คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64

คณะรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64
Remove ads

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 (3 กันยายน พ.ศ. 2567 – ปัจจุบัน) เป็นคณะรัฐมนตรีไทยที่จัดตั้งขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 สิ้นสุดลงทั้งคณะ จึงต้องมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนเศรษฐา และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด

ข้อมูลเบื้องต้น คณะรัฐมนตรีแพทองธาร, วันแต่งตั้ง ...

พรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมและรวบรวมเสียงพรรคการเมือง 11 พรรคที่เป็นชุดเดิมที่เคยจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 ในรอบที่ 2 และเสนอชื่อแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค บุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 โดยได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในวันเดียวกัน

แต่หลังจากนั้น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกลุ่มของตน แยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐมาเข้าร่วมรัฐบาล จากนั้นพรรคเพื่อไทยได้ขับพรรคพลังประชารัฐเดิมซึ่งเป็นกลุ่มของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากคณะรัฐมนตรี และเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงยังมีการถอนตัวของพรรคเสรีรวมไทยอีกด้วย

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 เมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยแพทองธารได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 6 กันยายน และได้เข้าแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นการบริหารรัฐกิจเมื่อวันที่ 12 และ 13 กันยายน

ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 จากการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธารกับฮุน เซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาส่งผลกระทบต่อดินแดนและผลประโยชน์ของชาติ พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลและไปเป็นฝ่ายค้าน โดยให้รัฐมนตรีในสังกัดทั้งหมดซึ่งมีอยู่ 8 คนลาออกจากตำแหน่ง ผลจากข้อพิพาทดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้แพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม หรือหนึ่งวันหลังจากมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีกลุ่มใหม่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ทำให้สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 2 เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยได้นำรัฐมนตรีกลุ่มใหม่ซึ่งรวมถึงแพทองธารในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่ในวันที่ 3 กรกฎาคม และมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันเดียวกัน โดยวาระแรกสุริยะเป็นประธานการประชุมเพื่อเรียงลำดับการรักษาการของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน ซึ่งภูมิธรรม เวชยชัย อยู่ในลำดับที่ 1 ภูมิธรรมจึงเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีต่อจากสุริยะตั้งแต่วาระที่เหลือของการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดนี้จนถึงปัจจุบัน

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567[1] ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เชิญแกนนำของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาหารือเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบ ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า ในเวลา 17:00 น. ของวันเดียวกัน[2] ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี[3]

อย่างไรก็ตาม วันรุ่งขึ้น (15 สิงหาคม) ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาสุขภาพของชัยเกษม จึงมีมติให้การสนับสนุน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี[4] ซึ่งครอบครัวชินวัตรรับฟังความต้องการของ สส. และยินยอมให้พรรคเสนอชื่อแพทองธาร[5] โดยที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยออกเป็นมติในการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี[6]

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 ที่มีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ได้รับทราบคำสั่งเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่[7] และในตอนท้ายของการแถลงข่าวการประชุม ภูมิธรรมได้ระบุว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว โดยจะมีการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ที่อาคารชินวัตร 3[8]

เวลา 17:15 น. ของวันเดียวกัน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้นำแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด 11 พรรคที่เป็นชุดเดิมที่เคยจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 ในรอบที่ 2 มาร่วมกันแถลงข่าวที่อาคารชินวัตร 3 โดยสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ได้แถลงว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีจุดยืนตรงกับมติของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยที่เห็นชอบตามที่ประชุม สส. ของพรรค ในการเสนอชื่อแพทองธารให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น[9] ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคประชาชน และ พรรคประชาธิปัตย์ มีมติในวันเดียวกันเป็นเอกฉันท์ว่าจะไม่ลงมติในเชิงสนับสนุนการเสนอชื่อของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมในครั้งนี้[10] โดยพรรคประชาธิปัตย์มีมติงดออกเสียง[11][12][13] ขณะที่พรรคประชาชนมีข้อสรุปในวันรุ่งขึ้น (16 สิงหาคม) ว่าจะลงมติไม่เห็นชอบ[14]

ต่อมาในวันที่ 16 สิงหาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 15 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ สรวงศ์ เทียนทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560[15] ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ด้วยคะแนนเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง และไม่มาประชุม 2 คน คือ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยในจำนวนนี้มีคะแนนเห็นชอบส่วนหนึ่งจำนวน 9 เสียงมาจากพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคไทยสร้างไทย ที่ สส. ในสังกัดซึ่งมี 6 คน ลงคะแนนเห็นชอบทั้งหมด[16]

จากผลการลงมติดังกล่าว ทำให้แพทองธารกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นอา เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วยวัยเพียง 37 ปี 11 เดือน และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก[17] ต่อมาในวันเดียวกันช่วงเวลา 17.00 น. วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยว่าได้ลงนามส่งมอบรายชื่อให้กับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยเรียบร้อยแล้ว[18] โดยมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในวันเดียวกัน ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม[19] และมีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการในวันดังกล่าว ณ อาคารวอยซ์ สเปซ อาคารบีบีดี อดีตที่ทำการของวอยซ์ทีวี ซึ่งก่อนหน้านั้นพรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะใช้เป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรค[20]

ก่อนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี

คุณสมบัติของรัฐมนตรี

สืบเนื่องจากการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีชุดก่อนหน้า เป็นเหตุให้ เศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[1] จึงทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งนี้มีความเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากต้องเป็นบุคคลที่ไร้มลทิน ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นจึงพบว่า มีผู้ประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจำนวน 4 ราย ที่อาจไม่ผ่านเรื่องคุณสมบัติ มีดังนี้[21]

ความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มธรรมนัส

ความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการส่งรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีแพทองธาร ปรากฎว่าไม่มีชื่อของร้อยเอกธรรมนัส และตำแหน่งรัฐมนตรีเดิมของธรรมนัสถูกแทนที่ด้วยชื่อของสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในคณะรัฐมนตรีเศรษฐา โดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยตนเองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 เอชดี[23]

ต่อมาในวันที่ 20 สิงหาคม ธรรมนัสได้แถลงต่อสื่อมวลชน ประกาศแยกทางกับพลเอกประวิตร[24] จากนั้นมีการรวบรวม สส.พรรคพลังประชารัฐที่เข้าร่วมกับร้อยเอกธรรมนัส 29 คน และ สส.จากพรรคเล็กอีก 5 คน เพื่อยื่นชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนของตนในวันถัดไป[25] แต่ในวันถัดมา (21 สิงหาคม) พรรคพลังประชารัฐได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า พลเอกประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ส่งรายชื่อบุคคลที่พรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคจำนวน 4 คนให้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ซึ่งเป็น 4 คนที่เคยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดก่อนหน้าทั้งหมด[26]

ความเคลื่อนไหวจากพรรคประชาธิปัตย์

หลังจากที่แพทองธารได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว มีกระแสข่าวว่าในช่วงกลางดึกวันที่ 20 สิงหาคม ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมด้วย ไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร และ อรรถกร ศิริลัทธยากร สส. ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปยังบ้านพักส่วนตัวของเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเดินดีลเจรจาทาบทามให้มาเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยก่อนหน้านั้นมีรายงานว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เจรจาดีลกับแกนนำพรรคเพื่อไทยขอตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของพลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของสันติ พร้อมพัฒน์[27]

ปรากฏว่ามีผู้สนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์และกูรูทางการเมืองบางส่วนไม่เห็นด้วยกับดีลนี้ รวมถึงยังมีเสียงคัดค้านจาก สส. อีก 4 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคถึง 3 คน คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รวมถึง สส. อีก 1 คนที่คัดค้านคือ สรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขต 1 และบุตรของนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย[28] แต่หลังจากนั้นมีรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งชื่อของ เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และ เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ให้พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการคัดกรองคุณสมบัติ[29]

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เดชอิศม์ระบุว่าเฉลิมชัยเข้าไปเจรจากับพรรคเพื่อไทย และได้ข้อสรุปว่า พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลแล้ว รอเพียงหนังสือเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ตนยังหารือนอกรอบกับ สส. และกรรมการบริการพรรคแล้ว พบว่า 90% เห็นควรเข้าร่วมรัฐบาล[30] แต่เฉลิมชัยปฏิเสธในวันเดียวกัน โดยระบุว่าเดชอิศม์เข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากในการประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ตนได้ขอให้พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ รองหัวหน้าพรรคถอนมติในการมอบหมายให้ตนเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลออกไปแล้ว จึงไม่เคยคุยกับแกนนำของพรรคเพื่อไทย[31]

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ โดยให้เหตุผลว่ามีอุดมการณ์ร่วมกัน[32] จากนั้น เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือเทียบเชิญดังกล่าว ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความรักความเข้าใจ และการให้อภัยกับพรรคเพื่อไทย ส่วนการพูดคุยกับผู้สนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับวันนี้ สถานการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงแนวคิดในการพัฒนาประเทศก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองพรรคเข้ากันได้และเดินหน้าไปด้วยกันถือเป็นสิ่งที่ดีงาม[33]

ในที่สุด ในวันถัดมา (29 สิงหาคม) ที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีมติให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ด้วยมติเห็นชอบ 43 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง พร้อมทั้งเสนอชื่อเฉลิมชัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเดชอิศม์เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามกระแสข่าวก่อนหน้า[34]

ขับออก และถอนตัว

วันที่ 27 สิงหาคม คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากคณะรัฐมนตรี โดยมีความเห็นว่า พรรคเพื่อไทยไม่สามารถที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งมีความไม่สบายใจถึงพฤติกรรมของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ได้มาร่วมลงมติ และเป็นที่ทราบกันดีว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ สส.พรรคเพื่อไทยสะท้อนในที่ประชุม[35]

และในวันเดียวกันนั้น พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประกาศขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่ให้ความสำคัญกับพรรคเล็ก และจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 สิงหาคม[36]

การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 จำนวน 35 คน โดยมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันถัดมา (4 กันยายน)[37]

ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ พรรคเพื่อไทยได้สัดส่วนผู้ดำรงตำแหน่งมากที่สุด จำนวน 16 คน 21 ตำแหน่ง, รองลงมาเป็นพรรคภูมิใจไทย 8 คน 9 ตำแหน่ง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 คน 5 ตำแหน่ง, กลุ่มธรรมนัส 3 คน 3 ตำแหน่ง ซึ่งดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งหมด แบ่งสัดส่วนเป็นพรรคเพื่อไทย 1 คน 1 ตำแหน่ง และพรรคกล้าธรรมอีก 2 คน 2 ตำแหน่ง, พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน 2 ตำแหน่ง, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ พรรคละ 1 คน 1 ตำแหน่ง โดยทั้งหมดนี้รวมโควตาบุคคลภายนอกแล้ว ในจำนวนนี้มีผู้ที่ดำรงตำแหน่งเดิมต่อเนื่องจากคณะรัฐมนตรีชุดก่อนหน้า จำนวน 24 คน

รัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดและมากที่สุดในคณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งคู่ คือ จิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด (37 ปี) และ ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุด (76 ปี)[38] และมีผู้ดำรงตำแหน่งในวาระแรกเริ่มคณะรัฐมนตรีที่เป็นสตรีจำนวน 8 คน (รวมนายกรัฐมนตรีด้วย) ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย[39]

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 18:24 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่[40] แต่ก่อนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 คน ได้แก่ ทรงศักดิ์ ทองศรี และซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ตรวจพบว่ามีอาการป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)[41] อย่างไรก็ตาม นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ได้ระบุว่า คณะรัฐมนตรีจะยังได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณพร้อมกันทุกคนตามเดิม[42] และในเวลาต่อมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นต้นสังกัดของทั้งทรงศักดิ์และซาบีดา ได้กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทั้งสองคนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณพร้อมคณะรัฐมนตรีได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นระหว่างเข้าเฝ้าฯ[43]

หลังถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในวันถัดมา (7 กันยายน) คณะรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปหมู่หน้าทำเนียบรัฐบาล และจัดการประชุมวาระพิเศษ[44] จากนั้นได้เข้าแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นการบริหารรัฐกิจเมื่อวันที่ 12 และ 13 กันยายน[45] และเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน[46]

การปรับคณะรัฐมนตรี

พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยมีความขัดแย้งในเรื่องการบริหารกระทรวงมหาดไทยมาระยะหนึ่ง สืบเนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์กับบรรณาธิการข่าวเนชั่นทีวีว่า กระทรวงมหาดไทยควรเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะบริหารได้อย่างเต็มที่[47] และมีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับแนวคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 พรรคเพื่อไทยได้แจ้งต่ออนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ตัดสินใจว่าจะรับเงื่อนไขการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ โดยพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยมาบริหาร และสับเปลี่ยนให้พรรคภูมิใจไทยบริหารกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง โดยขอคำตอบภายใน 48 ชั่วโมง หรือภายในเวลา 15:00 น. ของวันที่ 19 มิถุนายน หากพรรคภูมิใจไทยไม่รับเงื่อนไข และยืนกรานไม่คืนโควตากระทรวงมหาดไทย นายกรัฐมนตรีจะปรับคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป[48]

วันรุ่งขึ้น (18 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธที่จะคืนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย[49] พร้อมกับประกาศตัวว่าจะไปเป็นฝ่ายค้าน[50]

และในวันเดียวกัน คณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยมีมติให้พรรคถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล โดยให้สมาชิกพรรคภูมิใจไทยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหมด เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ รวมถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด มีผลในวันรุ่งขึ้น (19 มิถุนายน) โดยอ้างเรื่องกรณีการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของประเทศกัมพูชา ที่ถูกเปิดเผย ซึ่งมีเนื้อหาที่อาจส่งผลกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศและกองทัพไทย ท่ามกลางวิกฤตการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปีนั้น[51] ส่งผลให้รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนลดลงเหลือ 51.31% ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองไทยและกระแสข่าวการรัฐประหารในประเทศไทยที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมาในวันที่ 27 มิถุนายน แพทองธารได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว[52] โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในอีก 3 วันถัดมาคือเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันถัดมา (1 กรกฎาคม) โดยมีรัฐมนตรีถูกปรับออก 2 คน ถูกโยกย้าย 4 คน และแต่งตั้งเพิ่ม 10 คน ทั้งนี้ แพทองธารได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย โดยบางฝ่ายคาดการณ์ว่าเพื่อสำรองไว้ในกรณีถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี[53]

ทว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สืบเนื่องจากบุคคลที่คาดว่าจะมาดำรงตำแหน่งนั้น คือ พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและอดีตสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากกฎหมายระบุว่า สมาชิกวุฒิสภาจะต้องว่างเว้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่พ้นจากการเป็นสมาชิก ซึ่งจะหมดเงื่อนไขในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 หรืออีก 3 เดือนถัดไปนี้[54]

วันที่ 1 กรกฎาคม หรือวันเดียวกับการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ลงในราชกิจจานุเบกษา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จากกรณีการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างไทย–กัมพูชา และภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเดิมเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากถูกปรับออกจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นจึงต้องรอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเข้ารับหน้าที่พร้อมกับคณะรัฐมนตรีที่แต่งตั้งใหม่ในวันที่ 3 กรกฎาคม เสร็จสิ้นก่อน ทำให้สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 2 ขึ้นมารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี[55] โดยวันที่ 2 กรกฎาคม สุริยะได้ลงนามแต่งตั้งภูมิธรรมให้กลับมารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีแทนตนอีกครั้ง โดยมีผลหลังจากการเข้ารับหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น สุริยะจึงรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพียง 2 วัน คือตั้งแต่วันที่ 1–3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568[56] โดยวันที่ 3 กรกฎาคม สุริยะได้นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่เมื่อเวลา 11:11 น.[57] และในเวลา 13:00 น. มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ โดยวาระแรกสุริยะเป็นประธานการประชุม เพื่อจัดเรียงลำดับการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ซึ่งภูมิธรรมอยู่ในลำดับที่ 1[58] จึงทำให้สุริยะสิ้นสุดการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีหลังจบวาระนี้ และภูมิธรรมเริ่มขึ้นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระที่เหลือเป็นต้นมา[59] จนถึงปัจจุบัน

Remove ads

รายชื่อรัฐมนตรี

สรุป
มุมมอง

รายชื่อคณะรัฐมนตรี มีดังต่อไปนี้[60]

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดำรงตำแหน่งเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งจนสิ้นสุดคณะรัฐมนตรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแต่งตั้งเพิ่มเปลี่ยนแปลง/โยกย้ายไปตำแหน่งอื่น
รัฐมนตรีลอยย้ายมาจากตำแหน่งอื่นออกจากตำแหน่ง
ตำแหน่งลำดับรายนามเริ่มวาระสิ้นสุดวาระหมายเหตุพรรคการเมือง
นายกรัฐมนตรี*แพทองธาร ชินวัตร16 สิงหาคม พ.ศ. 2567ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติ
หน้าที่ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการรั่วไหลของ
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างไทย–กัมพูชา
เพื่อไทย
*สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ1 กรกฎาคม พ.ศ. 25683 กรกฎาคม พ.ศ. 2568รักษาการแทนระหว่างรอการเข้ารับหน้าที่
ของรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่
เพื่อไทย
*ภูมิธรรม เวชยชัย3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568ปัจจุบันรักษาการแทนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
จากศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อไทย
รองนายกรัฐมนตรี 1ภูมิธรรม เวชยชัย3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
2สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
อนุทิน ชาญวีรกูล3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
3พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันรวมไทยสร้างชาติ
4พิชัย ชุณหวชิร3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
5ประเสริฐ จันทรรวงทอง3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
สำนักนายกรัฐมนตรี 6ชูศักดิ์ ศิรินิล3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
7จิราพร สินธุไพร3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
8สุชาติ ตันเจริญ30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
กลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อไทย
*พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันรักษาการแทนระหว่างรอการเข้ารับหน้าที่
ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่
รวมไทยสร้างชาติ[f]
93 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบัน
การคลัง *พิชัย ชุณหวชิร3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
10จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
11เผ่าภูมิ โรจนสกุล3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
การต่างประเทศ 12มาริษ เสงี่ยมพงษ์3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
การท่องเที่ยวและกีฬา 13สรวงศ์ เทียนทอง3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
การพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์
14วราวุธ ศิลปอาชา3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันชาติไทยพัฒนา
การอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม
ศุภมาส อิศรภักดี3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
15สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
เกษตรและสหกรณ์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล้าธรรม[g]
16อรรถกร ศิริลัทธยากร30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันกล้าธรรม
อิทธิ ศิริลัทธยากร3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีกล้าธรรม[g]
17อัครา พรหมเผ่า3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย[g]
กล้าธรรม[h]
คมนาคม *สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
18มนพร เจริญศรี3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
19สุรพงษ์ ปิยะโชติ3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคม
*ประเสริฐ จันทรรวงทอง3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม
20เฉลิมชัย ศรีอ่อน3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันประชาธิปัตย์
พลังงาน *พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันรวมไทยสร้างชาติ
พาณิชย์ พิชัย นริพทะพันธุ์3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเพื่อไทย
21จตุพร บุรุษพัฒน์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันอิสระ[i]
นภินทร ศรีสรรพางค์3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
22สุชาติ ชมกลิ่น3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันรวมไทยสร้างชาติ
23ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันอิสระ[j]
มหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
*ภูมิธรรม เวชยชัย30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
ทรงศักดิ์ ทองศรี3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
ซาบีดา ไทยเศรษฐ์3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
24ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
25เดชอิศม์ ขาวทอง30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันประชาธิปัตย์
ยุติธรรม 26พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันประชาชาติ
แรงงาน พิพัฒน์ รัชกิจประการ3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
27พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
วัฒนธรรม สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เพื่อไทย
*แพทองธาร ชินวัตร30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
ศึกษาธิการ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
28นฤมล ภิญโญสินวัฒน์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันกล้าธรรม
สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล3 กันยายน พ.ศ. 256719 มิถุนายน พ.ศ. 2568ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลภูมิใจไทย
29ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันเพื่อไทย
30เทวัญ ลิปตพัลลภ30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันชาติพัฒนา
สาธารณสุข 31สมศักดิ์ เทพสุทิน3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันเพื่อไทย
เดชอิศม์ ขาวทอง3 กันยายน พ.ศ. 256730 มิถุนายน พ.ศ. 2568ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยประชาธิปัตย์
32อนุชา สะสมทรัพย์30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันชาติไทยพัฒนา
33ชัยชนะ เดชเดโช30 มิถุนายน พ.ศ. 2568ปัจจุบันประชาธิปัตย์
อุตสาหกรรม 34เอกนัฏ พร้อมพันธุ์3 กันยายน พ.ศ. 2567ปัจจุบันรวมไทยสร้างชาติ

หมายเหตุ:

  1. สส.ถูกขับออกจากพรรค
  2. ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล
  3. สส. 1 คนสนับสนุนรัฐบาล และมี สส. 142 คนเป็นฝ่ายค้าน
  4. สส. 1 คนสนับสนุนรัฐบาล และมี สส. 19 คนเป็นฝ่ายค้าน
  5. สส. 3 คนสนับสนุนรัฐบาล และมี สส. 3 คนเป็นฝ่ายค้าน
  6. ถูกทาบทามเข้ามาในโควตาบุคคลภายนอกของพรรครวมไทยสร้างชาติ
  7. ถูกทาบทามเข้ามาในโควตาของกลุ่มธรรมนัส
  8. เดิมสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ได้ย้ายมาสังกัดพรรคกล้าธรรมเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568
  9. ถูกทาบทามเข้ามาในโควตากลางของพรรคเพื่อไทย ที่ให้กับกลุ่ม 18 จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
  10. ถูกทาบทามเข้ามาในโควตากลางของพรรคเพื่อไทย ที่ให้กับกลุ่ม สส. พรรคไทยสร้างไทย ทั้ง 5 คนที่มาสนับสนุนรัฐบาล[61]

คณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1/1

ดำรงตำแหน่งเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรี

ภายหลัง

ลาออกเพราะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

รัฐมนตรีจำนวน 8 ราย พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี มีผลวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ถูกปรับออกจากตำแหน่ง

รัฐมนตรีจำนวน 2 ราย พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี มีผลวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1/2

โยกย้าย

แต่งตั้งเพิ่ม

Remove ads

นโยบาย

สรุป
มุมมอง

ตามคำแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา รัฐบาลแพทองธารมีนโยบายเร่งด่วนจำนวน 10 ข้อ ดังนี้[62]

  1. ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
  2. ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี
  3. ออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค
  4. สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี
  5. เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกพร้อมผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
  6. ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย
  7. ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยปรับโครงสร้างการตรวจลงตราทั้งหมดของประเทศ รวมถึงเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงสถานบันเทิงครบวงจร
  8. แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร
  9. แก้ปัญหาอาชญากรรม, อาชญากรรมออนไลน์, มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ
  10. ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคม ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ รัฐบาลยังผลักดันการสมรสเพศเดียวกันในไทย ด้วยการออกพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม

ข้อวิจารณ์

"ครม.สืบสันดาน"

คณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้รับฉายาจากนักการเมืองคนหนึ่งว่าเป็น "ครม.สืบสันดาน" โดยใช้ชื่อล้อมาจากซีรีส์ "สืบสันดาน" จาก เน็ตฟลิกซ์ เนื่องจากรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งนั้น เป็นบุคคลในครอบครัวของนักการเมืองที่ส่งไม้ต่อให้รับตำแหน่งแทนตนเอง โดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวว่า ใช้คำรุนแรงเกินไป ต่อมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกัน โดยมองว่าเป็นวาทกรรมทางการเมือง และหากมองเป็นศัพท์ทางกฎหมาย ถือว่า เป็นคำที่มีการระบุในกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งวาทกรรมเหล่านี้ควรจะหมดไปได้แล้ว[63]

แต่ก็มีคอลัมนิสต์แย้งว่า คำว่าสืบสันดานนั้นไม่ได้มีความหยาบคายใดๆ เลย ในภาษากฎหมายถูกมองว่าเป็นคำทั่วไป โดยอ้างอิงถึงมาตรา 1629 วรรค 2 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยลำดับสิทธิในการรับมรดกก่อนหลัง ดังต่อไปนี้

  1. ผู้สืบสันดาน
  2. บิดามารดา
  3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
  4. พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
  5. ปู่ย่าตายาย
  6. ลุงป้าน้าอา

โดยผู้สืบสันดาน จึงหมายถึง ผู้มีสิทธิ์ที่จะได้รับมรดกเป็นลำดับที่หนึ่ง[64]

คดีตากใบ

คลิปเสียงระหว่างแพทองธารกับฮุน เซน

Remove ads

ฉายารัฐบาล

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 ได้รับการตั้งฉายาในปี พ.ศ. 2567 ดังนี้[65]

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads