คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ปานปรีย์ พหิทธานุกร
อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ปานปรีย์ พหิทธานุกร (เกิด 20 สิงหาคม พ.ศ. 2500) ชื่อเล่น ตั๊ก เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ อดีตผู้แทนการค้าไทย อดีตประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ในรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
Remove ads
ประวัติ
ปานปรีย์ พหิทธานุกร เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2500[1] ที่ตำบลลำปลาทิว อำเภอลาดกระบัง จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของปรีชา และบุญทิวา พหิทธานุกร สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ (รุ่น 90)[2] จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อและจบปริญญาตรีที่คณะคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และปริญญาเอกด้านการบริหารจัดการภาครัฐจาก Claremont Graduate University
ปานปรีย์ สมรสกับ ปวีณา พหิทธานุกร (สกุลเดิม หงษ์ประภาส) หลานตาของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีบุตรสาวคือ ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร สมรสกับ พสุ ลิปตพัลลภ บุตรชายของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
Remove ads
การทำงาน
สรุป
มุมมอง
ปานปรีย์เริ่มทำงานเป็นข้าราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน และเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ[1] เมื่อพลเอกชาติชาย ถูก คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ปฎิวัติในปี 2534 ปานปรีย์ขณะนั้นเป็นเลขาธิการพลเอกชาติชาย เป็นหนึ่งในคนที่ถูกจองจำที่สโมสรกองทัพอากาศเป็นเวลา 15 วัน[3][4] [5]
ในปี พ.ศ. 2539 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศในรัฐบาลของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ในปี พ.ศ. 2545 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
ในปี พ.ศ. 2546 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2548 ได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (ประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMST-EC) และในปี พ.ศ. 2547 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรม มีบทบาทสำคัญในการวางแผน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่ออุตสาหกรรมใน Eastern Seaboard จนเป็นผลสำเร็จ
ในปี พ.ศ. 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย และได้รับมอบให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการค้าภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี และประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า
ในปี พ.ศ. 2551 เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (ลำดับที่ 1) รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค (7 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 9 กันยายน พ.ศ. 2553) ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ปานปรีย์เกือบถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อมาปานปรีย์ได้ออกมาปฎิเสธ[6]
ในปี พ.ศ. 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปานปรีย์ เป็นบุคคลหนึ่งที่ถูกทาบทามให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ[7] แต่ก็ไม่ได้ตอบรับเข้าทำหน้าที่ดังกล่าว
ในปี พ.ศ. 2566 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ปานปรีย์เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน[8]

ในปี พ.ศ. 2567 หลังการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 27 เมษายน ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 เมษายน เขาพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันเดียวกัน[9]
Remove ads
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2567 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[10]
- พ.ศ. 2548 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[11]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads