คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ภายในประเทศ ตามนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ของพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 ชุด ตามวาระของนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะกรรมการชุดย่อยคือคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ตามที่ได้รับยุทธศาสตร์มา และมีสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก

ข้อมูลเบื้องต้น ภาพรวมหน่วยงาน, ก่อตั้ง ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 นัดแรก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้น เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ภายในประเทศ โดยมีเศรษฐาในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ, แพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ และสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยเศรษฐาได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 230/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566[1] และมีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม[2]

นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ในด้านต่าง ๆ นำเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่อีกด้วย โดยมีแพทองธารเป็นประธานกรรมการ[3] และตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2567 ได้มอบหมายให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย[4]

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดเดิมสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เนื่องจากเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[5] ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนถัดมา ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 367/2567 แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดที่ 2 โดยแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ขยับขึ้นเป็นประธานกรรมการแทน[6]

ทั้งนี้ หลังจากพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ พ.ศ. ... มีผลบังคับใช้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติจะแปรสภาพเป็น คณะกรรมการนโยบายส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งชาติ และกำกับดูแลสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติจะรักษาการคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งชาติต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งชาติแล้วเสร็จ จึงจะถือว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติถูกยุบโดยสมบูรณ์[7]

Remove ads

รายชื่อคณะกรรมการ

สรุป
มุมมอง

ชุดที่ 1

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติในชุดแรก มีกรรมการทั้งสิ้น 33 คน ได้แก่

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, ชื่อ ...

ชุดที่ 2

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติในชุดที่ 2 มีกรรมการทั้งสิ้น 40 คนดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, ชื่อ ...
Remove ads

การดำเนินงาน

สรุป
มุมมอง

คณะกรรมการชุดที่ 1

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2566 มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อน ติดตาม และกํากับการดําเนินงาน โดยมีแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน และมีตัวแทนภาคเอกชน รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน เป็นกรรมการ รวมถึงนายกรัฐมนตรียังมอบนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ในด้านต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มเติมในช่วงปลายปี ส่วนแพทองธารในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติประกาศผลักดันโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ และองค์การ THACCA 3 ขั้น คือ 1. การส่งเสริมบ่มเพาะศักยภาพประชาชนจํานวน 20 ล้านคนจาก 20 ล้านครัวเรือน 2. การจัดตั้ง THACCA เพื่อดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 11 สาขา ได้แก่ อาหาร กีฬา เทศกาล การท่องเที่ยว ดนตรี หนังสือ ภาพยนตร์ เกม ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น และ 3. เผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยสู่ระดับโลกด้วยการทูตเชิงวัฒนธรรม โดยแบ่ง 3 เป้าหมาย คือ เปิดลงทะเบียนเข้ารับการบ่มเพาะศักยภาพภายใน 100 วัน เริ่มกระบวนการบ่มเพาะพร้อมเสนอร่างพระราชบัญญัติ THACCA ภายใน 6 เดือน และสร้างแรงงานทักษะสูงและแรงงานสร้างสรรค์รวมถึงส่งร่าง พ.ร.บ. THACCA เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรภายใน 1 ปี[8]

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบเรื่องสำคัญทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่

  1. เห็นชอบข้อเสนอของอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เป้าหมายทั้ง 11 สาขา
  2. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวน 3 เทศกาล ในวงเงิน 3 พันล้านบาท
  3. เห็นชอบหลักการจัดเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ในชื่อ "Maha Songkran World Water Festival"
  4. เห็นชอบพิจารณาให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ถือเป็นหน่วยงานฝ่ายธุรการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติไปโดยปริยาย โดยมีหน้าที่ดำเนินการ บูรณาการ และขับเคลื่อนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำแผนการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ การจัดสรรงบประมาณ การดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมีประสิทธิผล ลดความซ้ำซ้อน ติดตามและเร่งรัดการดำเนินการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข ยกเลิก และจัดทำกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 11 อุตสาหกรรม ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประสานงานและสร้างความร่วมมือระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ประสาน และบูรณาการการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 11 อุตสาหกรรม ตลอดจนการเผยแพร่ความคืบหน้าและผลการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
  5. เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม ดังนี้
    1. ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แต่งตั้งให้
      1. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ
      2. ผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
    2. ในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แต่งตั้งให้
      1. ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการ
      2. ผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม[4]

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2567 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่าในแต่ละสาขาควรเตรียมความพร้อม สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและคน ในช่วงของต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นต้องการฝึกฝนหรือเรียนรู้เพื่อสร้างอาชีพต่อไปในอนาคต โดยได้มอบนโยบายในการทำงานจำนวน 3 ข้อ รวมถึงที่ประชุมยังรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติเพิ่มเติม และรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณการจัดประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ รวมทั้งเห็นชอบหลักการข้อเสนอและกรอบวงเงินงบประมาณในโครงการของอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เป้าหมายทั้ง 11 สาขา ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยมอบหมายให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ ต่อไป[9]

คณะกรรมการชุดที่ 2

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 (ครั้งที่ 3 ของปี พ.ศ. 2567 ถ้ารวมทั้ง 2 ชุด) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมพิจารณาการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ การขอจัดสรรงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (พ.ร.บ. THACCA) และการจัดประชุมซอฟต์พาวเวอร์ฟอรัม โดยมีการอนุมัติงบประมาณให้กับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทั้งหมด 2 คณะ ที่หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล เป็นประธาน ได้แก่ด้านภาพยนตร์ สารคดี และแอนิเมชัน และด้านละครและซีรีส์ เพื่อสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2568 ด้วยวงเงิน 200 ล้านบาท[10]

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568 มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบเรื่องสำคัญทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่

  1. สั่งการให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปะ เช่น ลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้องานทัศนศิลป์สูงสุด 100,000 บาท, หักค่าใช้จ่ายคำนวณภาษีของศิลปินเพิ่มเป็น 60% และตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์เพื่อยกเว้นอากรขาเข้าให้กับงานศิลปะทุกประเภทภายในเดือนเมษายน การจัดกิจกรรมเปิดพื้นที่ให้เยาวชน โครงการ Thai Youth Streets Art เพื่อขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางศิลปะ (Art Hub) ระดับโลก และเตรียมงานมหาสงกรานต์ทั่วไทย พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมใส่กางเกงช้างหรือกางเกงประจำจังหวัด ส่งเสริมเอกลักษณ์ท้องถิ่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
  2. จัดทำโครงการ Thai Youth Streets Art การแข่งขันวาดภาพบนกำแพงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและนักศึกษา โดยในระยะแรกแข่งขันทั้งหมด 46 สถาบัน จาก 33 จังหวัด ในวันที่ 29 และ 30 มีนาคม ชิงทุนการศึกษาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่า 500,000 บาท รวมถึงโล่ประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรี และประกาศนียบัตรจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรุงเทพมหานคร ส่วนในระยะที่ 2 เป็นการแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษาไปศึกษาต่อด้านศิลปะในต่างประเทศ
  3. รับทราบการจัดงานมหาสงกรานต์ในชื่อ "Maha Songkran World Water Festival 2025" ระหว่างวันที่ 11–15 เมษายน พ.ศ. 2568 ที่ท้องสนามหลวง โดยอนุมัติงบประมาณจำนวน 150 ล้านบาทที่สำนักงบประมาณอนุมัติให้จากที่คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขอไปเพื่อการจัดงานในจุดดังกล่าวและในจังหวัดหัวเมืองสำคัญ ซึ่งแยกออกจากงบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ใช้จัดงานสงกรานต์ในทั่วประเทศอยู่แล้วแต่เดิม โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ประชาชนสวมผ้าไทยและกางเกงลายประจำจังหวัดเพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์แต่ละท้องถิ่น[11]
Remove ads

คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

สรุป
มุมมอง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 268/2566 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ชื่อว่า คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าแล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติให้พิจารณา

ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน, สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นรองประธาน และพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ พร้อมด้วยกรรมการอีก 46 คน รวมเป็น 49 คน เช่น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, อธิบดีกรมการปกครอง, อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน, ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น โดยมีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 14:00 น. ที่ ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ[3] และจะประชุมเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดเดิมสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เนื่องจากเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[5] ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนถัดมา ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 368/2567 แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดที่ 2 โดยมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นประธานกรรมการ[6]

รายชื่อคณะกรรมการ

ชุดที่ 1

คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติในชุดแรก มีกรรมการทั้งสิ้น 52 คน ได้แก่

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, ชื่อ ...

ชุดที่ 2

คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ชุดที่ 2 มีกรรมการทั้งสิ้น 63 คนดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับที่, ชื่อ ...

การดำเนินงาน

คณะกรรมการชุดที่ 1

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 มีมติเห็นชอบในหลักการที่หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ กิจกรรม และอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยจำนวน 11 ด้านได้เสนอ โดยใช้งบประมาณ 5,164 ล้านบาท ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ด้าน, วงเงิน ...

โดยจะมีการทบทวนงบประมาณที่ใช้ร่วมกับสำนักงบประมาณภายในวันที่ 14 ธันวาคม ก่อนส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2567[12][13]

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาทั้งหมด 3 เรื่อง คือ การแก้ไขกระบวนการพิจารณาเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ การจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ในอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์บางด้าน และการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ พ.ศ. ... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 และวุฒิสภาไทย ชุดที่ 13 ในช่วงเดือนสิงหาคม–กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA)

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567 กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นได้โพสต์หนังสือลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับคณะอนุกรรมการทั้งคณะอีก 24 คน โดยให้มีผลในวันที่ 1 กุมภาพันธ์[14] ทำให้เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ระบุว่า จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นชุดใหม่อีก 25 คนในวันที่ 9 กุมภาพันธ์[15]

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ อัจฉรา อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ด้านแฟชั่น แทนตำแหน่งที่ว่าง และมอบหมายให้เสนอชื่อประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นคนใหม่ รวมถึงแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นชุดใหม่ รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านศิลปะเพิ่มเติมในสัดส่วนศิลปะการแสดง จำนวน 4 คน[16]

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 โดยนายแพทย์สุรพงษ์ซึ่งเป็นรองประธานกรรมการ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทนแพทองธารที่ติดภารกิจ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในด้านอาหาร ดนตรี และกีฬาเพิ่มเติม[17] นอกจากนี้ ยังกำหนดกรอบงบประมาณที่ใช้สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะด้านภาพยนตร์ ซึ่งมุ่งเน้นสร้างผู้ผลิตหน้าใหม่ สำหรับอนาคตอันใกล้ในภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จะได้รับงบประมาณจากรัฐบาลสนับสนุนตัวโครงสร้างของภาพยนตร์ จึงขอให้ผู้ผลิตทั้งรายใหม่และรายเก่าที่อยู่ในภาคเอกชน เตรียมนำเสนอโครงการภาพยนตร์ ทั้งในแบบ Pre-Pro-Post หรือ ในแบบ Post Production ซึ่งทางรัฐบาลจะมีกรอบงบประมาณเตรียมไว้ให้ หากผ่านการพิจารณาก็จะได้รับงบฯส่วนนี้ในการพัฒนาภาพยนตร์ รวมถึงยังมีการรายงานความคืบหน้าการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ประจำจังหวัดเป็นครั้งแรก โดยเริ่มต้นจากจังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีความพร้อมก่อน[18]

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 4/2567 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติม ได้แก่ด้านหนังสือ 5 คน และด้านออกแบบ 2 คน[19]

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 5/2567 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นชุดใหม่ จำนวน 17 คน พร้อมคณะที่ปรึกษา จำนวน 3 คน รวม 20 คน นอกจากนี้ยังพิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติม ได้แก่ด้านหนังสือ 2 คน ด้านดนตรี 2 คน และด้านเกม 1 คน[20] นอกจากนี้ยังรับทราบความคืบหน้าหลักสูตร 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ของอุตสาหกรรมแฟชั่น ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ และรับทราบการจัดงานทักก้า สแปลช การประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power Forum) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28–30 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์[21]

คณะกรรมการชุดที่ 2

ในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 (ครั้งที่ 8 ของปี พ.ศ. 2567 ถ้ารวมทั้ง 2 ชุด) เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการภายใต้นโยบาย One Family One Softpower (OFOS) และความคืบหน้าการดำเนินการในโครงการต่าง ๆ นอกจากนี้ยังติดตามความคืบหน้าโครงการตามงบประมาณปี 2567 ที่ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 635 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณปี 2568 ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 2342 ล้านบาท รวมถึงยังมีการนำเสนอรายละเอียดการจัดงาน Bangkok Illumination และยังมีการนำเสนอการจัดงานเทศกาลไทยในต่างประเทศ ซึ่งกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำเสนอว่า กระทรวงการต่างประเทศจะรีแบรนด์ Thailand Festival ใหม่ทั้งหมด โดยทำให้การจัดงาน Thailand Festival ในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ ทำให้เกิดความประทับใจ และสร้างรายได้ มีการซื้อขาย และมีความนิยมต่อเนื่อง[22]

ต่อมาในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2568 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระสำคัญคือการรับทราบความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติเกมฉบับใหม่ รวมถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือระหว่างสตูดิโอเกมจากไทยและต่างประเทศ เพื่อผลิตเกมที่มีเอกลักษณ์ไทยและขยายตลาดเกมไทยไปสู่ผู้เล่นทั่วโลก นอกจากนี้ยังรับทราบความคืบหน้ากิจกรรม "Muay Thai World Festival"[23]

ต่อมาในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 โดยเป็นการรับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ 2567 รวมถึงรับทราบการนำเสนอแผนงานการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ 2568 ของ 8 อุตสาหกรรมคือ แฟชั่น กีฬา ออกแบบ ภาพยนตร์ อาหาร หนังสือ เกม และดนตรี

ต่อมาในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2568 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 โดยเป็นการรับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ จำนวน 7 คณะได้แก่ ออกแบบ, กีฬา, ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน, ศิลปะ, หนังสือ, ท่องเที่ยว และอาหาร รวมถึงรับทราบความคืบหน้าการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2025 นอกจากนี้ ยังมีวาระการพิจารณาทั้งหมด 4 หัวข้อได้แก่

  1. การพิจารณา (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ โดยสำนักงาน ป.ย.ป.
  2. โครงการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน Global Wellness Summit 2026 เสนอให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพต่อจากเมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2025) ซึ่งคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทางตรง 368 ล้านบาท รัฐสามารถเก็บภาษีได้ 28.28 ล้านบาทเพิ่มมูลค่า GDP 418 ล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง
  3. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ด้านเทคโนโลยีสร้างสรรค์ (Creative Technology)
  4. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ด้านกีฬา ด้านภาพยนตร์ฯ และด้านดนตรี

ต่อมาในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 โดยเป็นการรับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ จำนวน 5 คณะได้แก่ ออกแบบ, เกม, หนังสือ, ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน และเฟสติวัล นอกจากนี้ ยังรับทราบความคืบหน้า

  1. การจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอต่อรัฐมนตรีที่กำกับดูแล คือ จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและเสนอต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ภายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568
  2. ความคืบหน้าการดำเนินโครงการ Thai Top Face Model ขณะนี้ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัทจัดหานักแสดงที่นครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งนางแบบที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการให้ไปร่วมงานในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งรายงานแผนการดำเนินงานตลอดโครงการให้ที่ประชุมคณะกรรมการรับทราบ

จากนั้นในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 ได้มีการเปิดตัวสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์อย่างเป็นทางการ พร้อมกับการแถลงการกลับมาจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ 2026 โดยมีสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เข้าร่วมงาน[24]

คณะอนุกรรมการ

บุคคลที่มีชื่อเสียงในคณะอนุกรรมการ

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อ, ตำแหน่ง/บทบาท ...
Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads