คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
จังหวัดของประเทศไทย
เขตปกครองระดับแรกของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
จังหวัด เป็นเขตบริหารราชการส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 76 จังหวัด[ก] (ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครไม่เป็นจังหวัด[ข]) จังหวัดถือเป็นระดับการปกครองของรัฐบาลลำดับแรก โดยเป็นหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคที่รวมท้องที่หลาย ๆ อำเภอเข้าด้วยกันและมีฐานะเป็นนิติบุคคล ในแต่ละจังหวัดปกครองด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด
การจัดแบ่งกลุ่มจังหวัดออกเป็นภาคต่าง ๆ มีการใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งการแบ่งอย่างเป็นทางการโดยราชบัณฑิตยสถานสำหรับใช้ในแบบเรียน และการแบ่งขององค์กรต่าง ๆ ตามแต่การใช้ประโยชน์ ชื่อของจังหวัดนั้นจะเป็นชื่อเดียวกับชื่ออำเภอที่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางจังหวัด เช่น ศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเพชรบุรีอยู่ที่อำเภอเมืองเพชรบุรี เป็นต้น แต่ชื่ออำเภอเหล่านี้มักเรียกย่อแต่เพียงว่า "อำเภอเมือง" ยกเว้นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่ออำเภอที่ตั้งศูนย์กลางการปกครองโดยตรง (อำเภอพระนครศรีอยุธยา)
หน่วยการปกครองย่อยรองไปจากจังหวัดคือ "อำเภอ" ซึ่งมีทั้งสิ้น 878 อำเภอ ซึ่งจำนวนอำเภอนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด ส่วนเขตการปกครองย่อยของกรุงเทพมหานครมีทั้งหมด 50 เขต
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
สมัยก่อนการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2435

พ.ศ. 2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินครั้งใหญ่ ให้เป็นไปตามอย่างอารยประเทศในโลกตะวันตก โดยทรงตั้งกระทรวงขึ้นใหม่ 12 กระทรวง และโอนการปกครองหัวเมืองทั้งหมดให้มาขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ขณะนั้นดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นดำรงราชานุภาพ) เป็นองค์ปฐมเสนาบดี
เมื่องานการปกครองส่วนภูมิภาคขึ้นกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว การจัดการปกครองด้วยระบบมณฑลเทศาภิบาลจึงได้เริ่มมีขึ้นใน พ.ศ. 2437 โดยแบ่งระดับการปกครองจากสูงสุดไปหาต่ำสุดเป็นมณฑล, เมือง (เทียบเท่าจังหวัด), อำเภอ, ตำบล และหมู่บ้าน มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้กำกับดูแลมณฑล การก่อตั้งมณฑลนั้นจะเป็นไปตามลำดับโดยขึ้นอยู่กับความเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ด้วย วัตถุประสงค์สำคัญในการจัดการปกครองเช่นนี้ ก็เพื่อให้ส่วนกลางสามารถควบคุมดูแลหัวเมืองและจัดการผลประโยชน์แผ่นดินได้อย่างใกล้ชิด และลิดรอนอำนาจและอิทธิพลของเจ้าเมืองในระบบเดิมลงอย่างสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองดังกล่าว ทำให้ขุนนางท้องถิ่นที่ต้องการรักษาฐานอำนาจและอิทธิพลของตนไว้ ก่อการกบฏต่อต้านอำนาจรัฐในบางภูมิภาค เหตุการณ์กบฏครั้งสำคัญคือกบฏผู้มีบุญ (หรือ "กบฏผีบาปผีบุญ") ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2445 โดยอาศัยความเชื่อเรื่องยุคพระศรีอาริยเมตไตรย เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านอำนาจรัฐ ขบวนการผู้มีบุญได้เคลื่อนไหวตามทั่วภาคอีสาน แต่ที่เป็นเหตุใหญ่ที่สุดอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกลุ่มกบฏได้ก่อการถึงขั้นเผาเมืองเขมราฐและบังคับให้เจ้าเมืองเขมราฐร่วมขบวนการ แต่ที่สุดแล้วกบฏครั้งนี้ก็ถูกปราบปรามลงในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา
หลัง พ.ศ. 2459 คำว่า "จังหวัด" ได้กลายเป็นคำที่เรียกหน่วยการปกครองระดับต่ำกว่ามณฑลแทนคำว่า "เมือง" เพื่อแยกความกำกวมจากคำว่าเมืองที่ใช้เรียกที่ตั้งศูนย์กลางการปกครองของจังหวัด[2]
เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงลาออกจาตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยใน พ.ศ. 2458 นั้น ประเทศสยามได้แบ่งการปกครองออกเป็น 19 มณฑล 72 จังหวัด ทั้งนี้ ได้รวมถึงจังหวัดพระนคร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงนครบาลจนถึง พ.ศ. 2465
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยการปกครองระดับ "ภาค" ขึ้นเพื่อกำกับมณฑล โดยมีผู้ปกครองภาคเรียกว่า "อุปราช" ในระยะนี้ได้มีการตั้งมณฑลต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจนถึง พ.ศ. 2465 อีก 4 มณฑล แต่มณฑลดังกล่าวก็ถูกยุบลงใน พ.ศ. 2468 และมีอีกหลายมณฑลที่ถูกยุบรวมในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อลดรายจ่ายของรัฐบาล อันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
สมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ระบบมณฑลเทศาภิบาลถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2476 ทำให้จังหวัดกลายเป็นหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคระดับสูงสุด และตั้งแต่หลัง พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ก็ได้มีการจัดตั้งจังหวัดเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง โดยการตัดแบ่งอาณาเขตบางส่วนจากจังหวัดที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น ในปี พ.ศ. 2515 ได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนของจังหวัดอุบลราชธานีมาจัดตั้งเป็นจังหวัดยโสธร ในปี พ.ศ. 2520 มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนของจังหวัดเชียงรายมาจัดตั้งเป็นจังหวัดพะเยา ในปี พ.ศ. 2525 ได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนของจังหวัดนครพนมมาตั้งเป็นจังหวัดจังหวัดมุกดาหาร ในปี พ.ศ. 2536 ได้มีการตั้งจังหวัดขึ้นมาพร้อมกัน 3 จังหวัดคือจังหวัดหนองบัวลำภู (แยกจากจังหวัดอุดรธานี) จังหวัดสระแก้ว (แยกจากจังหวัดปราจีนบุรี) และจังหวัดอำนาจเจริญ (แยกจากจังหวัดอุบลราชธานี) และจังหวัดล่าสุดของประเทศไทยคือจังหวัดบึงกาฬ (แยกจากจังหวัดหนองคาย) ในปี พ.ศ. 2554
ในปี พ.ศ. 2514 ได้มีการรวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีขึ้นเป็นเขตปกครองรูปแบบพิเศษชื่อ "นครหลวงกรุงเทพธนบุรี" และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "กรุงเทพมหานคร" เมื่อ พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นการรวมภารกิจในการปกครองของทั้งสองจังหวัดในรูปแบบเทศบาลเข้าไว้ด้วยกัน ที่มาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของกรุงเทพมหานครนั้นมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่การแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทยอย่างผู้ว่าราชการจังหวัด
Remove ads
ลำดับเหตุการณ์
- พ.ศ. 2449
- จัดตั้งจังหวัดปราณบุรี ปัจจุบันใช้ชื่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยแยกพื้นที่อำเภอเมืองปราณบุรี (อำเภอปราณบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอสามร้อยยอด) และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี) จากจังหวัดเพชรบุรีและอำเภอกำเนิดนพคุณ (คืออำเภอบางสะพานน้อย ภายหลังแยกเพิ่มคือ อำเภอทับสะแก และอำเภอบางสะพาน) จากจังหวัดชุมพร [3]
- พ.ศ. 2469[4]
- ยุบเลิกจังหวัดกระบินทร์บุรี รวมเข้ากับจังหวัดปราจีนบุรี
- พ.ศ. 2474[5]
- ยุบเลิกจังหวัดสุโขทัย รวมเข้ากับจังหวัดสวรรคโลก
- ยุบเลิกจังหวัดหล่มศักดิ์ รวมเข้ากับจังหวัดเพชรบูรณ์
- ยุบเลิกจังหวัดธัญญบุรี รวมเข้ากับจังหวัดปทุมธานี
- ยุบเลิกจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมเข้ากับจังหวัดมหาสารคาม
- ยุบเลิกจังหวัดหลังสวน รวมเข้ากับจังหวัดชุมพร
- ยุบเลิกจังหวัดตะกั่วป่า รวมเข้ากับจังหวัดพังงา
- ยุบเลิกจังหวัดสายบุรี รวมเข้ากับจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส
- ยุบเลิกจังหวัดพระประแดง รวมเข้ากับจังหวัดสมุทรปราการและธนบุรี
- ยุบเลิกจังหวัดมีนบุรี รวมเข้ากับจังหวัดพระนครและฉะเชิงเทรา
- พ.ศ. 2489[6]
- จัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ โดยแยกจากจังหวัดพระนคร
- จัดตั้งจังหวัดนนทบุรี โดยแยกจากจังหวัดธนบุรี
- จัดตั้งจังหวัดสมุทรสาคร โดยแยกจากจังหวัดธนบุรี
- จัดตั้งจังหวัดนครนายก โดยแยกจากจังหวัดปราจีนบุรีและสระบุรี
- พ.ศ. 2490[7]
- จัดตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยแยกจากจังหวัดมหาสารคาม
- พ.ศ. 2514
- ยุบเลิกจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี โดยจัดตั้งเป็นเขตปกครองรูปแบบพิเศษ นครหลวงกรุงเทพธนบุรี (ปัจจุบันคือกรุงเทพมหานคร)
- พ.ศ. 2515[8]
- จัดตั้งจังหวัดยโสธร โดยแยกจากจังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. 2520[9]
- จัดตั้งจังหวัดพะเยา โดยแยกจากจังหวัดเชียงราย
- พ.ศ. 2525[10]
- จัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร โดยแยกจากจังหวัดนครพนม
- พ.ศ. 2536
- จัดตั้งจังหวัดสระแก้ว โดยแยกจากจังหวัดปราจีนบุรี[11]
- จัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ โดยแยกจากจังหวัดอุบลราชธานี[12]
- จัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู โดยแยกจากจังหวัดอุดรธานี[13]
- พ.ศ. 2554[14]
- จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ โดยแยกจากจังหวัดหนองคาย
Remove ads
การแบ่งภาคตามเกณฑ์ราชบัณฑิตยสถาน
สรุป
มุมมอง
ราชบัณฑิตยสถานแบ่งประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค โดยใช้เกณฑ์ด้านภูมิศาสตร์[15] ซึ่งเป็นการแบ่งที่ใช้อย่างเป็นทางการและมีใช้ทั่วไปในแบบเรียน

(คลิกที่จังหวัดเพื่อไปยังบทความจังหวัดนั้นได้)
ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง
ภาคตะวันออก
ภาคตะวันตก
ภาคใต้
ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง
ภาคตะวันออก
ภาคตะวันตก
ภาคใต้
Remove ads
การบริหารราชการ
จังหวัดเป็นราชการส่วนภูมิภาค โดยมีส่วนราชการระดับจังหวัดซึ่งรับคำสั่งจากราชการส่วนกลาง มีผู้ว่าราชการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาค
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตำแหน่งราชการฝ่ายพลเรือน มีสถานะเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหาร ระดับสูง สายงานบริหารงานปกครอง สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย โดยผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้[19]
- เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
- ดำรงตำแหน่งในตำแหน่งหนึ่งมาแล้ว ดังนี้
- ประเภทบริหาร ระดับต้น ไม่น้อยกว่า 1 ปี
- ประเภทบริหาร ระดับต้น และประเภทอำนวยการ รวมกันไม่น้อยกว่า 3 ปี
ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับท้องที่และประชาชน และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัด และรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอ[20]
Remove ads
การตั้งจังหวัดใหม่
สรุป
มุมมอง
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การตั้งจังหวัดใหม่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2524 โดยให้พิจารณาเรื่อง ดังต่อไปนี้[21]
- เนื้อที่และสภาพภูมิศาสตร์ จังหวัดที่จะแบ่งแยกควรมีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ตร.ก.ม.ขึ้นไป และเมื่อแยกไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่แล้วจังหวัดเดิมควรมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 5,000 ตร.ก.ม. จังหวัดตั้งใหม่ควรมีเนื้อที่ 5,000 ตร.ก.ม.ขึ้นไป
- จำนวนอำเภอและกิ่งอำเภอในเขตการปกครอง จังหวัดที่จะแบ่งแยกควรมีอำเภอในเขตการปกครองจำนวนไม่น้อยกว่า 12 อำเภอ และกิ่งอำเภอ และเมื่อแยกไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่แล้ว จังหวัดเดิมควรมีอำเภอและกิ่งอำเภอในเขตการปกครองไม่น้อยกว่า 6 อำเภอและกิ่งอำเภอ ส่วนจังหวัดที่ตั้งใหม่ควรมีอำเภอและกิ่งอำเภอไม่น้อยกว่า 6 อำเภอและกิ่งอำเภอ
- จำนวนประชากร จังหวัดที่จะแบ่งแยกควรมีจำนวนประชากรไม่น้อยกว่า 600,000 คน และเมื่อแยกไปแล้ว จังหวัดเดิมควรมีจำนวนประชากรไม่น้อยกว่า 300,000 คน จังหวัดตั้งใหม่ควรมีประชากรไม่น้อยกว่า 300,000 คน
- ลักษณะพิเศษของจังหวัด
- ผลดีในการให้บริการประชาชน
- ปัจจัยเกี่ยวกับสถานที่ราชการที่มีอยู่แล้วและความพร้อมในด้านอื่น
- ปัจจัยเกี่ยวกับอัตรากำลังเจ้าหน้าที่
- ความคิดเห็นของประชาชนและจังหวัด
- รายได้ของจังหวัดเดิม เช่น ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีสรรพากร เป็นต้น มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000,000 บาท และเมื่อแยกไปจัดตั้งจังหวัดใหม่แล้วจังหวัดเดิมควรมีรายได้คงเหลือไม่น้อยกว่า 2,500,000 บาท ส่วนรายได้ของจังหวัดใหม่ก็ควรมีจำนวนไม่น้อยกว่า 2,500,000 บาทเช่นกัน
- หลักเกณฑ์อื่น ๆ เช่น เหตุผลทางประวัติศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของท้องถิ่นและนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น
การเสนอตั้งจังหวัดใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
Remove ads
รายชื่อจังหวัดเรียงตามจำนวนและความหนาแน่นของประชากร
สรุป
มุมมอง
รายชื่อจังหวัดเรียงตามจำนวนประชากร
- หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
- หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
- * ปี พ.ศ. 2553 ประชากรจังหวัดหนองคายลดลงเนื่องจากการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ
- * ปี พ.ศ. 2558 มีการรวมผู้ที่ไม่ได้สัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร ส่งผลให้ข้อมูลจำนวนประชากรปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
รายชื่อจังหวัดเรียงตามความหนาแน่นของประชากร
หน่วย: คนต่อตารางกิโลเมตร
- วิธีคิด นำจำนวนประชากรทั้งหมดในแต่ละจังหวัดมาหารกับพื้นที่
Remove ads
เชิงอรรถ
ก. ^ ตามข้อมูลของกรมการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2552 ประเทศไทยแบ่งการปกครองออกเป็น 75 จังหวัด[52] และต่อมา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554 ทำให้จังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดที่ 76 ของไทย[53]
ข. ^ กรุงเทพมหานครเป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราชการส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานครเคยเป็นจังหวัด ซึ่งเป็นราชการส่วนภูมิภาค แต่บัดนี้มิใช่แล้ว
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads