คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ภาษาเบงกอล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภาษาเบงกอล
Remove ads

ภาษาเบงกอล หรือตามชื่อเรียกตนเองว่า บังลา (বাংলা, Bāṅlā, [ˈbaŋla] ) เป็นภาษาอินโด-อารยันคลาสสิกจากตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียนที่พบในภูมิภาคเบงกอลในเอเชียใต้ โดยมีผู้พูดภาษาแม่มากกว่า 242 ล้านคนและพูดเป็นภาษาที่สอง 41 ล้านคน ณ ค.ศ. 2025[1] ภาษาเบงกอลเป็นภาษาแม่ที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับ 5 และภาษาที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับ 7 ตามจำนวนผู้พูดทั่วโลก[5][6] โดยถือเป็นภาษาอินโด-ยูโรเปียนที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับ 5[7]

ข้อมูลเบื้องต้น ภาษาเบงกอล, ออกเสียง ...

ภาษาเบงกอลเป็นภาษาราชการ ภาษาประจำชาติ และภาษาที่มีผู้พูดแพร่หลายที่สุดในประเทศบังกลาเทศ[8][9][10] โดยชาวบังกลาเทศร้อยละ 98 ใช้ภาษาเบงกอลเป็นภาษาแม่[11][12] ภาษานี้เป็นภาษาที่มีผู้พูดแพร่หลายเป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ถือเป็นภาษาราชการในรัฐเบงกอลตะวันตก รัฐตรีปุระ และภูมิภาคหุบเขาบะรากในรัฐอัสสัม โดยยังเป็นภาษาราชการที่สองในรัฐฌาร์ขัณฑ์ตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 2011[4] ภาษานี้เป็นภาษาที่พูดกันแพร่หลายสุดในหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ที่อ่าวเบงกอล[13] และในบริเวณที่ประชากรเป็นนัยยะสำคัญในรัฐต่าง ๆ เช่น รัฐพิหาร, รัฐอรุณาจัลประเทศ, เดลี, รัฐฉัตตีสครห์, รัฐเมฆาลัย, รัฐมิโซรัม, รัฐนาคาแลนด์, รัฐโอฑิศา และรัฐอุตตราขัณฑ์[14] ภาษาเบงกอลยังมีผู้พูดโดยชาวเบงกอลพลัดถิ่น (ชาวบังกลาเทศพลัดถิ่นและชาวอินเดียเชื้อสายเบงกอล) ทั่วยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่น ๆ[15]

ภาษาเบงกอลได้รับสถานะภาษาคลาสสิกจากรัฐบาลอินเดียในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2024[16][17] โดยเป็นภาษาที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับ 2 และเติบโตเร็วเป็นอันดับ 4 ในประเทศอินเดีย เป็นรองจากภาษาฮินดีอันดับ 1 ภาษากัศมีร์อันดับ 2 และภาษามณีปุระ (มณีปุระ) ร่วมกับคุชราตเป็นอันดับ 3 ตามสำมะโนอินเดีย ค.ศ. 2011[18]

ภาษาเบงกอลได้รับการพัฒนามากว่า 1,400 ปี วรรณกรรมเบงกอลที่มีประวัติศาสตร์วรรณกรรมอันยาวนานนับพันปี ได้รับการพัฒนาอย่างกว้างขวางในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาเบงกอล และเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่มีผลงานหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในเอเชีย ขบวนการภาษาเบงกอลใน ค.ศ. 1948 ถึง 1956 เรียกร้องให้มีการให้ภาษาเบงกอลเป็นภาษาราชการของปากีสถาน ส่งผลให้เกิดแนวคิดชาตินิยมเบงกอลในเบงกอลตะวันออก นำไปสู่การสถาปนาประเทศบังกลาเทศใน ค.ศ. 1971 โดยใน ค.ศ. 1999 ยูเนสโกระบรองให้วันที่ 21 กุมภาพันธ์เป็นวันภาษาแม่สากลที่มีการรับรองขบวนการภาษา[19][20]

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
หน้าจากชรรยปท

ภาษาเบงกอลเป็นภาษาในกลุ่มภาษาอินโด-อารยันตะวันออก พัฒนามาจากภาษาในยุคกลางคือภาษาปรากฤตมคธและภาษาไมถิลี ซึ่งเป็นภาษาดั้งเดิมที่เคยมีบันทึกในบริเวณนี้และเป็นภาษาในสมัยพุทธกาลด้วย ภาษาเหล่านี้ต่อมาพัฒนาไปเป็นภาษาอรธามคธี และพัฒนาต่อไปเป็นกลุ่มภาษาอปภรัมสะ ภาษากลุ่มนี้ที่ใช้พูดทางตะวันออกคือภาษาปุรวี อปภรัมสะ ได้พัฒนาต่อไปเป็นสำเนียงท้องถิ่นสามกลุ่มคือ ภาษาพิหาร ภาษาโอริยา และภาษาเบงกอล-อัสสัม ในส่วนของภาษาเบงกอลนั้น แบ่งเป็นสามช่วงคือ

  • ภาษาเบงกอลโบราณ (พ.ศ. 1443/1543 – 1943) เอกสารที่สำคัญได้แก่ จรรยปทะ เกิดการใช้สรรพนาม Ami, tumi การผันกริยาด้วย -ila, -iba ภาษาโอริยาและภาษาอัสสัมแยกออกไปในช่วงนี้
  • ภาษาเบงกอลยุคกลาง (พ.ศ. 1943 – 2343) เป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาเปอร์เซีย
  • ภาษาเบงกอลใหม่ (หลัง พ.ศ. 2343) ทำให้การผันคำนาม คำกริยาสั้นลง

ภาษาเบงกอลได้รับอิทธิพลจากภาษาสันสกฤตมากขึ้นในยุคกลาง ภาษาอินโด-อารยันสมัยใหม่ในเอเชียใต้ เช่น ภาษาปัญจาบ ภาษาสินธี และภาษาคุชราตได้รับอิทธิพลจากภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซียมาก ซึ่งต่างจากภาษาเบงกอลและภาษาไมถิลี ที่ยังรักษารากศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤตไว้ได้ ไวยากรณ์และพจนานุกรมภาษาเบงกอลฉบับแรกจัดทำขึ้นโดยมิชชันนารีชาวโปรตุเกสระหว่าง พ.ศ. 2277 - 2285

สมัยใหม่

ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึง 20 มีรูปแบบภาษาเขียน 2 แบบ:

  • চলিতভাষা ชลติภาษา รูปแบบภาษาพูดของภาษาเบงกอลที่ใช้การผันคำแบบง่าย
  • সাধুভাষা สาธุภาษา รูปแบบภาษาเบงกอลที่เป็นทางการและสุภาพ[21][22]

ใน ค.ศ. 1948 รัฐบาลปากีสถานพยายามพยายามกำหนดให้ภาษาอูรดูเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียวในปากีสถาน ทำให้เกิดกระแสขบวนการภาษาเบงกอล[23] นี่เป็นการเคลื่อนไหวทางชาติพันธุ์ภาษาที่ได้รับความนิยมในอดีตเบงกอลตะวันออก (ปัจจุบันคือบังกลาเทศ) ซึ่งเกิดขึ้นจากความตระหนักทางภาษาที่เข้มแข็งของชาวเบงกอล และความปรารถนาที่จะส่งเสริมและปกป้องการรับรองการพูดและการเขียนภาษาเบงกอลในฐานะภาษาประจำรัฐของประเทศปากีสถานในเครือจักรภพ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 นักศึกษา 5 คนและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกสังหารในระหว่างการประท้วงใกล้บริเวณมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยธากา ใน ค.ศ. 1956 ภาษาเบงกอลกลายเป็นภาษาประจำรัฐของปากีสถาน[23] ยูเนสโกประกาศให้วันที่ 21 กุมภาพันธ์เป็นวันขบวนการภาษาในบังกลาเทศและวันระลึกเป็นวันภาษาแม่สากลทุกปีตั้งแต่ ค.ศ. 2000

ใน ค.ศ. 2010 รัฐสภาบังกลาเทศและสภานิติบัญญัติของรัฐเบงกอลตะวันตกเสนอให้ภาษาเบงกอลเป็นภาษาทางการของสหประชาชาติ[24] ณ เดือนมกราคม ค.ศ. 2023 ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระนั้นใน ค.ศ. 2022 สหประชาชาติได้นำภาษาเบงกอลมาใช้เป็นภาษาอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากที่อินเดียเสนอญัตติ[25]

ใน ค.ศ. 2024 รัฐบาลอินเดียให้สถานะภาษาเบงกอลเป็นภาษาคลาสสิก[16][17]

Thumb
Central Shaheed Minar ที่ธากา ประเทศบังกลาเทศ
Thumb
อนุสรณ์สถานวีรชนแห่งภาษาที่สถานีรถไฟ Silchar ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย
Thumb
อนุสรณ์วันภาษาแม่ที่โกลกาตา รัฐเบงกอลตะวันตก
Remove ads

การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์

สรุป
มุมมอง

จำนวนผู้พูดภาษาเบงกอลเป็นภาษาแม่โดยประมาณทั่วโลก (โดยคิดเป็นยอดรวม 280 ล้านคน)

  ประเทศอื่น (1.7%)

ภาษาเบงกอลเป็นภาษาแม่ในภูมิภาคเบงกอลที่ประกอบด้วยประเทศบังกลาเทศและรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียในปัจจุบัน

Thumb
การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ของภาษาเบงกอลทั่วโลก
  ภาษาแม่
  ภาษาระดับภูมิภาค
  ประชากรโพ้นทะเลมากกว่าล้านคน
  ประชากรโพ้นทะเลมากกว่า 100,000 คน
  ประชากรโพ้นทะเลมากกว่า 10,000 คน
  ประชากรโพ้นทะเลมากกว่าหนึ่งพันคน

นอกจากภูมิภาคนี้ ยังมีชาวเบงกอลที่พูดภาษานี้ในรัฐตรีปุระ, รัฐอัสสัมตอนใต้ และประชากรเบงกอลที่พูดในดินแดนสหภาพหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ นอกจากนี้ยังมีผู้พูดภาษาเบงกอลในรัฐใกล้เคียงอย่างรัฐโอฑิศา, รัฐพิหาร และรัฐฌาร์ขัณฑ์ และผู้พูดภาษาเบงกอลชนกลุ่มน้อยในนครของอินเดีย เช่น เดลี, มุมไบ, ฐาเณ, พาราณสี และวฤนทาวัน และยังมีชุมชนที่พูดภาษาเบงกอลอย่างเป็นนัยยะสำคัญในตะวันออกกลาง[26][27][28] สหรัฐ,[29] สิงคโปร์,[30] มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, แคนาดา, สหราชอาณาจักร และอิตาลี

สถานการณ์เป็นภาษาราชการ

ภาษาเบงกอลเป็นภาษาราชการของประเทศบังกลาเทศ และเป็นภาษาราชการในรัฐเบงกอลตะวันตกและรัฐตรีปุระในอินเดีย[31] และเป็นภาษาหลักในหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ เป็นภาษาราชการร่วมของรัฐอัสสัม

Remove ads

สำเนียง

มีความผันแปรในแต่ละท้องถิ่นที่พูดภาษาเบงกอล โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้สี่กลุ่มคือ ราธ พังคะ กามรูป และวเรนทระ สำเนียงทางตะวันตกเฉียงใต้หรือราธเป็นพื้นฐานของภาษาเบงกอลมาตรฐาน ส่วนสำเนียงทางตะวันออกจะได้รับอิทธิพลจากกลุ่มภาษาทิเบต-พม่ามาก ทำให้บางสำเนียงมีความแตกต่างของเสียงวรรณยุกต์ในสำเนียงในบริเวณจิตตะกองและจักมา บางสำเนียงถูกจัดเป็นภาษาเอกเทศต่างหากเช่นภาษาฮาชอง แม้จะคล้ายกับภาษาเบงกอลสำเนียงทางเหนือ[32]

ระหว่างการจัดมาตรฐานภาษาเบงกอลในพุทธศตวรรษ 24-25 ศูนย์กลางของวัฒนธรรมเบงกอลอยู่ที่กัลกัตตา ทำให้สำเนียงทางตะวันตกตอนกลางกลายเป็นสำเนียงมาตรฐานทั้งในเบงกอลตะวันตกและบังกลาเทศ แต่ภาษาเบงกอลในสองบริเวณนี้ก็มีการใช้คำศัพท์ที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นคำศัพท์ในภาษาเบงกอลเดิมเหมือนกัน เช่น คำว่าเกลือ ทางตะวันตกใช้ noon ส่วนทางตะวันออกใช้ lôbon[33]

เสียง

ในทางสัทศาสตร์ ภาษาเบงกอลมีพยัญชนะ 29 เสียง และสระ 14 เสียงรวมทั้งสระนาสิก 7 เสียง มีเสียงสระประสมมาก การเน้นเสียงมักเน้นที่พยางค์แรกของคำ ความสั้นยาวของเสียงสระไม่มีความสำคัญในภาษาเบงกอล

ระบบการเขียน

สรุป
มุมมอง
Thumb
ตัวอย่างอักษรเบงกอลแบบรูปเขียน บทกวีส่วนหนึ่งในภาษาเบงกอล (และคำแปลภาษาอังกฤษในแต่ละย่อหน้าภาษาเบงกอล) โดยรพินทรนาถ ฐากุร ผู้ได้รับรางวัลโนเบล เมื่อ ค.ศ. 1926 ที่ฮังการี
Thumb
หอสมุดไวต์แชเปิลที่อีสต์ลอนดอนที่มีคำว่า "বাংলা" เรืองแสงในแบบอักษรของตนเอง

อักษรเบงกอล-อัสสัมเป็นอักษรสระประกอบ ซึ่งเป็นชุดตัวอักษรที่มีตัวอักษรสำหรับสระ กับเครื่องหมายเสริมสัทอักษรสำหรับเสียงสระ และถ้าไม่มีการเครื่องหมายสระก็ถือว่ามีสระลดรูป (অ ô)[34] ชุดตัวอักษรเบงกอลใช้งานทั่วบังกลาเทศและอินเดียตะวันออก (อัสสัม, เบงกอลตะวันตก, ตรีปุระ) เชื่อกันว่าชุดตัวอักษรเบงกอลพัฒนามาจากอักษรพราหมีดัดแปลงเมื่อประมาณ ค.ศ. 1000 (หรือคริสต์ศตวรรษที่ 10–11)[35] อักษรเบงกอลเป็นอักษรตัวเขียนที่มีหน่วยอักขระหรือสัญลักษณ์ 11 หน่วยที่ระบุเสียงสระ 9 เสียง และสระประสมสองเสียง 2 หน่วย กับหน่วยอักขระที่แทนเสียงพยัญชนะ 39 หน่วยและส่วนขยายอื่น ๆ[35] อักษรนี้ไม่มีการแบ่งเป็นตัวพิมพ์ใหญ่และเล็ก เขียนจากซ้ายไปขวา และมีช่องว่างไว้แบ่งคำอักขรวิธี อักษรเบงกอลมีเส้นแนวนอนที่ลากไปตามส่วนบนของหน่วยอักขระซึ่งเชื่อมเข้าด้วยกันเรียกว่า মাত্রা มาตรา[36]

การถอดอักษรเบงกอลเป็นอักษร ใช้ตามระบบของภาษาสันสกฤตหรือภาษาในประเทศอินเดียรวมทั้งหอสมุดแห่งชาติกัลกัตตา

อักษรแบบอื่นและในอดีต

Thumb
เอกสารตัวเขียน Dobhashi Halat-un-Nabi ใน ค.ศ. 1855 เขียนโดย Sadeq Ali โดยใช้อักษรสิเลฏินาครี

ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ มีบางกรณีที่ภาษาเบงกอลใช้เขียนด้วยอักษรที่แตกต่างกัน แม้ว่าการใช้ภาษาเหล่านี้จะไม่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางและจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเบงกอล พื้นที่เบงกอลที่ติดกับภูมิภาคที่ไม่ใช่เบงกอลจึงได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน ประชากรจำนวนน้อยใน Midnapore ที่อยู่ติดกับรัฐโอฑิศาใช้อักษรโอริยาในการเขียนภาษาเบงกอล ส่วนในพื้นที่ชายแดนระหว่างรัฐเบงกอลตะวันตกกับรัฐพิหาร ชุมชนชาวเบงกอลบางแห่งในอดีตเขียนภาษาเบงกอลด้วยอักษรเทวนาครี ไกถี และ Tirhuta[37]

ในสิเลฏและ Bankura อักษรไกถีแบบดัดแปลงมีความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนมุสลิม อักษรที่ดัดแปลงในสิเลฏนั้นเหมือนกันกับอักษร Baitali Kaithi ของภาษาฮินดูสตานี เว้นแต่อักษรสิเลฏินาครีมีมาตรา[38] อักษรสิเลฏินาครีได้รับการกำหนดมาตรฐานสำหรับการพิมพ์เมื่อ ป.ค.ศ. 1869[9]

มีการใช้อักษรอาหรับหลายรูปแบบทั่วเบงกอลจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตั้งแต่จิตตะกองทางตะวันออกไปจนถึง Meherpur ทางตะวันตก[39][40][41] Nur Qutb Alam นักวิชาการราชสำนักของเบงกอลในคริสต์ศตวรรษที่ 14 แต่งบทกวีภาษาเบงกอลโดยใช้ชุดตัวอักษรเปอร์เซีย[42][43] หลังการแบ่งอินเดียในคริสต์ศตวรรษที่ 20 รัฐบาลปากีสถานพยายามสถาปนาอักษรเปอร์เซีย-อาหรับเป็นอักษรมาตรฐานสำหรับภาษาเบงกอลในปากีสถานตะวันออก แต่ได้รับการต่อต้านและมีส่วนสนับสนุนให้เกิดขบวนการภาษาเบงกอล[44]

Remove ads

ไวยากรณ์

คำนามในภาษาเบงกอลไม่มีการกำหนดเพศ ทำให้มีการผันคำน้อย คำคุณศัพท์ คำนาม และสรรพนามมี 4 การก คำกริยามีรูปแบบการผันมาก แต่ต่างจากภาษาฮินดีที่ไม่มีการผันคำกริยาตามเพศ

การเรียงลำดับคำ

ภาษาเบงกอลเรียงประโยคแบบประธาน-กรรม-กริยา เชื่อมคำในประโยคด้วยปรบท คำคุณศัพท์ จำนวนและการกแสดงความเป็นเจ้าของนำหน้าคำนาม คำถามแบบใช่/ไม่ใช่ ไม่ต้องมีการเปลี่ยนลำดับคำในประโยค

คำนาม

คำนามและคำสรรพนามมีการผันตามการกจำนวน 4 การกคือ ประธาน กรรม ความเป็นเจ้าของและแสดงตำแหน่ง มีการเติมคำนำหน้านามชี้เฉพาะได้แก่ -টা -ţa (เอกพจน์) หรือ -গুলা -gula (พหูพจน์) นามมีการผันตามจำนวนด้วย ภาษาเบงกอลมีลักษณนามเช่นเดียวกับภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีนและภาษาไทย ลักษณนามที่ใช้โดยทั่วไปคือ -টা –ţa แต่มีลักษณนามบางคำใช้กับนามเฉพาะ เช่น -জন –jon ใช้กับคน

คำกริยา

คำกริยาแบ่งได้เป็นสองระดับคือคือกริยาแท้และกริยาไม่แท้ กริยาไม่แท้ไม่มีการผันตามกาลของบุคคล ในขณะที่กริยาแท้มีการผันตามจุดมุ่งหมาย กาล และบุคคลแต่ไม่ผันตามจำนวน นอกจากนั้น ภาษาเบงกอลมีความต่างจากภาษาในกลุ่มภาษาอินโด-อารยันอื่น ๆ คือสามารถละกริยาที่เป็น verb to be แบบที่พบในภาษารัสเซียและภาษาฮังการี

Remove ads

คำศัพท์

ในภาษาเบงกอลมีคำศัพท์มากกว่า 100,000 คำ โดยครึ่งหนึ่งเป็นคำยืมจากภาษาสันสกฤต ราว 20% มีรากศัพท์ร่วมกับภาษาสันสกฤต ที่เหลือเป็นคำยืมจากภาษาอื่นโดยเฉพาะภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก อย่างไรก็ตาม ในภาษาเบงกอลสมัยใหม่ นิยมใช้ศัพท์ที่มีรากศัพท์ร่วมกับภาษาสันสกฤต มากกว่าคำที่ยืมจากภาษาสันสกฤต ส่วนคำยืมมีที่ใช้น้อยลง

ในบริเวณเบงกอลเป็นบริเวณที่มีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย ทั้งชาวยุโรป อินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล ชาวอาหรับ ชาวเติร์ก ชาวเปอร์เซีย ชาวอัฟกัน และชาวเอเชียตะวันออก ภาษาเบงกอลจึงมีคำยืมจากภาษาของกลุ่มชนเหล่านี้ ซึ่งต่างกันไปตามระดับของความใกล้ชิดในการติดต่อ มีการยืมคำจากภาษาของเพื่อนบ้าน เช่น ภาษาฮินดี ภาษาอัสสัม และภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติกโดยเฉพาะภาษาสันตาลี การรุกรานของเปอร์เซียและตะวันออกกลางทำให้มีคำยืมจากภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับ ภาษาตุรกี และภาษาปาทาน ในสมัยอาณานิคม ภาษาเบงกอลได้รับอิทธิพลจากภาษาในยุโรป เช่น ภาษาโปรตุเกส ภาษาฝรั่งเศส ภาษาดัตช์ และภาษาอังกฤษ

Remove ads

รูปแบบของภาษาพูดและภาษาเขียน

สรุป
มุมมอง

ภาษาเบงกอลเป็นภาษาที่มีความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน ภาษาเขียนมีสองแบบคือ

  • สาธุภาษา ((সাধুভাষা) เป็นรูปแบบการเขียนที่มีการผันคำกริยาแบบยาว และใช้ศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤต เพลงชาติเป็นตัวอย่างการใช้สาธุภาษา แต่รูปแบบการเขียนสมัยใหม่ ไม่นิยมใช้สาธุภาษา
  • ชลติภาษา (চলতিভাষা) เป็นรูปแบบการเขียนภาษาเบงกอลสมัยใหม่ ที่ใช้กริยาในรูปสั้น และเป็นภาษามาตรฐานในปัจจุบัน เริ่มใช้เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 สำเนียงที่ใช้เป็นพื้นฐานคือสำเนียงในศานติปุระ รัฐเบงกอลตะวันตก

ภาษาพูดของภาษาเบงกอลมีความหลากหลายเช่นเดียวกัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเบงกอลตะวันตกรวมทั้งในกัลกัตตาพูดสำเนียงมาตรฐานของภาษาเบงกอล ส่วนอื่น ๆ ของเบงกอลตะวันตกและทางตะวันตกของบังกลาเทศพูดสำเนียงที่มีความแตกต่างไปเล็กน้อย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในบังกลาเทศพูดสำเนียงที่ต่างไปจากภาษามาตรฐานโดยเฉพาะบริเวณจิตตะกอง นอกจากนั้น ชาวเบงกอลที่นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาอิสลามใช้ภาษาที่ต่างกัน ผู้นับถือศาสนาฮินดูนิยมใช้ศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤต ส่วนมุสลิมนิยมใช้ศัพท์ที่มาจากภาษาอาหรับและเปอร์เซียแม้จะมีความหมายเหมือนกัน เช่น

  • สวัสดี: nômoshkar (สันสกฤต) กับ assalamualaikum/slamalikum (อาหรับ)
  • เชื้อเชิญ: nimontron/nimontonno (สันสกฤต) กับ daoat (อาหรับ)
  • น้ำ : jol (สันสกฤต) กับ pani (สันสกฤต)
  • พ่อ : baba (เปอร์เซีย) corresponds to abbu/abba (อาหรับ)
Remove ads

ตัวอย่าง

สรุป
มุมมอง

ข้อความข้างล่างนำมาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อที่ 1 ในภาษาเบงกอล:

সমস্ত

Sômôstô

ʃɔmosto

All

মানুষ

manush

manuʃ

human

স্বাধীনভাবে

shadhinbhabe

ʃadʱinbʱabe

free-manner-in

সমান

sôman

ʃoman

equal

মর্যাদা

môrjada

mɔɾdʒada

dignity

এবং

ebông

eboŋ

and

অধিকার

ôdhikar

odʱikaɾ

right

নিয়ে

niye

nie̯e

taken

জন্মগ্রহণ

jônmôgrôhôn

dʒɔnmoɡrohon

birth-take

করে।

kôre.

kɔɾe

do.

তাঁদের

Tãder

tãdeɾ

Their

বিবেক

bibek

bibek

reason

এবং

ebông

eboŋ

and

বুদ্ধি

buddhi

budʱːi

intelligence

আছে;

achhe;

atʃʰe

exist;

সুতরাং

sutôrang

ʃutoraŋ

therefore

সকলেরই

sôkôleri

ʃɔkoleɾi

everyone-indeed

একে

êke

ɛke

one

অপরের

ôpôrer

ɔporeɾ

another's

প্রতি

prôti

proti

towards

ভ্রাতৃত্বসুলভ

bhratrittôsulôbh

bʱratritːoʃulɔbʱ

brotherhood-ly

মনোভাব

mônobhab

monobʱab

attitude

নিয়ে

niye

nie̯e

taken

আচরণ

achôrôn

atʃorɔn

conduct

করা

kôra

kɔra

do

উচিত।

uchit.

utʃit

should.

সমস্ত মানুষ স্বাধীনভাবে সমান মর্যাদা এবং অধিকার নিয়ে জন্মগ্রহণ করে। তাঁদের বিবেক এবং বুদ্ধি আছে; সুতরাং সকলেরই একে অপরের প্রতি ভ্রাতৃত্বসুলভ মনোভাব নিয়ে আচরণ করা উচিত।

Sômôstô manush shadhinbhabe sôman môrjada ebông ôdhikar niye jônmôgrôhôn kôre. Tãder bibek ebông buddhi achhe; sutôrang sôkôleri êke ôpôrer prôti bhratrittôsulôbh mônobhab niye achôrôn kôra uchit.

ʃɔmosto manuʃ ʃadʱinbʱabe ʃoman mɔɾdʒada eboŋ odʱikaɾ nie̯e dʒɔnmoɡrohon kɔɾe tãdeɾ bibek eboŋ budʱːi atʃʰe ʃutoraŋ ʃɔkoleɾi ɛke ɔporeɾ proti bʱratritːoʃulɔbʱ monobʱab nie̯e atʃorɔn kɔra utʃit

All human free-manner-in equal dignity and right taken birth-take do. Their reason and intelligence exist; therefore everyone-indeed one another's towards brotherhood-ly attitude taken conduct do should.

มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรี และสิทธิ ต่างในตนมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณแห่งภราดรภาพ

อ้างอิง

อ่านเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads