คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ
Remove ads

เจ้าชายฮิตาจิ (ญี่ปุ่น: 常陸宮正仁親王殿下; โรมาจิ: Hitachi-no-Miya Masahito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Hitachi[1]) ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ "ชินโน" หรือเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น

ข้อมูลเบื้องต้น เจ้าชายฮิตาจิ, ประสูติ ...

ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (จักรพรรดิโชวะ) กับสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ (จักรพรรดินีโคจุง)

ทรงเป็นพระราชปิตุลาในจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน (สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ) และทรงเป็นพระราชอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ

เจ้าชายฮิตาจิ ทรงมีพระนามจริงว่า "มาซาฮิโตะ" (ญี่ปุ่น: 正仁; โรมาจิ: Masahito) โดยหลังจากที่พระองค์อภิเษกสมรส พระองค์ได้ก่อตั้งมิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) ของพระองค์เองขึ้น และได้รับพระราชทานมิยาโง ว่า "ฮิตาจิ" จากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ซึ่งสำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้มีการระบุพระนามของพระองค์ในภาษาอังกฤษว่าเป็น "Prince Hitachi"[1] หรือ เจ้าชายฮิตาจิ

ปัจจุบันทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่สามแห่งการสืบราชสันตติวงศ์ตามกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น มาตราที่ 2 ข้อ 7[2]

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นโอกาทามะ (黄心樹)[3]

ที่ประทับหลัก วังฮิตาจิ หรือ วังโทคิวามัตสึ (常盤松御用邸) เขตชิบูยะ กรุงโตเกียว[4]

Remove ads

พระประวัติ

สรุป
มุมมอง

เจ้าชายโยชิ (มาซาฮิโตะ)

การประสูติ

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 (ปีโชวะที่ 10) เวลา 07:27 น. สมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะประสูติพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ณ ห้องประสูติ พระตำหนักเมจิชั้นใน (明治宮殿) พระราชวังอิมพีเรียล กรุงโตเกียว[5]

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2478 มีการจัดพิธีสรงน้ำ (浴湯の儀) และพิธีเฉลิมพระนาม (命名の儀) ซึ่งเป็นธรรมเนียมราชสำนักที่จัดหลังจากการประสูติประมาณ 7 วัน ในพิธีนี้จะมีการตั้งพระนามและกำหนดสัญลักษณ์ประจำพระองค์[6]

เนื่องจากทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชโอรสทรงได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิว่า "มาซาฮิโตะ" (ญี่ปุ่น: 正仁; โรมาจิ: Masahito) และได้รับพระนามโกโชโง ว่า "โยชิ" (ญี่ปุ่น: 義宮; โรมาจิ: Yoshi-no-Miya)[7]

ณ วันประสูติ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิ ดังนั้นพระองค์จึงดำรงฐานันดร "ชินโน" หรือเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น[2]

ดังนั้นพระนามเต็มหลังจากประสูติ คือ 義宮正仁親王殿下 (Yoshi-no-Miya Masahito Shinnō Denka) สำนักพระราชวังระบุพระนามในวัยพระเยาว์เป็นภาษาอังกฤษว่า Prince Yoshi[7] (เจ้าชายโยชิ)

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ถูกกำหนดเป็น ต้นอากาทามะ (黄心樹)[3]

Thumb
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นโอกาทามะ

เจ้าชายโยชิ (มาซาฮิโตะ) ทรงเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่ 6 จากทั้งหมด 7 พระองค์ในสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ ทรงมีพระเชษฐภคณี 4 พระองค์, พระเชษฐา 1 พระองค์, และพระขณิษฐา 1 พระองค์ ดังนี้

  1. เจ้าหญิงเทรุ (ชิเกโกะ) พระเชษฐภคณี
  2. เจ้าหญิงฮิซะ (ซาจิโกะ) พระเชษฐภคณี
  3. เจ้าหญิงทากะ (คาซูโกะ) พระเชษฐภคณี
  4. เจ้าหญิงโยริ (อัตสึโกะ) พระเชษฐภคณี
  5. เจ้าชายสึงุ (อากิฮิโตะ) พระเชษฐา
  6. เจ้าชายโยชิ (มาซาฮิโตะ)
  7. เจ้าหญิงซูงะ (ทากาโกะ) พระขณิษฐา
Thumb
เจ้าชายโยชิ เมื่อ พ.ศ. 2482

พระองค์ทรงประชวรโรคโปลิโอตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ พระชนนี เป็นผู้ค้นพบการประชวรนี้[8]

การศึกษา

  • พ.ศ. 2485 ทรงเข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนประถมศึกษากากูชูอิน (学習院初等科)[8]
  • เจ้าชายสึงุ (อากิฮิโตะ) กับพระองค์ ย้ายไปประทับที่วังนิกโก ทาโมซาวะ (日光田母沢御用邸記念公園) เพื่อลี้ภัยการโจมตีทางอากาศ[8][9]
  • นางเอลิซาเบธ เกรย์ วินนิ่ง (エリザベス・ヴァイニング) ถูกคัดเลือกจากกองบัญชาการทหารของผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตร (連合国軍最高司令官総司令部) ให้เป็นพระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแก่พระองค์ รวมทั้งพระเชษฐภคิณี, พระเชษฐา, และพระขณิษฐา[10]
  • วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 (ปีโชวะที่ 20) ญี่ปุ่นได้ลงนามในตราสารยอมจำนนอย่างเป็นทางการ และเป็นจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2
  • ทรงศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ที่โรงเรียนมัธยมชายกากูชูอิน (学習院中・高等科)[8]
  • พ.ศ. 2501 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学)[3]

บรรลุนิติภาวะ

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 เจ้าชายโยชิมีพระชนมายุครบ 20 ชัณษา ซึ่งถือว่าทรงบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของญี่ปุ่น และมีการจัดพิธีบรรลุนิติภาวะตามธรรมเนียมของราชวงศ์[3] โดยพระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์

เจ้าชายฮิตาจิ

การอภิเษกสมรส

Thumb
เจ้าชายและเจ้าหญิงฮิตาจิ เมื่อ พ.ศ. 2508

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 มีการนัดดูตัวระหว่างเจ้าชายโยชิ และนางสาวฮานาโกะ สึงารุ เพื่อทำการอภิเษกสมรส โดยนางสาวฮานาโกะ สึงารุ เป็นธิดาคนที่สี่ของโยชิตากะ สึงารุ (津軽 義孝) ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลสึงารุ (津軽氏) รุ่นที่ 14 โดยตระกูลดังกล่าวเคยปกครองแคว้นฮิโรซากิ (弘前藩) ในปัจจุบัน คือ จังหวัดอาโอโมริ[11][12]

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2507 มีการจัดพิธี "โนะไซ" (納采の儀) หรือพิธีหมั้น[13]

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2507 มีการจัดพิธี "โคกคิ" (告期の儀) หรือพิธีกำหนดวันอภิเษกสมรส[14]

Thumb
เจ้าชายและเจ้าหญิงฮิตาจิ เมื่อ พ.ศ. 2554

วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2507 มีการจัดพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เจ้าชายโยชิ กับ นางสาวฮานาโกะ สึงารุ[15]

โดยหลังจากที่พระองค์อภิเษกสมรส พระองค์ได้ก่อตั้งมิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) ของพระองค์เองขึ้น และได้รับพระราชทานมิยาโง ว่า "ฮิตาจิ" จากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ซึ่งถือเป็น มิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) แรกที่ถูกตั้งขึ้นหลังจากช่วงสงครามและภายใต้กฎหมายราชวงศ์สมัยปัจจุบัน[2] โดย "ฮิตาจิ" มีที่มาจากชื่อแคว้นฮิตาจิ (常陸国) ปัจจุบันอยู่ภายใต้จังหวัดอิบารากิ

ดังนั้น พระนามเต็มของพระองค์จึงเปลี่ยนเป็น 常陸宮正仁親王殿下 (Hitachi-no-Miya Masahito Shinnō Denka) โดยสำนักพระราชวังระบุพระนามในภาษาอังกฤษว่าเป็น His Imperial Highness Prince Hitachi[1] หรือ เจ้าชายฮิตาจิ

นางสาวฮานาโกะ สึงารุ ได้รับการสถาปนาอิสริยยศเป็น "ชินโนฮิ" หรือพระชายาในเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น และมีพระนามเต็มว่า 正仁親王妃華子殿下 (Masahito Shinnōhi Hanako Denka) โดยสำนักพระราชวังระบุพระนามในภาษาอังกฤษเป็น Her Imperial Highness Princess Hitachi[1] หรือ เจ้าหญิงฮิตาจิ

เจ้าชายและเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงไม่มีพระโอรส-ธิดาด้วยกันแม้แต่พระองค์เดียว

ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่ วังฮิตาจิ หรือ วังโทคิวามัตสึ (常盤松御用邸) เขตชิบูยะ กรุงโตเกียว[4] ซึ่งถือว่าเป็น มิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) ราชวงศ์เดียว ที่ประทับอยู่นอกเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地)

ราชวงศ์สาขาฮิตาจิ

สมาชิกราชวงศ์สาขาฮิตาจิ ประกอบด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม รุ่น, พระนาม ...

ตราประจำ มิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) "ฮิตาจิ" ประกอบด้วยตราดอกเบญจมาศ 14 กลีบ อยู่ตรงกลาง ซึ่งสื่อถึงพระบรมวงศานุวงศ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น และล้อมรอบด้วยต้นโอกาทามะ (黄心樹) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายฮิตาจิ

Remove ads

พระกรณียกิจ

สรุป
มุมมอง

งานราชสำนัก

  • ทรงตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีออกมหาสมาคม เนื่องในวันขึ้นปีใหม่[16][17]
  • ทรงเข้าร่วมพิธี "อุตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีในพระราชสำนัก โดยจะมีการร่วมกันขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น[18]
  • ทรงเข้าร่วมพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) เป็นพิธีที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคม โดยสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี พร้อมสมาชิกราชวงศ์ จะเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์[19][20]
  • ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจัดโดยสมเด็จพระจักรพรรดิ เพื่อเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอาคะซะกะกรุงโตเกียว[21]

อย่างไรก็ตามในช่วงหลัง พระองค์ไม่ได้เสด็จเข้าร่วมเนื่องจากพระชัณษามาก และการประชวรของพระองค์

งานด้านวิชาการ

  • พ.ศ. 2501 หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ทรงเป็นนักศึกษาวิจัยที่ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว
  • พ.ศ. 2512 - 2544 ทรงเป็นผู้ช่วยนักวิจัยของมูลนิธิเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งแห่งประเทศญี่ปุ่น[3]
  • พระองค์ทรงตีพิมพ์บทความวิชาการจำนวน 40 ฉบับในภาษาอังกฤษ และ 39 ฉบับในภาษาญี่ปุ่น เกี่ยวกับการก่อเกิดมะเร็งและชีววิทยามะเร็ง ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ซึ่งผลงานวิจัยเหล่านี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากทั่วโลก[22][23]
  • พ.ศ. 2542 ทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์สมาคมวิจัยโรคมะเร็งแห่งประเทศเยอรมนี (Deutsche Krebsgesellschaft) ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกต่างชาติคนแรกของสมาคม[24]
  • พ.ศ. 2559 ทรงรับรางวัล Grand Prize of the Paris Charter Against Cancer ประจำปี 2016 ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดระดับนานาชาติในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยจะมอบให้แก่บุคคลสำคัญที่ได้อุทิศตนอย่างต่อเนื่องและมีผลงานทางสังคมที่โดดเด่นในการบริหารจัดการโรคและการคุ้มครองผู้ป่วย[22][25]

งานพิธี

ทรงร่วมงานครบรอบต่างๆในสมาคมที่พระองค์ดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ เช่น

  • งานอนุรักษ์นกป่า ครั้งที่ 60 (2549) [26], ครั้งที่ 63 (2552)[27]
  • งานปีใหม่ของเมซงฟรังโก-ฌาโปแนส์ (日仏会館) (2560)[28]
  • พิธีมอบรางวัลงานนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2566 [29]
  • นิทรรศการสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของนักเรียนนักศึกษาทั่วญี่ปุ่น ครั้งที่ 82 (2567) [30]
  • งานมอบรางวัลทางวิชาการกองทุนวิจัยมะเร็งเจ้าหญิงทากามัตสึ (高松宮妃癌研究基金) (2567) [31]

ตำแหน่งในองค์กร[7] [24]

  • สมาชิกสภาราชวงศ์ญี่ปุ่น (2532 - 2534, 2550 - 2558)[32]
  • ประธานสมาคมอนุรักษ์นกแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本鳥類保護連盟)
  • ประธานสมาคมเด็กพิการแห่งญี่ปุ่น
  • ประธานสถาบันนวัตกรรมและการประดิษฐ์แห่งประเทศญี่ปุ่น (発明協会)
  • ประธานสมาคมญี่ปุ่น-เดนมาร์ก
  • ประธานมูลนิธิไหมไดนิปปอน
  • ประธานสมาคมฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการแห่งประเทศญี่ปุ่น (本障害者リハビリテーション協会)
  • ประธานสมาคมศิลปะแห่งญี่ปุ่น (日本美術協会)
  • ประธานสมาคมสวนสัตว์โตเกียว (東京動物園協会)
  • ประธานเมซงฟรังโก-ฌาโปแนส์ (日仏会館)
  • ประธานกองทุนวิจัยมะเร็งเจ้าหญิงทากามัตสึ (高松宮妃癌研究基金)
  • ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมญี่ปุ่น-สวีเดน
  • ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมญี่ปุ่น-เบลเยียม
  • ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งแห่งประเทศญี่ปุ่น
  • รองประธานกิตติมศักดิ์สภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社)
  • สมาชิกกิตติมศักดิ์สมาคมวิจัยโรคมะเร็งแห่งประเทศเยอรมนี (Deutsche Krebsgesellschaft)[22]
  • สมาชิกกิตติมศักดิ์สมาคมเคมีแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本化学会)[33]

เสด็จเยือนต่างประเทศ[34][35][36][37]

Flag of Denmark เดนมาร์ก

  • วันที่ 12 ตุลาคม - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (เยือนหลายประเทศพร้อมกัน)
  • วันที่ 1 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อเข้าร่วมงาน Japan Expo
  • วันที่ 6 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2534 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อเข้าร่วมงานศิลปหัตถกรรมและภาพพิมพ์ญี่ปุ่น

Flag of France ฝรั่งเศส

  • วันที่ 12 ตุลาคม - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (เยือนหลายประเทศพร้อมกัน)
  • วันที่ 29 มิถุนายน - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ
  • วันที่ 12 - 23 กันยายน พ.ศ. 2550 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อเข้าร่วมงานรางวัลวัฒนธรรมโลกของเจ้าชายทากามัตสึ
  • วันที่ 18 - 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ
  • วันที่ 14 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อเข้าร่วมงานรางวัลวัฒนธรรมโลกของเจ้าชายทากามัตสึ
  • วันที่ 31 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อรับรางวัล Grand Prize of the Paris Charter Against Cancer

Flag of Switzerland สวิตเซอร์แลนด์

Flag of Belgium เบลเยียม

Flag of the Netherlands
เนเธอร์แลนด์

Flag of Italy
อิตาลี

  • วันที่ 12 ตุลาคม - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (เยือนหลายประเทศพร้อมกัน)
Flag of the United Kingdom (3-5)

สหราชอาณาจักร

Flag of Germany

เยอรมนี

Flag of Monaco โมนาโก

ไทย

  • วันที่ 12 ตุลาคม - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (เยือนหลายประเทศพร้อมกัน)
  • วันที่ 7 - 14 มกราคม พ.ศ. 2531 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • วันที่ 28 สิงหาคม - 5 กันยายน พ.ศ. 2539 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Flag of the United States (1912-1959)

สหรัฐอเมริกา

Flag of Nepal
เนปาล

Flag of Sweden สวีเดน

  • วันที่ 1 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ เพื่อเข้าร่วมงาน Japan Expo
  • วันที่ 6 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2534 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Malaysia มาเลเซีย

ธงชาติสิงคโปร์ สิงคโปร์

  • วันที่ 13 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • วันที่ 6 - 14 กันยายน พ.ศ. 2543 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Flag of Brazil

บราซิล

Flag of Paraguay

ปารากวัย

  • วันที่ 25 กันยายน - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2529 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมงานครบรอบ 50 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น
Flag of Chile

ชิลี

  • วันที่ 3 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • วันที่ 17 - 30 กันยายน พ.ศ. 2540 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมงานครบรอบ 100 ปีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Ecuador เอกวาดอร์

  • วันที่ 3 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Flag of Finland

ฟินแลนด์

Flag of Romania
โรมาเนีย

  • วันที่ 19 - 30 กันยายน พ.ศ. 2538 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Brunei บรูไน

  • วันที่ 28 สิงหาคม - 5 กันยายน พ.ศ. 2539 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Guatemala กัวเตมาลา

  • วันที่ 17 - 30 กันยายน พ.ศ. 2540 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Greece กรีซ

  • วันที่ 17 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2542 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมงานครบรอบ 100 ปีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • วันที่ 23 - 30 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมชมงานการแข่งขันโอลิมปิค 2004

Flag of Canada (Pantone) แคนาดา

  • วันที่ 4 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2542 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ

Flag of Panama ปานามา

  • วันที่ 17 - 27 เมษายน พ.ศ. 2544 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Flag of Italy

อิตาลี

  • วันที่ 29 มิถุนายน - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงเยือนเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ

Flag of Nicaragua นิการากัว

Flag of El Salvador เอลซัลวาดอร์

  • วันที่ 30 กันยายน - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2548 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมงานครบรอบ 70 ปีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

Flag of Peru (state)
เปรู

Flag of Bolivia โบลิเวีย

  • วันที่ 11 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เสด็จพร้อมเจ้าหญิงฮิตาจิ ทรงร่วมงานครบรอบ 110 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น
Flag of Tonga

ตองงา

Remove ads

พระเกียรติยศ

ข้อมูลเบื้องต้น ธรรมเนียมพระยศของ เจ้าชายฮิตาจิ, สัญลักษณ์ ...

ลำดับพระอิสริยยศ

  • 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 – 30 กันยายน พ.ศ. 2507 : เจ้าชายโยชิ (ญี่ปุ่น: 義宮正仁親王殿下; โรมาจิ: Yoshi-no-Miya Masahito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Yoshi)
  • 30 กันยายน พ.ศ. 2507 – ปัจจุบัน : เจ้าชายฮิตาจิ (ญี่ปุ่น: 常陸宮正仁親王殿下; โรมาจิ: Hitachi-no-Miya Masahito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Hitachi)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

ญี่ปุ่น

ต่างประเทศ

ปริญญากิตติมศักดิ์

เกร็ด

  • ในสมัยพระเยาว์ พระองค์ทรงได้รับฉายาว่า "คาเซะจัง" (火星ちゃん) ซึ่งมีที่มาจากตัวละครในการ์ตูนยอดนิยมในยุคนั้น[43]
  • วันอภิเษกสมรสของเจ้าชายและเจ้าหญิง จัดขึ้นใน พ.ศ. 2507 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคปี 1964 และเป็นปีที่เปิดใช้งานรถไฟความเร็วสูงชิงกันเซ็น[8]
  • พระองค์มีโอกาสได้รับฟังคำสอนจากศาสนาคริสต์ ซึ่งถัดมาเจ้าชายมิกาซะได้ออกมาปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเจ้าชายฮิตาจิทรงเป็นคริสเตียน ในปี พ.ศ. 2520[32]
Remove ads

ราชตระกูล

ข้อมูลเพิ่มเติม พงศาวลีของเจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ ...
Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads