คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ
พระยุพราชแห่งญี่ปุ่น จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สมเด็จเจ้าฟ้าชายฟูมิฮิโตะ เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมาร[1][2] (ญี่ปุ่น: 秋篠宮皇嗣殿下[3]; โรมาจิ: Akishino-no-Miya Kōshi Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Crown Prince Akishino[4]) ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ "ชินโน" หรือ เจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น และดำรงพระอิสริยยศ "โคชิ" หรือ มกุฎราชกุมารของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563[5]
ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ และทรงเป็นพระราชอนุชาในจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน (สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ)
เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมาร ทรงมีพระนามจริงว่า "ฟูมิฮิโตะ" (ญี่ปุ่น: 文仁; โรมาจิ: Fumihito)[6] โดยหลังจากที่พระองค์อภิเษกสมรส พระองค์ได้ก่อตั้งมิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) ของพระองค์เองขึ้น และได้รับพระราชทานมิยาโง ว่า "อากิชิโนะ" จากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ[5] ซึ่งสำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้มีการระบุพระนามของพระองค์ในภาษาอังกฤษว่าเป็น "Prince Akishino"[4] รวมถึงในภาษาไทยก็มีการระบุพระนามของพระองค์ว่า "เจ้าชายอากิชิโนะ" เช่นเดียวกัน[7][8][9]
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นสึกะ (栂)[6]
ที่ประทับหลัก วังอากิชิโนะ เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตโมโตะ-อากาซากะ กรุงโตเกียว[10]
Remove ads
พระราชประวัติ
สรุป
มุมมอง
เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ)
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 (ปีโชวะที่ 40) เวลา 00:22 นาที เจ้าหญิงมิจิโกะ มกุฎราชกุมารีทรงประสูติพระราชโอรส ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง (宮内庁病院) พระราชวังหลวงโตเกียว กรุงโตเกียว[11]
เนื่องจากทรงเป็นพระราชโอรสในมกุฎราชกุมาร พระองค์ทรงได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (พระอัยกา) ว่า "ฟูมิฮิโตะ" (ญี่ปุ่น: 文仁; โรมาจิ: Fumihito) อีกทั้งทรงได้รับพระราชทานพระนามโกโชโง ว่า "อายะ" (ญี่ปุ่น: 礼宮; โรมาจิ: Aya-no-miya)[6]
ณ วันประสูติ พระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ดังนั้นพระองค์จึงดำรงฐานันดร "ชินโน" หรือเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น ฉบับ พ.ศ. 2492 มาตรา 6[12]
ดังนั้นพระนามเต็มหลังจากประสูติ คือ 礼宮文仁親王殿下[13] (Aya-no-Miya Fumihito Shinnō Denka)
สื่อญี่ปุ่นจะระบุพระนามพระองค์ในวัยพระเยาว์ว่า "礼宮さま" (โรมาจิ: Aya-no-Miya Sama)[14] ส่วนสำนักพระราชวังรวมถึงสื่อต่างประเทศมีการระบุพระนามในภาษาอังกฤษว่า "Prince Aya"[5][15][16] (เจ้าชายอายะ)
เจ้าชายอายะทรงเป็นพระโอรสพระองค์ที่สองในเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมารกับเจ้าหญิงมิจิโกะ มกุฎราชกุมารี ทรงมีพระเชษฐา 1 พระองค์ คือ เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) และพระขณิษฐา 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงโนริ (ซายาโกะ)
พ.ศ. 2513 - 2514 ทรงศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลกากูชูอิน (学習院幼稚園)[17][18]
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เมื่อพระชนมายุเข้า 5 ชัณษา ทรงประกอบพิธีสวมฮากามะ (着袴の儀)[19] และ พิธีฟุกาโซกิ (深曽木の儀)[20]
พ.ศ. 2515 - 2520 ทรงศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษากากูชูอิน (学習院初等科)[21]
พ.ศ. 2521 - 2526 ทรงศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมชายกากูชูอิน (学習院中・高等科)[22][23][24]
พ.ศ. 2527 ทรงเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学)[25]
ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นประธานชมรมวิจัยด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม (自然文化研究会)[26][27]
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 เมื่อพระชนมายุ 20 ชัณษา ทรงประกอบพิธีบรรลุนิติภาวะ (加冠の儀)[28] และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์ หลังจากประกอบพิธีแล้ว พระองค์จะทรงเริ่มมีส่วนร่วมในกิจกรรมของราชวงศ์อย่างเต็มพระองค์
ช่วง พ.ศ. 2530 ทรงเริ่มไว้พระมัสสุ (หนวด) แต่ค่อนข้างเป็นที่กังวลใจของทางสำนักพระราชวังในช่วงแรก เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีแค่จักรพรรดิยุคสงครามเท่านั้นที่จะทรงไว้พระมัสสุ เช่น จักรพรรดิเมจิ, จักรพรรดิไทโช, จักรพรรดิโชวะ แต่พอถึงช่วงยุคหลังสงคราม บทบาทของจักรพรรดิและราชวงศ์ถูกเปลี่ยนจากผู้นำทางด้านทหาร ให้เป็นสัญลักษณ์ประเทศทางด้านวัฒนธรรมและวรรณกรรมแทน ส่งผลให้ในยุคหลังราชวงศ์ชายค่อนข้างระมัดระวังในการไว้พระมัสสุ[29][30]


พ.ศ. 2531 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学) [31]
พ.ศ. 2531 - 2533 ทรงทำวิจัยทางด้านสัตววิทยา ที่วิทยาลัยเซนต์จอห์น มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (St John's College, Oxford) เป็นเวลา 2 ปี[31] แต่พระองค์ทรงเดินทางไปกลับประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งเนื่องจากการประชวรของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (พระอัยกา)[32]
พ.ศ. 2539 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาขั้นสูง (โซเก็นได)[31]
เจ้าชายอากิชิโนะ
เจ้าชายอายะทรงพบนางสาวคิโกะ คาวาชิมะครั้งแรก ที่ร้านหนังสือในมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นั่น และทรงเชิญเธอเข้าชมรมวิจัยด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยที่พระองค์ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง[26][33]
ต่อมาทั้งสองพระองค์ทรงสร้างความสัมพันธ์และเริ่มสนิทกันมากขึ้นผ่านกิจกรรมของชมรม[26][33]
หลังจากที่เจ้าชายและเธอเริ่มสนิทกันมากขึ้น พระองค์ก็ได้มีการชวนเธอไปที่พระราชวังตั้งแต่ช่วงแรกๆที่สนิทกัน ทั้งมีการชวนเล่นเทนนิสประเภทคู่กับเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมารและเจ้าหญิงมิจิโกะ มกุฎราชกุมารี และชวนรับประทานของว่างด้วยกัน เพื่อให้เธอสามารถปรับตัวเข้ากับราชวงศ์ได้อย่างราบรื่น[34]
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 เจ้าชายทรงขอนางสาวคิโกะ คาวะชิมะแต่งงาน ซึ่งขณะนั้นเจ้าชายทรงมีพระชนมายุ 20 ชัณษา ส่วนเธอมีอายุ 19 ปี[26][33]
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2532 เจ้าชายและนางสาวคิโกะ คาวาชิมะทำการแถลงข่าว และให้สัมภาษณ์สื่อว่าทรงทำการหมั้นอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำพิธีตามธรรมเนียมราชวงศ์ได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้อาลัยของจักรพรรดิโชวะ[32][35] การหมั้นหมายของทั้ง 2 พระองค์ ได้รับการตั้งคำถามมากมายจากสื่อ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงไว้อาลัย และทรงจะอภิเษกสมรสก่อนพระเชษฐา เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) (ว่าที่มกุฎราชกุมาร ณ ขณะนั้น)
วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2533 มีการจัดพิธีสู่ขอและพิธีหมั้น (納采の儀) อย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมราชวงศ์ ระหว่างเจ้าชายอายะกับนางสาวคิโกะ คาวาชิมะ[36] ซึ่งจัดขึ้นหลังการไว้อาลัยของจักรพรรดิโชวะ
วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2533 เจ้าชายอายะทรงประกอบพิธีอภิเษกสมรสกับนางสาวคิโกะ คาวาชิมะ[32][37] ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จไปร่วมพิธีการในครั้งนี้ด้วย
ในปีเดียวกันทั้งสองพระองค์ได้ไปสักการะศาลเจ้าอิเซะ เพื่อรายงานการแต่งงานต่อเทพเจ้าอามาเตราซุ[38]

หลังจากทรงอภิเษกสมรส พระองค์ทรงก่อตั้งมิยาเกะ (ราชวงศ์สาขา) ของพระองค์เองขึ้น และได้รับพระราชทานมิยาโง ว่า "อากิชิโนะ" จากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ[5] ซึ่งมีที่มาจากชื่อเมืองในจังหวัดนาระ ดังนั้นพระนามเต็มของพระองค์จึงเปลี่ยนเป็น 秋篠宮文仁親王殿下[39] (Akishino-no-Miya Fumihito Shinnō Denka) โดยสำนักพระราชวังระบุพระนามในภาษาอังกฤษเป็น "His Imperial Highness Prince Akishino"[40] หรือ "เจ้าชายอากิชิโนะ"[8][9]
สำนักพระราชวังระบุพระนามของพระชายาฯ (คิโกะ คาวาชิมะ) ในภาษาอังฤษว่า "Princess Akishino"[41] หรือ "เจ้าหญิงอากิชิโนะ" หลังพระสวามีก่อตั้งราชวงศ์สาขาเช่นกัน
ทรงมีพระโอรส-พระธิดา 3 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงมาโกะ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2534)
- เจ้าหญิงคาโกะ (29 ธันวาคม พ.ศ. 2537)
- เจ้าชายฮิซาฮิโตะ (6 กันยายน พ.ศ. 2549)
ณ ปัจจุบัน สมาชิกราชวงศ์สาขาอากิชิโนะ ประกอบด้วย
ตราประจำราชวงศ์สาขาอากิชิโนะ ประกอบด้วยดอกเบญจมาศกลีบเดี่ยว 14 กลีบอยู่ตรงกลาง ซึ่งสื่อถึงพระบรมวงศานุวงศ์ราชวงศ์ญี่ปุ่น และล้อมรอบด้วยต้นสึกะ (栂) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายอากิชิโนะ
เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
หลังจากที่พระองค์ประสูติ เจ้าชายอายะทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ต่อจากพระชนก และพระเชษฐา ตามลำดับ ตามกฎหมายของราชวงศ์ญี่ปุ่น พ.ศ. 2492 มาตราที่ 2 ข้อที่ 3[12]
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 จักพรรดิโชวะสวรรคต สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์ เจ้าชายทรงขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ต่อจากพระเชษฐาของพระองค์ ตามกฎหมายของราชวงศ์ญี่ปุ่น พ.ศ. 2492 มาตราที่ 2 ข้อที่ 4[12]
อย่างไรก็ตามหลังจากการประสูติของพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2508 (ปีโชวะที่ 40) ราชวงศ์ญี่ปุ่นมีการประสูติของราชวงศ์หญิงติดต่อกัน 9 พระองค์ โดยไม่มีราชวงศ์ชายประสูติอีกเลย รวมทั้งเจ้าชายนารูฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ก็ทรงมีพระราชธิดา (เจ้าหญิงไอโกะ) เพียงพระองค์เดียว
ด้วยสาเหตุนี้จึงมีการถกเถียงกันในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับตัวกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่นว่าควรจะแก้ไขให้ราชวงศ์หญิงสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากราชวงศ์ญี่ปุ่นในอดีตเคยมีบันทึกถึงการครองราชย์ของจักรรพรรดินีถึง 8 พระองค์ แต่ก็มีข้อโต้แย้งเช่นกันว่าเป็นแค่การครองราชย์เพียงชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น (เช่น รัชทายาทชายตัวจริงยังไม่บรรลุนิติภาวะ) อีกทั้งจักรพรรดินีไม่เคยอภิเษกระหว่างครองราชย์ จึงไม่ได้ให้กำเนิดรัชทายาทเพื่อสืบบัลลังก์ต่อ [42][43]
จากข้อถกเถียงต่างๆ รวมทั้งสภาที่ปรึกษาได้ให้คำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรีจุนอิจิโร โคอิซูมิ จึงทำให้ทางนายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจในการแก้ไขกฎหมายนี้เช่นกัน และเริ่มมีการเตรียมร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติ[43][44]

แต่พอเจ้าหญิงอากิชิโนะตั้งพระครรภ์ และให้กำเนิดพระโอรส (เจ้าชายฮิซาฮิโตะ) ทำให้นายกรัฐมนตรีระงับการส่งเรื่องขอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้เข้าไปในสภานิติบัญญัติ จึงทำให้เจ้าชายอากิชิโนะยังคงสถานะเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์ญี่ปุ่น [43][44]
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงประกาศสละราชสมบัติ
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์
ตามกฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562[45] ได้ระบุในมาตรา 5 ว่า สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีสถานะเป็น "โคชิ" (รัชทายาท) ตามลำดับการสืบสันตติวงศ์ในมาตรา 2 ของกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น ให้ปฏิบัติตามแบบอย่างของอิสริยยศ "โคไตชิ" (มกุฎราชกุมาร)
ตามมาตรา 2 ของกฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น เจ้าชายอากิชิโนะทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 หรือมีสถานะเป็น "โคชิ" (รัชทายาท) ดังนั้นจากการประกาศใช้ของกฎหมายพิเศษ จึงทำให้พระองค์ดำรงอิสริยยศเทียบเท่า "โคไตชิ" (มกุฎราชกุมาร)
อีกทั้งในงานพิธีบรมราชาภิเษก (即位礼正殿の儀) ของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ เจ้าชายอากิชิโนะทรงสวมชุด "โอนิ โนะ โฮ" (黄丹袍) ซึ่งเป็นชุดคลุมสีส้มอมแดง สำหรับมกุฎราชกุมารหรือรัชทายาท

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 สำนักพระราชวังจัดพิธี "ริกโกชิ โนะ เร" (立皇嗣の礼) ซึ่งเป็นพิธีที่สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ ทรงสถาปนาอิสริยยศ "โคชิ" หรือมกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ให้กับเจ้าชายอากิชิโนะ อย่างเป็นทางการ[46] ดังนั้นพระนามเต็มของพระองค์จึงเปลี่ยนเป็น 秋篠宮皇嗣殿下[3] (Akishino-no-Miya Kōshi Denka) โดยสำนักพระราชวังระบุพระนามในภาษาอังกฤษว่า "His Imperial Highness Crown Prince Akishino"[4] หรือ "เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมาร"[2]
วันที่ 20 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เจ้าชาย-เจ้าหญิงอากิชิโนะ เสด็จไปเคารพศาลเจ้าอิเซะ เพื่อรายงานการดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแก่เทพเจ้าอามาเตราซุ[47]
Remove ads
พระราชกรณียกิจ
สรุป
มุมมอง

งานราชสำนัก
- ทรงตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีออกมหาสมาคม เนื่องในวันขึ้นปีใหม่[48] และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิ[49]
- ทรงเข้าร่วมพิธี "อุตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีในพระราชสำนัก โดยจะมีการร่วมกันขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น[50]
- ทรงเข้าร่วมพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) เป็นพิธีที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคม โดยสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี พร้อมสมาชิกราชวงศ์ จะเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์[51]
- ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจัดโดยสมเด็จพระจักรพรรดิ เพื่อเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[52]
ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ทรงปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระจักรพรรดิครั้งแรก เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงเข้ารับการรักษาพระวรกาย ส่วนเจ้าชายนารูฮิโตะ มกุฎราชกุมารเสด็จเยือนจังหวัดนากาโนะ โดยพระองค์พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำฤดูใบไม้ร่วงแก่บุคคลผู้มีผลงานโดดเด่นในด้านต่างๆ และทรงถ่ายทอดพระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิให้กับผู้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์[54]
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จเยือนต่างประเทศ[13] ดังนี้
- วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จเยือนสหราชอาณาจักรเพื่อเข้าร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
- วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จเยือนอินโดนีเซีย
- วันที่ 25 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จเยือนสหราชอาณาจักร
- วันที่ 6 - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จเยือนมองโกเลีย
การกุศล
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 เจ้าชาย-เจ้าหญิงอากิชิโนะพร้อมพระโอรส-ธิดาและเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ทรงบริจาคชุดกาวน์และหน้ากากแฮนด์เมดจากถุงพลาสติกให้กับโรงพยาบาลไซเซไก เนื่องจากการขาดแคลนของอุปกรณ์ทางการแพทย์ในช่วงที่สถานการ์ณโควิด 19 ระบาดหนัก[55]
การส่งเสริมเยาวชน
- ทรงร่วมสนทนากับนักเรียนในโครงการ "มาเมะ-กิชะ" (豆記者) หรือนักข่าวตัวจิ๋ว ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กับเกาะโอกินาวะ โดยพระราชกรณียกิจนี้ถูกริเริ่มในสมัยของเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร (พระราชชนก) และถูกส่งต่อให้กับผู้ที่ดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารในสมัยถัดมาเรื่อยๆ และปัจจุบันได้ส่งต่อมายังพระองค์ ซึ่งเหล่านักเรียนจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ที่วังอากิชิโนะ และทรงมีพระปฏิสันถารกับเหล่านักเรียนในเรื่องธรรมชาติ, อาหาร เป็นต้น[56]
- ทรงพระราชทานวโรกาสให้สมาพันธ์ลูกเสือญี่ปุ่น (ボーイスカウト日本連盟) เข้าเฝ้า ณ วังอากิชิโนะ โดยประธานสมาพันธ์ลูกเสือญี่ปุ่น และตัวแทนลูกเสือจาก 47 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับเครื่องหมายขั้นสูงสุด (ขั้นฟูจิ) จะทำการปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ จากนั้นพระองค์จะพระราชทานพระราชดำรสแก่เหล่าลูกเสือ พิธีการเข้าเฝ้านี้ถูกริเริ่มในสมัยเจ้าชายนารูฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ซึ่งในปัจจุบันพระราชกรณียกิจนี้ได้ส่งต่อมาให้พระองค์[57]
- ทรงมอบรางวัลในงานประกวดเขียนเรียงความจากหนังสือระดับเยาวชนแห่งชาติ (青少年読書感想文全国コンクール)[58]
ด้านธรรมชาติ
- ทรงร่วมงาน "ผู้พิทักษ์พื้นที่สีเขียวแห่งชาติ" (全国「みどりの愛護」のつどい) ซึ่งเป็นงานส่งเสริมและปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงเชิดชูเกียรติและขอบคุณผู้ที่ทำคุณประโยชน์ในด้านธรรมชาติ[59]
- ทรงร่วมงานการประชุมของสมาคมสวนพฤกษศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น (公益社団法人日本植物園協会) ที่พระองค์ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ ซึ่งสมาคมนี้จะส่งเสริมความสำคัญเพื่อพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์ทั่วประเทศ[60]
- ทรงมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่องค์กรจัดการป่าไม้ในโครงการส่งเสริมการจัดการป่าไม้แห่งชาติ ของสมาคมวนศาสตร์แห่งญี่ปุ่น ซึ่งโครงการนี้จะมีการคัดเลือกองค์กรจัดการป่าไม้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการประยุกต์ป่าไม้ให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่น และมีส่วนในการส่งเสริมและพัฒนากิจการป่าไม้ในพื้นที่นั้นๆ[61]
การรำลึกถึงความสูญเสียจากสงคราม
- ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเคารพสุสานทหารผ่านศึกชิโดริงาฟูจิ เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสุสานของเหล่าทหารที่เสียชีวิตในต่างแดนในสงครามโลกครั้งที่ 2[62]
- ทรงร่วมพิธีรำลึกเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากภัยสงครามและแผ่นดินไหวในพื้นที่คันโต ณ ศาลาอนุสรณ์สถานโตเกียว ซึ่งเป็นพิธีการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ในโตเกียว ในปี พ.ศ. 2488 และเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในภูมิภาคคันโต ในปี พ.ศ. 2466[63]
ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
- ทรงมอบรางวัลส่งเสริมการศึกษาของสมาคมส่งเสริมวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น (日本学術振興会育志賞) เพื่อเชิดชูนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มีผลงานยอดเยี่ยมและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาการวิจัยทางวิชาการของญี่ปุ่นในอนาคต[64]
- ทรงเปิดงาน Osaka World Expo 2025 ซึ่งพระองค์ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของการจัดงานครั้งนี้[65]
- ทรงมอบรางวัลของสมาคมส่งเสริมวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น (日本学術振興会賞) และรางวัลส่งเสริมงานวิชาการของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น (日本学士院学術奨励賞) เพื่อเชิดชูนักวิจัยอายุต่ำกว่า 45 ปีที่มีผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัย[66]
สภาราชวงศ์ญี่ปุ่น
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 ทรงดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาราชวงศ์ญี่ปุ่น (皇室会議) ซึ่งสภาจะประกอบด้วยตัวแทนราชวงศ์, นายกรัฐมนตรี, ตัวแทนสำนักพระราชวัง, ตัวแทนสภานิติบัญญัติ และอื่นๆ ซึ่งสภาจะใช้เป็นที่พูดคุยและอนุมัติพิธีการต่างๆ เช่น การแต่งงานของราชวงศ์ หรือการสละราชสมบัติ
ทรงดำรงตำแหน่งในองค์กร[31]
ยังทรงดำรงตำแหน่งอยู่
- ประธานสถาบันปักษีวิทยา ยามาชินะ (公益財団法人山階鳥類研究所) (2529)
- ประธานสมาคมสวนสัตว์และสัตว์น้ำแห่งประเทศญี่ปุ่น (公益社団法人日本動物園水族館協会) (2531)
- ประธานมูลนิธิ Social Welfare Organization Saiseikai Imperial Gift Foundation (済生会) (2556)
- ประธานสมาคมเกษตรแห่งประเทศญี่ปุ่น (公益社団法人大日本農会) (2557)
- ประธานสมาคมป่าไม้แห่งประเทศญี่ปุ่น (公益社団法人大日本山林会) (2557)
- ประธานสมาคมสวนพฤกษศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น (公益社団法人日本植物園協会) (2559)
- ประธานกองทุนสนับสนุนตัวอย่างทางวิชาการทางด้านปศุสัตว์ (家畜資源学術標本基金)
- ประธานองค์กรพิทักษ์วัดเซ็นเนียว (泉涌寺)
- ประธานกิตติมศักดิ์กองทุนสัตว์ป่าโลกประจำประเทศญี่ปุ่น (世界自然保護基金) (2540)
- ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมผู้รักน้ำเต้าญี่ปุ่น (2547)[67]
- อุปนายกกิตติมศักดิ์องค์กรสยามสมาคม (2548)[68]
- ประธานกิตติมศักดิ์องค์กร Japan-Netherland Society (日蘭協会) (2552)
- ประธานกิตติมศักดิ์สมาคม Japan river
- ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิดร.เซลมัน แวกส์มัน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์พิพิธภัณฑ์ออสเตรเลีย (Australian Musuem)
เคยทรงดำรงตำแหน่ง
- ประธานกิตติมศักดิ์การแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 41 (2534), ครั้งที่ 46 (2544)
- ประธานกิตติมศักดิ์เทศกาลป่าและดอกไม้ (2535 - 2558, 2560, 2561)
- ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมเทนนิสญี่ปุ่น (公益財団法人日本テニス協会) (2535)
- ประธานกิตตมศักดิ์การแข่งขัน Alpine skiing ชิงแชมป์โลก ปี 1993 (2536)
- ประธานกิตติมศักดิ์โครงการรำลึก 100 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่นสู่เม็กซิโก (2540)
- ประธานกิตติมศักดิ์โครงการรำลึก 100 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างญี่ปุ่นและอาร์เจนตินา (2541)
- ประธานกิตติมศักดิ์นิทรรศการพืชสวนนานาชาติชิซุโอกะ (2546)
- ประธานกิตติมศักดิ์โครงการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับไก่ (2547)
- ประธานกิตติมศักดิ์การประชุมสุดยอดสิ่งแวดล้อมสำหรับเด็ก (2548)
- ประธานกิตติมศักดิ์การประชุม FISTA 2006 (2548)
- ประธานกิตติมศักดิ์งานมหกรรมหนังสือนานาชาติโตเกียว (東京国際ブックフェア) (2549, 2550, 2552 - 2556, 2548, 2549)
- ประธานกิตติมศักดิ์การแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ สาขาชีววิทยา ครั้งที่ 20 (2550)
- ประธานกิตติมศักดิ์งานมิตรภาพญี่ปุ่น-อินโดนีเซีย (2551)
- ประธานกิตติมศักดิ์งานการแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น-ลุ่มแม่น้ำดานูบ (2552)
- ประธานกิตติมศักดิ์งานนิทรรศการวัฒนธรรมโมเสก (Mosaiculture) ฮามามัตสึ (2552)
- ประธานกิตติมศักดิ์งานประชุมบอนไซโลก ครั้งที่ 8 เมืองไซตามะ (2560)
- ประธานกิตติมศักดิ์การแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 2019 (2562)
- ประธานกิตติมศักดิ์งาน World Expo 2025 (2566)
ตำแหน่งทางวิชาการ[31]
- นักวิจัยพิเศษประจำ The University Museum มหาวิทยาลัยโตเกียว (東京大学総合研究博物館)
- ศาสตราจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยโตเกียว
งานวิจัย
- 28 มิถุนายน พ.ศ. 2532 "Morphological Comparison of the Mekong Giant Catfish, Pangasianodon gigas, with Other Pangasiid Species" เป็นการเปรียบเทียบลักษณะทางสัณฐานวิทยาของปลาบึก (Pangasianodon gigas) กับปลาชนิดอื่นๆ ในวงศ์ปลาสวาย (Pangasiidae) เพื่อจำแนกปลาบึกออกจากปลาในวงศ์เดียวกัน[69]
- 20 ธันวาคม พ.ศ. 2537 "One subspecies of the red junglefowl (Gallus gallus gallus) suffices as the matriarchic ancestor of all domestic breeds" เป็นงานวิจัยทางพันธุกรรมที่ใช้ดีเอ็นเอไมโทคอนเดรีย โดยสรุปได้ว่าไก่บ้านทุกสายพันธุ์ทั่วโลกมีบรรพบุรุษฝ่ายแม่ที่สืบเชื้อสายมาจากไก่ป่าแดงสายพันธุ์ย่อย (Gallus gallus gallus) เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้น[70]
- 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 "The genetic link between the Chinese bamboo partridge (Bambusicola thoracica) and the chicken and junglefowls of the genus Gallus" เป็นการศึกษาที่ใช้หลักฐานทางพันธุกรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการอย่างใกล้ชิดระหว่างไก่ฟ้าพญาลอกับไก่และไก่ป่า ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทั้งสองกลุ่มอาจมีบรรพบุรุษร่วมกันในอดีต[71]
- 25 มิถุนายน พ.ศ. 2539 "Monophyletic origin and unique dispersal patterns of domestic fowls" ซึ่งเป็นการศึกษาวิวัฒนาการของไก่ป่า (junglefowls) และไก่บ้าน (domestic fowls) โดยใช้วิธีการทางพันธุกรรมระดับโมเลกุล (molecular phylogeny) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์[72]
- 23 ธันวาคม พ.ศ. 2543 "Evolutionary aspects of gobioid fishes based upon a phylogenetic analysis of mitochondrial cytochrome B genes" เป็นการศึกษาในแง่มุมทางวิวัฒนาการของปลาในกลุ่มปลาบู่ (Gobioidei) โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสายวิวัฒนาการจากยีนไซโตโครม B ในไมโทคอนเดรีย[73]
- 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551 "Phylogenetic Study of Okinawa and Amami Native Pig Based on Mitochondrial DNA Sequence" เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการของหมูพื้นเมืองโอกินาวะและอามามิ โดยอาศัยการวิเคราะห์ลำดับดีเอ็นเอในไมโทคอนเดรีย[74]
- 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 "Evolution of Pacific Ocean and the Sea of Japan populations of the gobiid species, Pterogobius elapoides and Pterogobius zonoleucus, based on molecular and morphological analyses" เป็นการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจว่าประชากรปลาบู่สองชนิดที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลญี่ปุ่นมีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันอย่างไร โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากทั้งการเปรียบเทียบดีเอ็นเอและรูปร่างลักษณะภายนอก[75]
พระราชนิพนธ์และที่เกี่ยวข้อง
- พ.ศ. 2537 "สารานุกรมภาพสัตว์ปีกในยุโรป" (欧州家禽図鑑) เป็นผลงานนิพนธ์ร่วม พร้อมทั้งถ่ายภาพและเขียนคำอธิบายประกอบ ISBN 4582518133
- พ.ศ. 2543 "ไก่กับมนุษย์ - มุมมองจากชาติพันธุ์ชีววิทยา" (鶏と人-民族生物学の視点から) ทรงนิพนธ์และเรียบเรียง ISBN 4096260622
- พ.ศ. 2551 "สารานุกรมนก" (鳥学大全) ทรงเรียบเรียง ISBN 4130603507
- พ.ศ. 2551 "ปัญญาชีววิทยาว่าด้วยนก" (ฺBiosophia of birds) ทรงเป็นบรรณาธิการ ISBN 4130831526
- พ.ศ. 2552 "สารานุกรมปศุสัตว์และสัตว์ปีกของญี่ปุ่น – คู่มือภาคสนามฉบับดีที่สุด" (日本の家畜・家禽 フィールドベスト図鑑) ทรงนิพนธ์และกำกับดูแลเนื้อหา ISBN 405403506X
- พ.ศ. 2552 "ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ เล่ม 2: วัฒนธรรมของการทำปศุสัตว์" (ヒトと動物の関係学2 家畜の文化) ทรงนิพนธ์และร่วมเรียบเรียง ISBN 4000271083
- พ.ศ. 2559 "วารสารนิทรรศการปลาดุก" (ナマズの博覧誌) เป็นผลงานนิพนธ์ร่วมและทรงเป็นบรรณาธิการ ISBN 4000271083
เยือนต่างประเทศ[76][77][78][79][80]
- เสด็จเยือนสถาบันสัตววิทยาที่เนเธอร์แลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2532
- เสด็จเยือนอิตาลี เมื่อ พ.ศ. 2559
- เจ้าชายและเจ้าหญิงอากิชิโนะ เสด็จเยือนฟินแลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2562
Remove ads
พระเกียรติยศ
สรุป
มุมมอง
ลำดับพระราชอิสริยยศ
- 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 – 29 มิถุนายน พ.ศ. 2533: เจ้าชายอายะ (ญี่ปุ่น: 礼宮文仁親王殿下; โรมาจิ: Aya-no-Miya Fumihito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Aya)
- 29 มิถุนายน พ.ศ. 2533 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563: เจ้าชายอากิชิโนะ (ญี่ปุ่น: 秋篠宮文仁親王殿下; โรมาจิ: Akishino-no-Miya Fumihito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Akishino)
- 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 – ปัจจุบัน: เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมาร (ญี่ปุ่น: 秋篠宮皇嗣殿下; โรมาจิ: Akishino-no-Miya Kōshi Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Crown Prince Akishino)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ญี่ปุ่น
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นสายสะพาย (2528)
เหรียญลูกเสือ ชั้นคิจิ (ชั้นสูงสุด)[57]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
Order of the Crown (Belgium) ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศเบลเยียม
เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศอิตาลี (2541)[88]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิซเบลลาชาวคาทอลิก ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศสเปน (2551)[89]
Order of the Crown (Netherland) ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศเนเธอร์แลนด์ (2557)[90]
เครื่องอิสริยาภรณ์พระอาทิตย์แห่งเปรู ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศเปรู (2557)[91]
National Order of Merit (Paraguay) ชั้นประถมาภรณ์พิเศษ - ประเทศปารากวัย (2563)[92]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวขั้วโลก ชั้นประถมาภรณ์ - ประเทศสวีเดน
ปริญญากิตติมศักดิ์
จากการที่ทรงสนพระทัยและศึกษาด้านปลาน้ำจืด, ปศุสัตว์ และโดยเฉพาะไก่ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ อันเป็นที่ประจักษ์แก่นักวิชาการเป็นอย่างดี ทรงได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยต่างๆของไทย ดังนี้
- พ.ศ. 2538 - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์[13]
- พ.ศ. 2538 - ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยบูรพา[93]
- พ.ศ. 2542 - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการประมง มหาวิทยาลัยขอนแก่น[94]
- พ.ศ. 2544 - ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[81][95]
- พ.ศ. 2544 - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ[81][96]
- พ.ศ. 2546 - ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี[97]
- พ.ศ. 2550 - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์การประมง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง[98]
- พ.ศ. 2554 - ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่[99]
- พ.ศ. 2554 - ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์[100]
- พ.ศ. 2555 - ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[101]
- พ.ศ. 2561 - ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม[102]
- พ.ศ. 2568 - ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร[103]
Remove ads
เกร็ด
- งานอดิเรกของพระองค์คือการเล่นเทนนิส ซึ่งตอนที่พระองค์อยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ทรงเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสระดับกรุงโตเกียว โดยผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย ซึงพระองค์ทรงใช้กลยุทธ์ในการตีลูกเทนนิสแบบมีลูกเล่น เพื่อทำให้คู่ต่อสู้สับสนมากกว่าเล่นด้วยพละกำลังตรง ๆ[104] ทรงติด 10 อันดับแรกของการแข่งขันเทนนิสประเภทคู่ในระดับภูมิภาคคันโต[105]
- ทรงเป็นแฟนตัวยงของวงเดอะบีเทิลส์[105]
- ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิจัยด้านนก, ไก่, สัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก, และโดยเฉพาะปลาดุก จนพระองค์ถูกขนานพระนามว่าเจ้าชายปลาดุก (ナマズの殿下) [106]
- วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 เจ้าชายทรงขอนางสาวคิโกะ คาวาชิมะแต่งงานระหว่างรอสัญญาณไฟเดินข้ามถนนที่สี่แยกหน้าสถานีเมจิโระ [26][33]
- ทรงมอบแหวนหมั้นที่ทำเป็นรูปทรงปลาดุกให้กับนางสาวคิโกะ คาวาชิมะ เนื่องจากปลาดุกเป็นสิ่งที่เจ้าชายทรงวิจัยในช่วงนั้น[107] [108]
- มีการสร้างอนิเมชันเรื่อง "平成のシンデレラ 紀子さま物語" (เจ้าหญิงคิโกะ ซินเดอเรลล่ายุคเฮเซ) ผลิตโดยสตูดิโอโคเมท ฉายทาง Fuji TV ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2533 เพื่อเฉลิมฉลองการแต่งงานระหว่างเจ้าชายและเจ้าหญิงอากิชิโนะ โดยมีนักร้อง ฮิเดมิ อิชิคาวะ (石川 秀美) พากย์เสียงเจ้าหญิง และผู้ประกาศข่าว ชินสุเกะ คาไซ (笠井 信輔) พากย์เสียงเจ้าชาย[109]
- วันที่ 18 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2544 ทรงเปิดเผยในงานสัมมนาครบรอบ 5 ปีของพิพิธภัณฑ์ทะเลสาบบิวะ ว่าพระองค์เคยเสวยปลาบึกซึ่งเป็นปลาแถบลุ่มแม่น้ำโขง ตอนที่ทรงมาเยือนประเทศไทยเพื่อทำการวิจัย[110]
- ราชวงศ์สาขาอากิชิโนะ มีแนวคิดเรื่องการประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเจ้าหญิงอากิชิโนะทรงเล่าว่าเคยเห็นเจ้าชายทรงใช้ดินสอที่มีความยาวเหลือแค่ 2 - 3 เซนติเมตร[111]
- จากคำบอกกล่าวของเจ้าหญิงมาโกะ พระธิดา "พระชนกทรงโปรดการเสวยหนูตะเภา"[112]
- จากคำบอกกล่าวของเจ้าหญิงคาโกะ พระธิดา "พระชนกทรงเป็นคนที่มีความรู้หลากหลาย เป็นที่พึ่งในหลายๆด้าน เช่น ช่วยจับแมลงที่เข้ามาในบ้าน"[113]
- จากคำบอกกล่าวของเจ้าชายฮิซาฮิโตะ พระโอรส "พระชนกเป็นคนละเอียดและพิถีพิถัน, บางครั้งก็เล่นมุกตลกระหว่างที่พูดคุยกันในครอบครัว, ทรงโกรธง่าย แต่ช่วงหลังทรงใจเย็นขึ้นกว่าเดิม, พระชนกทรงไม่ชำนาญเรื่องทิศทางและแผนที่เท่าพระองค์"[114]
Remove ads
ราชตระกูล
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads