแบบในชื่อแกลร์ฟงแตน โดยได้รับเกียรติจากฟร็องซัว มีแตร็อง ประธานาธิบดีในขณะนั้น ผู้ฝึกสอนอย่างมีแชลถูกปลดในอีกห้าเดือนถัดมา และแทนที่โดยมีแชล ปลาตีนี แต่ฝรั่งเศสไม่ประสบความสำเร็จในการผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 1990

ยุคของซีดาน และแชมป์ฟุตบอลโลก & ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

Thumb
ซีเนดีน ซีดานในฟุตบอลโลก 2006 ในฐานะกัปตันทีมเขาพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ

เฌราร์ อูลีเย เข้ามาคุมทีมในปี 1992 แต่ฝรั่งเศสยังมีผลงานย่ำแย่โดยไม่ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 1994 ทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 นัดพบกับอิสรเอล และบัลแกเรีย แต่พวกเขาแพ้อิสราเอล 2–3 แม้จะออกนำไปก่อน 2–1 และแพ้บัลแกเรียในนัดสุดท้าย 1–2 นำไปสู่การประท้วงโดยแฟนบอลและอูลีเยลาออกจากตำแหน่ง ผู้ช่วยของเขาอย่างเอเม ฌาคเกต์ เข้ารับตำแหน่งแทน และทีมผลงานที่ดีขึ้นมาก โดยในฟุตบอลโลก 1994 ถือเป็นรายการแจ้งกเกิดของว่าที่ตำนานอย่างซีเนดีน ซีดาน กองกลางดาวรุ่งพรสวรรค์สูงแห่งวงการฟุตบอล ฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 แต่แพ้สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรกด้วยการชนะบราซิลในนัดชิงชนะเลิศ 3–0[19] การแข่งขันมีขึ้น ณ สนามสตาดเดอฟร็องส์ในกรุงปารีส ฝรั่งเศสได้สองประตูจากซีดาน และประตูปิดท้ายในช่วงทดเวลาจากแอมานุแอล เปอตี ฌาคเกต์อำลาตำแหน่งหลังจบการแข่งขัน และผู้ช่วยของเขา โรเฌ เลอแมร์ เข้ามารับช่วงต่อ

ใน ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดีไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 ภายใต้การนำทัพของซีดาน เจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีด้วยการชนะอิตาลี 2–1 ในนัดชิงชนะเลิศ[20] ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรกที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโรนับตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974 และยังเป็นทีมแชมป์ฟุตบอลโลกทีมแรกในทวีปยุโรป ที่ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปต่อจากฟุตบอลโลก นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังขึ้นไปอันดับ 1 ในการจัดอันดับโลกตามการจัดอันดับโดยฟีฟ่า

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสเริ่มกลับสู่ความตกต่ำอีกครั้ง หลังจากไม่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ได้ โดยพวกเขาต้องหยุดอยู่ที่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น โดยไม่สามารถชนะทีมใดได้เลย โดยแพ้เดนมาร์กในนัดสุดท้าย 0–2 ถือเป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกในฐานะทีมแชมป์เก่า[21] ก่อนที่ผลงานจะดีขึ้นมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 โดยผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ปราชัยต่อกรีซ แชมป์ในรายการนั้น[22] ต่อมา ภายใต้การคุมทีมโดยแรมง ดอแมแน็ก ใน ค.ศ. 2006 ฝรั่งเศสเกือบจะไม่ผ่านไปเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี แต่ยังดีที่บรรดานักเตะรุ่นเก่าที่เคยประกาศตัดสินใจอำลาทีมชาติเปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจากการชนะไซปรัส 4–0 และพวกเขาก็ยังทำผลงานได้ดีในรอบสุดท้าย และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศพบอิตาลีอีกครั้ง โดยมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจและเป็นที่จดจำมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เมื่อซีดานได้รับใบแดงจากการใช้ศีรษะโขกมาร์โก มาเตรัซซี กองหลังอิตาลี แม้ฝรั่งเศสจะได้ประตูออกไปก่อนจากลูกจุดโทษของซีดานในครึ่งเวลาแรก แต่ก็เสียประตูตีเสมอจากการโหม่งทำประตูโดยมาเตรัซซี เกมจบลงด้วยผลเสมอในเวลาปกติ และกาารต่อเวลาพิเศษ 1–1 ฝรั่งเศสแพ้ในการดวลจุดโทษ 3–5 และนั่นคือการลงสนามครั้งสุดท้ายของซีดาน ก่อนจะประกาศเกษียนณตนเองการการเล่นฟุตบอล

ตกต่ำ และสร้างทีมใหม่ (2007–2012)

Thumb
ทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ได้รับการต้อนรับจากแฟน ๆ เมื่อเดินทางกลับกรุงปารีส

ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 ฝรั่งเศสต้องตกรอบแรก เนื่องจากถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่มีทีมเต็งแชมป์ทั้งเนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโรมาเนีย[23] มีเพียง 1 คะแนนจากการเสมอโรมาเนีย 0–0[24][25] ฝรั่งเศสเกือบจะไม่ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2010 โดยจบเพียงอันดับ 2 ในรอบคัดเลือก และต้องลงแข่งเพลย์ออฟพบทีมชาติไอร์แลนด์ พวกเขาเอาชนะได้ในนัดแรก 1–0 และเสมอ 1– 1 ในนัดตัดสินจากประตูของตีแยรี อ็องรี ซึ่งเป็นที่วิจารณ์จากการใช้มือช่วยอย่างขัดเจน แต่ผู้ตัดสินกลับให้ประตูอย่างค้านสายตา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีช่วงเวลาเลวร้ายต่อเนื่องในฟุตบอลโลก 2010 นับเป็นอีกครั้งที่ต้องตกรอบแบ่งกลุ่ม และไม่ชนะทีมใดจากการเสมออุรุกวัย 0–0 ตามด้วยการแพ้เม็กซิโก 0–2 และแพ้เจ้าภาพอย่างแอฟริกาใต้ในนัดสุดท้าย 1–2[26] และยังมีปัญหาภายในทีมระหว่างนักเตะ และดอแมแน็กโดยเฉพาะกรณีปัญหากับนีกอลา อาแนลกา และนักเตะอีกหลายรายที่ประท้วงด้วยการไม่ลงฝึกซ้อม[27][28] จากความล้มเหลวดังกล่าวนำไปสู่การลาออกของฌ็อง-ปีแยร์ เอสกาแล็ต ประธานสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส

ดอแมแน็กอำลาทีมหลังหมดสัญญา และโลร็องต์ บล็องก์ เข้ามาคุมทีมต่อ และต่อมาสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสได้ปฏิบัติตามการร้องขอของบล็องก์ในการสั่งแบนผู้เล่นทั้ง 23 คนจากฟุตบอลโลก 2010 ในการแข่งขันกระชับมิตรกับนอร์เวย์ ผู้เล่น 5 คนที่มีส่วนในการประท้วงงดการฝึกซ้อมได้รับบทลงโทษทางวินัย และอาแนลกาได้รับโทษแบนสูงสุด 18 นัด ส่งผลให้เขาประกาศอำลาทีมชาติ[29][30] ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ฝรั่งเศสก็เริ่มทำผลงานดีขึ้น โดยผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้สเปน 0–2 และ ดีดีเย เดช็อง เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อ

ยุคของเดช็อง และกลับมาประสบความสำเร็จ (2012–ปัจจุบัน)

Thumb
กีลียาน อึมบาเป กัปตันทีมคนปัจจุบัน มีส่วนสำคัญในการพาทีมชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 และเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
Thumb
ทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในฟุตบอลโลก 2018

ในฟุตบอลโลก 2014 ฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะแพ้เยอรมนี 0–1 ต่อมา ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 พวกเขาเอาชนะเยอรมนีในรอบรองชนะเลิศ 2–0 ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกที่มีต่อเยอรมนีในการแข่งขันรายการเมเจอร์นับตั้งแต่ ค.ศ. 1958 ฝรั่งเศสผ่านเข้าชิงชนะเลิศแต่แพ้โปรตุเกสในช่วงต่อเวลา 0–1[31] และในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ฝรั่งเศสภายใต้นักเตะแกนหลักอย่าง กีลียาน อึมบาเป, อ็องตวน กรีแยซมาน และ ปอล ปอกบา ทำผลงานยอดเยี่ยมโดยเอาชนะอาร์เจนตินาในรอบ 16 ทีมไปอย่างสนุก 4–3 ตามด้วยการชนะอุรุกวัยในรอบ 8 ทีม 2–0 และชนะเบลเยียมในรอบรองชนะเลิศ 1–0 จากประตูของซามุแอล อูมตีตี[32][33] ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติโครเอเชีย ณ สนามกีฬาลุจนีกี ฝรั่งเศสได้ประตูนำไปก่อนในนาทีที่ 18 จากการทำเข้าประตูตัวเองโดยมาริออ มันจูกิช และอิวัน เปริชิช ตีเสมอในอีกสิบนาทีต่อมา ฝรั่งเศสทำได้อีกสามประตูรวดจากกรีแยซมาน, ปอกบา และ อึมบาเป ก่อนที่โครเอเชียจะได้ประตูจากมันจูกิช ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 จากผลประตู 4–2

แม้ฝรั่งเศสจะล้มเหลวในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 จากการแพ้สวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 16 ทีมจากการดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 3–3[34] แต่ยังประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 สมัยแรกจากการชนะสเปน 2–1[35]

ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ฝรั่งเศสลงป้องกันแชมป์ในฐานะหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ พวกเขาทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และเอาชนะโปแลนด์, อังกฤษ และโมร็อคโกในรอบแพ้คัดออก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 4 แต่แพ้อาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษภายหลังเสมอกันด้วยผลประตู 3–3[36] ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ฝรั่งเศสเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มจากผลงานชนะ 1 และเสมอ 2 นัด ตามด้วยการชนะเบลเยียม 1–0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเอาชนะโปรตุเกสจากการดวลจุดโทษ 5–3 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 0–0 แต่แพ้สเปนซึ่งเป็นทีมแชมป์ในครั้งนี้ในรอบรองชนะเลิศ 1–2 ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกใน 90 นาทีนับตั้งแต่แพ้เยอรมนีในฟุตบอลโลก 2014[37] ต่อมา ในการแข่งขันยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2024–25 ฝรั่งเศสในฐานะทีมในลีก A ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศจากผลงานชนะ 4 นัดในรอบแบ่งกลุ่มเข้าไปพบกับโครเอเชียใน ค.ศ. 2025

ใน ค.ศ. 2025 ดีดีเย เดช็อง ประกาศว่าเขาจะอำลาทีมเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงหลังจบฟุตบอลโลก 2026[38] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2025 ฝรั่งเศสเอาชนะโครเอเชียในยูฟ่าเนชันส์ลีกรอบ 8 ทีมจากการดวลจุดโทษ ภายหลังเสมอกันด้วยผลประตูรวมสองนัด 2–2[39] ผ่านเข้าไปพบสเปนในรอบรองชนะเลิศในเดือนมิถุนายน[40] ฝรั่งเศสแพ้ด้วยผลประตู 4–5 แต่ยังเอาชนะเยอรมนีในการแข่งขันชิงอันดับสาม 2–0

Remove ads

เกียรติประวัติ

ผู้เล่น

สรุป
มุมมอง

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

รายชื่อผู้เล่นที่ถูกเรียกตัวเพื่อลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์

สถิติทีมชาตินับถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2022 หลังจบการแข่งขันกับเดนมาร์ก

ข้อมูลเพิ่มเติม 0#0, ตำแหน่ง ...

ถูกเรียกตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้

รายชื่อผู้เล่นที่เคยถูกเรียกตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ตำแหน่ง, ผู้เล่น ...
Remove ads

สถิติเกี่ยวกับผู้เล่น

สรุป
มุมมอง

ผู้เล่นที่ลงเล่นให้ทีมชาติมากที่สุด

แถบสีฟ้าคือผู้เล่นที่ยังคงเล่นให้ทีมชาติอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลเพิ่มเติม อันดับ, ชื่อ ...

ผู้เล่นที่ยิงประตูให้ทีมชาติมากที่สุด

แถบสีฟ้าคือผู้เล่นที่ยังคงเล่นให้ทีมชาติอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลเพิ่มเติม อันดับ, ชื่อ ...
Remove ads

อดีตผู้เล่นคนสำคัญ

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads